ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2555
ปรโลกนิวส์ ของ ทีมชนะสกุลนิยม ตอนที่ 6
ปรโลกนิวส์ ตอน โยมพ่อละโลกแล้วไปไหน ตอนที่ 6
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปราในช่วงแรกๆ ที่โยมพ่อของลูกไปบังเกิดเป็นเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลาง ที่มีวิมานไม้ซ้อนอยู่กับบ้านของตัวท่านเองในเมืองมนุษย์นั้น ตัวท่านก็พยายามที่จะหาโอกาสพูดคุย หรือติดต่อสื่อสารกับโยมแม่ของลูกและลูกๆ ของท่าน ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะไปเข้าฝันบ้าง หรือ เข้าไปอยู่ใกล้ๆ ทุกคนบ้าง เพื่อที่ทุกคนในบ้านจะได้รู้ว่า ตัวท่านเองยังอยู่ใกล้ๆ ทุกคนอยู่เสมอโยมพ่อของลูกพยายามหาโอกาสติดต่อสื่อสารกับโยมแม่ของลูกและลูกๆ ของท่าน ด้วยวิธีการต่างๆซึ่งสาเหตุที่ทำให้โยมพ่อของลูก ได้มาบังเกิดเป็นเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลาง ที่มีวิมานไม้ซ้อนอยู่กับบ้านของตัวท่านเองในเมืองมนุษย์นั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ตัวท่านยังรักและผูกพันกับครอบครัวของท่านในเมืองมนุษย์อยู่นั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ด้วยผลแห่งบุญที่ตัวท่านได้เคยสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ตัวท่านยังเป็นมนุษย์อยู่นั้น สามารถที่จะส่งให้ตัวท่านไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่ละเอียดประณีตและสูงขึ้นไปกว่านี้ได้แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อท่านเทพบุตรภุมมะเทวา ได้รับกระแสบุญทุกๆ บุญที่พระลูกชายสุดรักของท่านได้ตั้งใจสั่งสม แล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับท่านมากขึ้น มากขึ้นแล้ว ตัวท่านก็เริ่มสอนตัวเองได้ว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกๆ คนบนโลกใบนี้จะต้องเจอ เมื่อตัวท่านเริ่มสอนตัวเองได้เช่นนี้ จึงส่งผลทำให้ใจของท่านสามารถคลายจากความผูกพัน และความเป็นห่วงกังวลทุกคนในครอบครัวลงไปได้ ทีละน้อย ทีละน้อยเมื่อท่านเทพบุตรภุมมะเทวา ได้รับกระแสบุญทุกๆ บุญ ที่พระลูกชายของท่านได้ตั้งใจสั่งสม แล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้ ในที่สุดใจของท่านเทพบุตรก็เริ่มผ่องใส สว่างไสวมากขึ้นและเมื่อกระแสบุญที่พระลูกชายสุดรักของท่าน ได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบุญจากการอุปัฏฐากพระเถระ, บุญจากการถวายปัจจัยบูชาธรรมพระเถระ, บุญจากการประพฤติปฏิบัติธรรม ตลอดจนบุญทุกๆ บุญที่พระลูกชายได้สั่งสมร่วมกับหมู่คณะ ได้ไหลไปจรดเชื่อมที่ศูนย์กลางกายของท่านเทพบุตรภุมมะเทวามากเข้า มากเข้า ในที่สุดใจของท่านเทพบุตรก็เริ่มผ่องใส สว่างไสว และก็เริ่มเกาะเกี่ยวอยู่กับบุญกุศลมากกว่าที่จะไปคิดคำนึงถึงเรื่องครอบครัวของท่านในเมืองมนุษย์เมื่อใจของท่านเทพบุตรภุมมะเทวา เริ่มผ่องใส สว่างไสวและเกาะเกี่ยวอยู่กับบุญกุศลมากขึ้นแล้ว ในระยะหลังๆ ที่พระลูกชายของท่านได้สั่งสมบุญแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับท่าน ภาพของการสั่งสมบุญของพระลูกชายท่านก็จะไปปรากฏฉายอยู่ที่ศูนย์กลางกายของท่านเทพบุตรอยู่เสมอๆท่านเทพบุตรสามารถสอนตัวเองได้ว่า ตัวท่านจะต้องหมั่นนั่งสมาธินึกถึงบุญอยู่เสมอๆนอกจากนั้น บุญที่พระลูกชายได้ทำแล้วก็อุทิศส่งไปให้กับตัวท่านนี้ ก็ยังได้ไปดึงดูดบุญทุกๆ บุญที่ตัวท่านได้เคยสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ตัวท่านยังมีชีวิตอยู่ ให้ได้ช่องมาหล่อเลี้ยงใจของท่านมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ท่านเทพบุตรสามารถสอนตัวเองได้ว่า “ตัวท่านจะต้องหมั่นนั่งสมาธินึกถึงบุญ พร้อมกับคอยตามอนุโมทนาบุญทุกๆ บุญที่พระลูกชายของท่านได้ทำแล้วอุทิศส่งมาให้อยู่เสมอๆ”ในเวลาต่อมา หลังจากที่โยมพ่อของลูกได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรภุมมะเทวาแล้ว ประมาณ 2 ปีของเมืองมนุษย์ วันเวลาที่ผ่านไป ก็ได้ทำให้ใจของท่านเทพบุตรภุมมะเทวา คลายจากความผูกพันและความเป็นห่วงในครอบครัวของท่านลงไปได้มาก เพราะคุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ อีกทั้งใจของท่านก็ไปผูกพันอยู่กับบุญกุศลที่พระลูกชายและทุกๆ คนในครอบครัวได้ทำแล้วก็อุทิศส่งไปให้กับท่าน และเมื่อใจของท่านเทพบุตรเกาะเกี่ยวอยู่กับบุญกุศลเช่นนี้ ใจของท่านจึงเหมือนกับถูก “ปลดล็อก” จากโซ่พันธนาการแห่งความกังวลทั้งปวงใจของท่านเหมือนกับถูกปลดล็อกจากโซ่พันธนาการแห่งความกังวลทั้งปวงแล้วในที่สุด กระแสบุญที่ตัวท่านได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ตัวท่านเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นบุญที่ตัวท่านได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว, บุญที่ตัวท่านได้อนุญาตให้พระลูกชายมาบวชสร้างบารมีกับหมู่คณะ รวมไปถึงบุญทุกๆ บุญที่พระลูกชายมาชักชวนตัวท่านให้ทำร่วมกับมหาปูชนียาจารย์และหมู่คณะ เป็นต้น จึงได้ช่องตามมาส่งผลอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ซึ่งกระแสบุญดังกล่าวก็ได้กลั่นกายของท่านเทพบุตรภุมมะเทวาให้มีความละเอียดมากขึ้น มากขึ้น ตามลำดับจนกระทั่ง เมื่อกายของท่านเทพบุตรภุมมะเทวา มีความละเอียดเท่ากับภพภูมิใหม่ที่เหมาะสมกับตัวท่าน ทันใดนั้นเอง ตัวท่านก็ได้แว้บไปบังเกิดเป็น “เทพบุตรคนธรรพ์ระดับกลาง” ในวิมานไม้สีทองประดับด้วยเงินของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาในทันทีตัวท่านได้ไปบังเกิดเป็น “เทพบุตรคนธรรพ์ระดับกลาง” ในวิมานไม้สีทองประดับด้วยเงินของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภายหลังจากที่ท่านเทพบุตรภุมมะเทวา ได้มาบังเกิดเป็น “เทพบุตรคนธรรพ์ระดับกลาง” แล้ว ตัวท่านก็รู้สึกประหลาดใจและตื่นตาตื่นใจกับรูปกายใหม่ของตัวท่าน ที่ทั้งดูดีและสง่างามเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น ตัวท่านยังรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างสุดๆ ในทิพยสมบัติต่างๆ ที่อยู่ภายในวิมานของท่านอีกด้วย ที่ตัวท่านมีความรู้สึกเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ แต่เดิมนั้น ตัวท่านเคยคิดว่า ในช่วงที่ตัวท่านได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรภุมมะเทวานั้น ตัวท่านก็มีความสะดวกสบายในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อตัวท่านได้มาบังเกิดเป็นเทพบุตรคนธรรพ์ระดับกลางในวิมานแห่งนี้ ตัวท่านกลับพบกับความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเป็นอย่างมากตัวท่านรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับรูปกายใหม่ของท่าน