ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนในเมืองทวาย ล้วนแต่ได้ยินคนพูดกันถึงแต่งานบุญใหญ่ที่จัดไปเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาค่ะ ทุกคนที่ได้มาร่วมงานต่างพูดกันแต่ว่า “อะโลน ปีติ เพียวแด” แปลว่า “ปลื้มมากๆ ปลื้มมากๆ” และคงจะพูดถึง 3 บุญใหญ่นี้ไปอีกนานแสนนาน ปลื้มไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน แบบปลื้มไว้นิรันดร์
ปกติชาวพุทธทวายจะทุ่มเทให้กับงานพระศาสนามากค่ะ และภูมิใจมากที่มี 3 บุญใหญ่เกิดขึ้น ชาวทวายหลายคนที่ทำงานอยู่ต่างบ้านต่างเมืองถึงกับยอมลางาน พากันเดินทางกลับบ้านเพื่อมาร่วมบุญใหญ่ในครั้งนี้ แล้วไม่ใช่แค่ชาวทวายเท่านั้น ชาวย่างกุ้งก็มา ชาวเมาะละแหม่งก็มา ฯ ทำให้พิธีตักบาตรมีผู้มีบุญมาร่วมอย่างล้นหลาม ถามกี่คนก็ตอบอย่างเดียวกันว่า ปีติมาก ใจสว่างมาก ขนาดบนท้องฟ้าพระอาทิตย์ยังทรงกลดเลยค่ะ
ผู้มีบุญเข้าจับจองพื้นที่ในพิธีตักบาตรพระนานาชาติ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองทวาย
ผู้มีบุญมากันอย่างเนืองแน่นจนเจ้าหน้าที่ต้องแหวกฝูงชน
เพื่อขอปูผ้ากระสอบ ขยายลานตักบาตรให้ไกลขึ้น
พลังศรัทธาท่วมท้น ขยายพื้นที่อย่างไรก็ไม่เพียงพอ
หลวงพ่อพระอินทญาณะ ท่านปลื้มมาก
ท่านยืนพนมมือส่งคณะสงฆ์ทุกรูปเข้าสู่ลานตักบาตร
พิธีตักบาตรที่อบอุ่นอบอวลไปด้วยกระแสบุญ
ท่ามกลางกลิ่นไอแบบดั้งเดิมของเมืองทวาย
ในพิธีตักบาตรนอกจากเด็กๆจะรู้จักการทำบุญแล้ว
จะสังเกตุเห็นว่าแทบทุกคนจะกล่าวคำอาราธนาศีล 5 ได้ในช่วงเดินธุดงค์พอชาวบ้านเห็นพระธุดงค์รูปแรกมาเท่านั้นเอง ก็ส่งเสียงสาธุขึ้นเป็นอัตโนมัติและจะก้มกราบพระเป็นระยะๆ ทุกคนตั้งจิตตั้งใจไม่วอกแวก ไม่พูดคุย ขนาดผู้สื่อข่าวสว่างจะขอสัมภาษณ์ หลายคนจะหันมาส่ายหน้าโบกมือ..แบบว่าขอให้สาธุจบก่อน แล้วที่น่าชื่นชมสุดๆ คือเวลาที่พระธุดงค์เดินผ่านแยก ปกติเราต้องคอยตัดแถวพระ และแหวกเสื่อออก เพื่อให้รถวิ่งผ่านไปเป็นระยะ แต่ที่นี่ ไม่ค่ะ ทุกคนพร้อมใจหยุดรถ ลงมาพนมมือ ยินดีรออย่างสงบ ต่างจากวันปกติที่จะมีเสียงแตรรถดังตลอดเวลาค่ะ แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างเห็นได้ชัด แล้วพอขบวนพระธุดงค์ผ่านไปหมดแล้ว ทุกคนก็พร้อมใจเก็บดาวรวยเอากลับไปบูชาที่บ้าน โดยที่อาสาสมัครยังไม่ทันต้องแนะนำเลยค่ะ
จุดเริ่มต้นแห่งมหาปีติ ณ วัดชเวตองซา(วัดสำคัญของเมืองทวาย)
สายธารแห่งศรัทธาในวันแห่งมหาปีติ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองทวาย
ผู้มีบุญหลั่งไหลมาต้อนรับพระธุดงค์อย่างคับคั่ง
พลังศรัทธาเปี่ยมล้นทั้งสองฝั่งถนน
