ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ปลื้ม..เพราะกฐินนี้ “ชิตัง เม”
ตอน ยอดหญิงหัวใจเด็ดเพชรยังแพ้ !!!
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
ลูกชื่อ นิตยา เป็นพนักงาน บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ
ลูกชื่อ นิตยา เป็นพนักงาน บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ

กัลฯ นิตยา
หลวงพ่อคะ ลูกเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่มีลูกมากถึง 10 คน และด้วยความที่บ้านเราไม่ได้รวยมาก ลูกจึงต้องช่วยแม่ทำงานตั้งแต่เล็ก โดยมัดถุงพุทราส่งให้เขาขายก่อนที่จะไปโรงเรียน และพอกลับจากโรงเรียนก็ต้องมามัดถุงพุทราอีกจนถึง 2 ทุ่ม ซึ่งกว่าจะได้ทำการบ้านก็ดึกดื่นทุกคืน หนำซ้ำพออายุ 13 ขวบ ก็ต้องออกหางานทำจริงๆจังๆ เพื่อเลี้ยงตัวเองและส่งเงินช่วยแม่ เพราะพระคุณท่านที่เลี้ยงลูกจนโตมา
หลวงพ่อคะ..แม้ลูกจะอายุแค่ 13 ขวบ ก็ไม่ใช่ทำงานวันละแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงนะคะ แต่ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า เลิก 4 ทุ่มเกือบทุกวัน ลูกใช้ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยมา จนกระทั่งได้เข้าวัดพระธรรมกายในปี 2538 และก็มาเป็นอาสาสมัครประจำแผนกบุญสถานช่วยงานวัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกเข้าใจและซาบซึ้งในบุญทุกบุญ โดยเฉพาะบุญทอดกฐิน เพราะแต่ละปี ลูกได้พยายามเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงที่หามาด้วยความยากลำบากนี้ ทำบุญเป็นประธานกองในระดับ 2 - 3S มาโดยตลอด จนกระทั่งประมาณปี 2541 หลังจากที่ลูกได้รับพระของขวัญจากหลวงพ่อ และได้ฟังเพลงให้โอกาสฉันเสียที ทำให้น้ำตาลูกไหล และคิดว่า..เราอยากถวายเวลาและปัจจัยให้มากที่สุด เพื่อให้งานพระศาสนาทุกโครงการของหลวงพ่อสำเร็จเร็วๆ และอยากให้หลวงพ่อได้ไปทำวิชชาอย่างปลอดกังวล ด้วยเหตุนี้ ลูกจึงเกิดความคิดขึ้นว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องเป็นประธานกองกฐินระดับ M ให้ได้ แต่ ณ เวลานั้นก็ได้แค่คิดค่ะ เพราะมนุษย์เงินเดือนที่จบแค่ ม.ศ.3 จะเอาเงิน M มาจากไหน แต่ลูกก็ไม่หมดหวัง เพราะหากลูกอดทนรอเวลา และขยันทำงานในบริษัทจนลูกอายุครบ 55 ปี หลังจากลูกเกษียณทางบริษัทก็จะยกเงินที่สะสมให้ลูกมานานถึง 43 ปีให้เกือบ M พอดี เพื่อเอาไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย ยามที่ลูกทำงานไม่ไหวแล้ว ซึ่งลูกคิดว่า..จะเอาเงินตรงนี้แหละค่ะ มาเป็นประธานกองกฐิน จากนั้นลูกก็ได้แต่เร่งวันเร่งคืน อดทนขยันทำงาน และคิดวนเวียนในใจตลอด 17 ปีว่า..ชาตินี้..เราต้องเป็นประธาน M ให้ได้ และ ณ ตอนนี้ ลูกอายุครบ 55 ปีแล้วค่ะ ซึ่งลูกก็ขอยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือ ขอเอาเงินก้อนสุดท้ายที่จะใช้เลี้ยงชีวิตบั้นปลายนี้ มาเป็นประธานกองกฐิน M แรกของชีวิต
ซึ่งเงินก้อนนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะมันหมายถึงชีวิตลูกทั้งหมด หลายคนอาจสงสัยว่า..ทำไมลูกจึงกล้าตัดสินใจเช่นนี้ เพราะนับจากนี้ไป หากเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตจะทำอย่างไร ซึ่งลูกขอถอดใจพูดตรงนี้เลยนะคะว่า ลูกไม่กลัวและไม่กังวลเลยค่ะ ตรงกันข้ามกลับปลื้มจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรถูก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของคนจนๆอย่างลูก สามารถทำบุญ M กับเขาได้ เพราะถ้าลูกเอาเงินไปฝากธนาคารไว้ แล้วถ้าวันพรุ่งนี้เกิดตายขึ้นมา ลูกก็อดใช้เงินทันที และถ้าลูกไม่ตัดสินใจทำบุญใหญ่อะไรสักอย่างเพื่อรื้อผังจนให้ตัวเอง ชาติหน้าลูกก็ต้องเกิดมาจนและลำบาก วนๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนี้อีกไปทุกชาติ คือ ไม่มีใครอยากเกิดมาจนทุกชาติหรอกค่ะ เพราะไม่สะดวกในการสร้างบารมีเลย ดังนั้นลูกจึงสวมหัวใจเด็ด แกร่งดั่งเพชร เพื่อรื้อผังจนให้หมดสิ้นไป
พอฟังกันมาถึงตรงนี้ ก็อย่าเพิ่งอ้าปากค้างนะคะ เพราะลูกอยากจะให้ทุกคนสูดลมหายใจลึกๆ และฟังให้ชัดๆว่า..สิ่งที่ลูกทำ..ไม่โอเวอร์เกินไปเลย เหมือนอย่างในอดีตชาติของพระมหากัสสปะ ในชาติที่ท่านเกิดเป็นพราหมณ์ (จูเฬกสาฎกพราหมณ์สองสามีภรรยา) ที่เกิดมายากจนมาก ถึงขนาดมีผ้าห่มที่ใช้คลุมกายเพียงผืนเดียวเท่านั้น ทำให้เวลาจะออกไปฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องผลัดกันไป เพราะต้องผลัดกันใช้ห่มคลุมกาย และด้วยความยากจนเข็ญใจมากถึงขนาดนี้นี่เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นกัลยาณมิตรให้ โดยทรงยอมเทศน์ถึงเช้า เพื่อให้พราหมณ์ยอมทำทานสละผ้าห่มคลุมกายที่มีอยู่เพียงผืนเดียวมาถวาย จากเหตุการณ์นี้ อยากให้ช่วยกันคิดต่อว่า การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำอย่างนี้ เป็นเพราะท่านอยากได้ผ้าผืนเก่าๆ ที่ผ่านการใช้มาแล้วของพราหมณ์หรือเปล่า ?? คำตอบคือ เปล่าเลย !!! แต่ท่านอยากให้พราหมณ์สละความตระหนี่ออกจากใจ เพื่อให้บุญนี้ไปแก้ผังจนของพราหมณ์คู่นี้ แล้วในที่สุด..อานิสงส์นี้ ก็พลิกชีวิตพราหมณ์จนๆให้รวยอัศจรรย์ทันตาเห็นในชาตินั้นทันที