และอัศจรรย์ใจในทิพยสมบัติต่างๆ พร้อมทั้งตรวจตราดูทิพยสมบัติ ด้วยความรู้สึกปลื้มปีติเบิกบานใจในบุญอย่างที่สุดอีกทั้ง ทิพยวิมานและทิพยสมบัติต่างๆ ที่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแห่งนี้ก็ล้วนแล้วแต่มีความประณีต, สวยงามและอลังการด้วยเครื่องประดับที่ทำจากทองและรัตนชาติอย่างที่สุด ไม่เพียงแค่นั้น เหล่าบริวารอันเป็นทิพย์ของท่าน ยังมีจำนวนที่มากขึ้นไปกว่าเดิมหลายเท่าอีกด้วย ซึ่งตัวท่านก็ได้ตรวจตราทิพยสมบัติต่างๆ เหล่านี้ด้วยความรู้สึกที่ปลื้มปีติเบิกบานใจในบุญอย่างที่สุดเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับจากวันที่โยมพ่อของลูก ได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรคนธรรพ์บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแห่งนี้ ตัวท่านก็ได้คอยตามอนุโมทนาบุญกับพระลูกชายและทุกๆ คนในครอบครัวที่คอยทำบุญและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งมาให้กับท่านอยู่เป็นระยะๆตัวท่านได้คอยตามอนุโมทนาบุญกับพระลูกชายและทุกๆ คนในครอบครัว ที่คอยทำบุญและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งมาให้กับท่านอยู่เป็นระยะๆจนกระทั่ง เมื่อถึงวันที่โยมแม่ของลูกได้เสียชีวิตลงไปใหม่ๆ ณ ช่วงเวลานั้น ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ก็ยังไม่ทราบเลยว่า โยมแม่ของลูกได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ในช่วงที่โยมแม่ของลูกนอนป่วยแล้วก็เสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ กำลังเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจอยู่กับทิพยสมบัติต่างๆ ของท่าน ซึ่งก็จะมีทิพยสมบัติใหม่ๆ ที่ตื่นตาตื่นใจให้ตัวท่านได้ชื่นชมและตื่นเต้นอยู่เสมอๆ โดยทิพยสมบัติใหม่ๆ เหล่านี้ ล้วนเกิดจากผลแห่งบุญที่ครอบครัวของท่านได้ทำแล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับท่านทั้งสิ้น กอปรกับ ณ ช่วงเวลานั้น ตัวท่านก็กำลังศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมของชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแห่งนี้อยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ตัวท่านไม่ได้ใช้ทิพยจักษุตรวจดูโยมแม่ของลูก ในช่วงที่โยมแม่ของลูก กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลเลยนั่นเองแต่ถ้ามีคนในครอบครัวทำบุญแล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับท่าน ภาพของการทำบุญก็จะไปปรากฏให้ตัวท่านได้เห็น แล้วตัวท่านก็จะรู้ว่าใครทำบุญนี้มาให้ ซึ่งท่านก็จะตรวจตราดูครอบครัวของท่านเป็นช่วงๆ ที่ครอบครัวของท่านได้ทำบุญมาให้จนกระทั่งเมื่อลูกๆ ของท่าน ได้ทำบุญให้กับโยมแม่ของลูกที่เพิ่งเสียชีวิต ลูกๆ ทุกคนก็ไม่ลืมที่จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับโยมพ่อของลูกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ภาพของการทำบุญดังกล่าว ซึ่งก็คือภาพการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับโยมแม่ของลูกที่เพิ่งเสียชีวิต ได้ไปปรากฏให้ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ได้เห็น ทันทีที่ตัวท่านได้เห็นภาพการทำบุญเช่นนั้น ตัวท่านจึงรับรู้และรับทราบในทันทีว่า “โยมแม่ของลูกได้เสียชีวิตลงไปแล้ว”เมื่อตัวท่านเห็นภาพการทำบุญเช่นนั้น