งานนี้มีแต่คนปลื้มค่ะ ขนาดคุณอูคิมหม่องเอ เฮดจัดงานก็ปลื้มไม่หยุด ได้กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ที่ส่งทีมงานมาช่วยจัดงานบุญใหญ่ในครั้งนี้ ผมและคนเมียนม่าร์ที่มาร่วมงานทุกคนรู้สึกปลื้มมากๆ ตอนนี้ผมสามารถพูดคำว่า ออบบิ ออมบิ ออมบิ ได้อย่างเต็มปากด้วยความภาคภูมิใจครับ งานครั้งนี้นับว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก ทุกกิจกรรมมีคนมาร่วมงานเยอะมากๆ พวกเราใช้เวลา 2-3 เดือนเพื่อเตรียมงาน ตั้งแต่ไปอบรมที่จังหวัดกาญจนบุรี เตรียมงานกันอย่างไม่หยุดพัก และตลอด 2-3 วันที่ผ่านมาก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยครับ เราใช้ทั้งความพยามยาม ปัญญา วิริยะ จนงานประสบความสำเร็จ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะให้มีการจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ ให้มีพระมามากกว่านี้ และอยากให้จัดงานเช่นนี้ทุกๆปีครับ พวกเราจะช่วยกันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเมียนมาร์ให้ดีที่สุดครับ”
คุณอูคิมหม่องเอ
ในพิธีจุดประทีปบอกได้เลยว่าอะเมซซิ่งสุดๆค่ะ เพราะผู้มีบุญพากันมาร่วมงานชนิดเยอะจนนับไม่ไหว แล้วก็เข้าสู่พื้นที่แบบไหลเข้าไปไม่หยุด แป๊บเดียวโคมลานหมื่นกว่าโคมก็มีคนนั่งเต็มทุกโคม บางโคมนั่งกันมากกว่าหนึ่งคน บางโคมก็นั่งกันทั้งครอบครัว แล้วที่เหลือก็ล้นขึ้นไปอยู่ตามขอบสนามกีฬา แล้วที่ยังเข้าไม่ได้ก็อีกเยอะมโหฬารค่ะ แต่พอพิธีกรรมเริ่มทุกอย่างก็สงบ สวดมนต์ก็พร้อมเพรียงเสียงใสแจ๋ว พอนั่งสมาธิตามเสียงนำนั่งเป็นภาษาเมียนม่าร์ของคุณครูไม่ใหญ่ก็ยิ่งสงบเข้าไปอีก ผู้มีบุญที่นี่ใจใสมากค่ะ พอถามว่านั่งสมาธิตามเสียงนำนั่งของคุณครูไม่ใหญ่ได้ผลเป็นอย่างไร หลายคนจะตอบคล้ายๆกันอย่างน่าอัศจรรย์เลยว่า “ใจสงบมาก รู้สึกมีปีติอยู่ในใจ ในใจก็มีแต่พระพุทธรูป มีความสุขมากๆ” การจุดประทีปในวันนั้นจึงสว่างไปทั้งดวงใจ โคมลาน โคมลอย แถมพระจันทร์ยังทรงกลดสวยงามมากอีกด้วยค่ะ
ผู้มีบุญหลั่งไหลเข้าจับจองพื้นที่ในพิธีจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
ผู้มีบุญล้นพื้นที่จัดงาน ถึงไม่ได้จุดประทีปกับมือแต่ก็ปลื้มล้นใจ
จุดประทีปแปลอักษร
สัญลักษร์สำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวเมียนม่าร์
ประทีปแห่งธรรมสว่างกลางใจพุทธศาสนิกชน
พิธีปล่อยโคมลอยถวายเป็นพุทธบูชาครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองทวาย
3 บุญใหญ่ เพื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนาในทวายให้รุ่งเรืองในครั้งนี้ สำเร็จได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย ทั้งไทยและเมียนม่าร์ ทั้งคณะสงฆ์และญาติโยม ผลบุญเป็นของทุกท่าน ผลงานเป็นของทุกคนจ้า
http://goo.gl/LekRzV