ตัวท่านจึงรับรู้ทันทีว่า โยมแม่ของลูกได้เสียชีวิตลงไปแล้วทันทีที่ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้ทราบว่า “โยมแม่ของลูกได้เสียชีวิตลงไปแล้ว” ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ก็ไม่รอช้าได้ตรวจตราดูด้วยทิพยจักษุต่อไปอีกว่า หลังจากที่โยมแม่ของลูกเสียชีวิตไปแล้ว ท่านไปอยู่ที่ไหนเมื่อท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้ตรวจตราดูด้วยทิพยจักษุแล้ว ตัวท่านก็พบว่า กายละเอียดโยมแม่ของลูก ที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ยังคงวนเวียนอยู่ภายในบ้านของท่าน เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวท่านจึงเกิดความรู้สึกอยากที่จะให้โยมแม่ของลูก ได้มาบังเกิดเป็นชาวสวรรค์และอยู่เคียงข้างกับตัวท่านที่วิมานแห่งนี้ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ได้ตรวจตราดูด้วยทิพยจักษุแล้วพบว่า กายละเอียดโยมแม่ของลูก ยังคงวนเวียนอยู่ภายในบ้านของท่านส่วนสาเหตุที่ทำให้ตัวท่านไม่ได้แว้บมาหากายละเอียดโยมแม่ของลูก ทั้งๆ ที่ตัวท่านก็สามารถแว้บมาหาได้เลยนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ณ ช่วงเวลานั้น ความรักความผูกพันที่ตัวท่านมีต่อโยมแม่ของลูกมันไม่ได้เข้มข้นแบบทางโลก เหมือนอย่างในสมัยที่ตัวท่านยังเป็นมนุษย์อยู่ท่านได้ใช้ทิพยจักษุตรวจตราดูกายละเอียดโยมแม่ของลูก ตัวท่านก็พบว่า กายละเอียดโยมแม่ของลูกเริ่มมีความผ่องใสและสว่างไสวมากขึ้นไปเรื่อยๆซึ่ง ณ ช่วงเวลานี้ ใจของท่านเทพบุตรนั้น มีแต่ความรู้สึกปรารถนาดีและอยากที่จะให้โยมแม่ของลูกได้มาอยู่ด้วยกันที่สวรรค์แห่งนี้ อีกทั้งในช่วงจังหวะที่ตัวท่านได้ใช้ทิพยจักษุตรวจตราดูกายละเอียดโยมแม่ของลูก ตัวท่านก็พบว่า กายละเอียดโยมแม่ของลูกเริ่มมีความผ่องใสและสว่างไสวมากขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อตัวท่านได้เห็นกายละเอียดโยมแม่ของลูกเป็นเช่นนี้ ตัวท่านจึงรู้สึกสบายใจและก็มั่นใจว่า อีกไม่ช้ากายละเอียดโยมแม่ของลูกก็คงจะต้องมาบังเกิดเป็นชาวสวรรค์ แล้วก็ต้องมาเจอกับตัวท่านที่นี่อย่างแน่นอนแต่เมื่อท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้ใช้ทิพยจักษุติดตามดูกายละเอียดโยมแม่ของลูกไปเรื่อยๆ แล้ว ตัวท่านก็ได้เห็นภาพของอดีตภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งของตัวท่าน มีกายที่ผ่องใส และสว่างไสวมากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วกายละเอียดของเธอก็ได้แว้บ หายไปเกิดใหม่ในที่สุดตัวท่านได้เห็นภาพของอดีตภรรยา มีกายที่ผ่องใสและสว่างไสวมากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วกายละเอียดของเธอก็ได้แว้บ หายไปเกิดใหม่ในที่สุดซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นตัวท่านก็ยังไม่ทราบเลยว่า “กายละเอียดโยมแม่ของลูกแว้บ หายไปบังเกิดใหม่อยู่ที่ไหน” ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ กายละเอียดโยมแม่ของลูกได้ไปบังเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นภพภูมิที่ละเอียดกว่าภพภูมิที่ตัวท่านอยู่นั่นเองแต่อย่างไรก็ตาม แม้ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ จะไม่ทราบว่าโยมแม่ของลูกไปบังเกิดใหม่อยู่ ณ ที่ไหน แต่ตัวท่านก็มีความมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่า “โยมแม่ของลูกจะต้องไปบังเกิดใหม่ อยู่ในภพภูมิที่อยู่สูงกว่าตัวท่านเองอย่างแน่นอน เพราะโยมแม่ของลูกเป็นคนที่ใจบุญและรักการสั่งสมบุญมากกว่าตัวท่านเอง”แม้ท่านจะไม่ทราบว่าโยมแม่ของลูกไปบังเกิดใหม่อยู่ ณ ที่ไหน แต่ตัวท่านก็มั่นใจว่า โยมแม่ของลูกจะต้องไปบังเกิดใหม่ อยู่ในภพภูมิที่อยู่สูงกว่าตัวท่านอย่างแน่นอนและเมื่อตัวท่านคิดได้เช่นนี้แล้ว ตัวท่านก็เกิดความรู้สึกดีใจไปกับโยมแม่ของลูกด้วย แต่ถึงกระนั้น ตัวท่านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายนิดๆ ที่จะไม่ได้เจอกับอดีตภรรยาสุดที่รักของตัวท่านอีกแล้วจนกระทั่งในเวลาต่อมา ด้วยความที่พระลูกชายของท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้ตั้งใจบวชสร้างบารมี และสั่งสมบุญทุกๆ บุญในเพศสมณะอย่างเต็มที่เต็มกำลัง โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันมา 26 พรรษา และได้ตั้งใจอุปัฏฐากดูแลพระเถระอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด ด้วยผลแห่งบุญดังกล่าวนี้ จึงทำให้พระธรรมกายได้เมตตาไปเยี่ยมท่านเทพบุตรคนธรรพ์ที่วิมานของท่านบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาพระธรรมกายได้เมตตาไปเยี่ยมท่านเทพบุตรคนธรรพ์ที่วิมานของท่านบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทันทีที่พระธรรมกายได้ไปปรากฏอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา รัศมีความสว่างที่ชุ่มเย็นของพระธรรมกาย ก็ได้แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วทั้งภพของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลทำให้ทั้งเทพบุตรและเทพธิดา ที่อยู่บนสวรรค์แห่งนี้เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมากเมื่อท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้เห็นพระธรรมกายเมตตามาปรากฏอยู่ที่วิมานของท่าน ตัวท่านก็รู้สึกปลาบปลื้มปีติใจเป็นอย่างมาก แล้วท่านเทพบุตรก็ไม่รอช้าได้ก้มลงกราบพระธรรมกายด้วยความเคารพนอบน้อมในทันทีท่านเทพบุตรก็ไม่รอช้าได้ก้มลงกราบพระธรรมกายด้วยความเคารพนอบน้อมในทันทีจากนั้น พระธรรมกายก็ได้เมตตาประมวลรวมเอาบุญของพระลูกชาย ที่ได้ตั้งใจบวชสร้างบารมี และสั่งสมบุญทุกๆ บุญในเพศสมณะ อย่างเต็มที่เต็มกำลังโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันมา 26 พรรษา และได้ตั้งใจอุปัฏฐากดูแลพระเถระอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด กับบุญทุกๆ บุญที่ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ ได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ตัวท่านยังเป็นมนุษย์ ไปซ้อนตรึงติดไว้ที่ศูนย์กลางกายของท่านเทพบุตรคนธรรพ์เมื่อพระธรรมกายเห็นว่า กำลังบุญของท่านเทพบุตรคนธรรพ์ มีกำลังเพียงพอที่จะทำการ เปลี่ยนภพภูมิให้สูงขึ้นได้แล้ว พระธรรมกายก็ได้ทำการเปลี่ยนภพภูมิให้ท่าน โดยนำท่านเทพบุตรคนธรรพ์แว้บไปบังเกิดเป็น...!!!ท่านเทพบุตรคนธรรพ์ มีกำลังเพียงพอที่จะทำการ เปลี่ยนภพภูมิให้สูงขึ้นได้ส่วนว่าท่านเทพบุตรคนธรรพ์ จะแว้บไปบังเกิดใหม่เป็นอะไร ที่ไหน อย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในวันถัดไป
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
http://goo.gl/9GZvW