ความในใจของพระครูสุมณฑ์ธรรมวงศ์
(Bangladesh)

ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรมาก เมื่อให้บวชก็บวช ไม่เห็นยากอะไร พอบวชแล้วก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่น คิดว่าเมื่อบวชก็บวชเลย อยู่ในเพศนักบวชแบบม้วนเดียวจบไม่คิดลาสิกขา จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงเป็นพระอย่างมีความสุขครับ
พออายุได้ 16ปี (ปี พ.ศ.2516) ผมก็ได้เข้ามาศึกษาที่เมืองไทย ณ จิตตภาวันวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้น หลวงพ่อกิตติวุฒโฑ ท่านปรารถนาจะให้สามเณรจากต่างประเทศมาศึกษาในวิทยาลัยของท่าน จึงให้ทุนการศึกษา แก่สามเณรต่างประเทศ มีทั้งเวียดนาม ลาว เขมร ศรีลังกา และบังคลาเทศ
พอปี พ.ศ.2521 ผมก็ย้ายมาอยู่ วัดสระเกศ ที่กรุงเทพฯ ได้บวชเป็นพระ จนกระทั่งปี พ.ศ.2531 ก็ได้มาปฏิบัติศาสนกิจ เป็นพระธรรมทูต ที่ ณ วัดไทยลอสแองเจอลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงปัจจุบัน
ผมมีโอกาสได้ดู DMC ผ่านทาง Internet เป็นการสอนธรรมะที่ล้ำสมัย และได้ประโยชน์มาก หลวงพ่อสอนแบบเป็นกันเอง สบายๆ ดูดีมีเสน่ห์ ไม่ขรึมแต่ดูสงบ ผมคิดว่าลักษณะงามแบบหลวงพ่อนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีได้ ต้องสั่งสมบุญมาหลายภพหลายชาติทีเดียว
การที่หลวงพ่อมีวิสัยทัศน์ที่จะรวมสงฆ์จากทั่วโลก แล้วร่วมมือกันในการขยายพระพุทธศาสนาไปทั่วโลก เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะชาวพุทธจะต้องสามัคคีกัน ปัจจุบันต้องยอมรับว่า การตื่นตัวของชาวพุทธและความหวงแหนในพระพุทธศาสนามีน้อย เพราะเราขาดการศึกษาสิ่งดีๆที่เรามีอยู่อย่างจริงจัง บางครั้งเรากลับเห็นคุณค่าของศาสนาเราเอง ด้วยการเรียนรู้มาจากเพื่อนต่างศาสนา
ชาวพุทธที่แท้จริงต้องศึกษา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ 3 อย่างควบคู่กันไป จะให้แตกฉานจริงๆต้องปฏิบัติควบคู่ไปด้วย จะเรียนรู้พระพุทธศาสนามากแค่ไหน หรือแม้บวชเป็น 100 ปี ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น การปฏิบัติสำคัญมาก เพราะคุณค่าของพระพุทธศาสนาคือการปฏิบัติธรรม
ผมเองก็ได้ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเป็นประจำ เพราะการนั่งสมาธิเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของชีวิต นั่งแล้วก็เกิดความสงบ สบาย มีแสงสว่างเกิดขึ้น จิตมีความสงบเยือกเย็น เป็นความสุขที่แท้จริง สมาธิเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้แต่การครองตัวในเพศสมณะ ก็ใช้สติกับสมาธิ ถ้าไม่มีสติก็อยู่ในเพศสมณะอย่างถาวรได้ลำบาก
ความจริงแล้วการเป็นพระแท้ ที่บริสุทธิ์บริบูรณ์นั้นดูเหมือนจะง่ายแต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ยากครับ ที่ว่ายากนั้นยากที่ใจ ถ้าจะเป็นพระได้นานต้องประคองรักษาใจ มีสติกำกับ ไม่งั้นลำบากครับ แต่การเป็นพระแท้ ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย รักการประพฤติปฏิบัติธรรมนี่แหละครับ จึงจะสามารถรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ เช่นบังคลาเทศในอดีต จะมีการบวชเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนากันมาก เพราะมีต้นแบบจากพระเถระในอดีตท่านมีปฏิปทาที่ดี เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และการปฏิบัติจริงๆ จึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้านได้ ทำให้สามารถรวมกลุ่มชาวพุทธได้เหนียวแน่น ฉะนั้นการที่ใครจะบวช ต้องถามตัวเองให้ได้ว่า บวชมาทำไม มีหน้าที่อะไร เป้าหมายหลักคือการทำพระนิพพานให้แจ้ง
โยมแม่ของผม ท่านก็ดีใจที่ลูกชายได้อยู่ในสมณะเพศ สมาชิกทุกคนในครอบครัว รวมทั้งน้าสาวและน้าชายต่างก็ภูมิใจที่มีหลานชายบวชพระ โดยเฉพาะโยมน้านั้น แม้จะอายุมากแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพระพุทธรูปเลยครับ พอทางประเทศไทยได้อาราธนาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไปให้ที่วัดในบังคลาเทศ ท่านก็ดีใจมาก บอกว่า ถ้าไม่มีหลานชายบวชคงไม่มีโอกาสได้เห็นพระพุทธรูป เป็นมงคลแก่ชีวิตเป็นอย่างมาก
ผมมีเป้าหมายในชีวิต ที่จะเดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสอน ทั้งเรื่องทาน ศีล และภาวนา โดยเฉพาะเรื่องของการทำสมาธิภาวนา เพราะการนั่งสมาธิเป็นการสำรวจตัวเอง ให้รู้เท่าทันกิเลส กิเลสวิ่งไปวิ่งมา แต่ธรรมะของพระบรมศาสดาคือการหยุด กิเลสมีอยู่รอบๆตัวเรา ถ้าวิ่งตามกระแสกิเลสก็เหนื่อย บางครั้งวิ่งชนกันอุตลุด แต่ถ้าใจหยุด ชีวิตจึงจะปลอดภัย และผลจากสมาธินี่แหละครับ จึงจะทำให้เกิดสันติภาพและสันติสุขได้
สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สอนและได้ทำอยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ดีมากๆครับ สิ่งเหล่านี้จะปลุกให้ชาวพุทธตื่นตัวในการที่จะมาศึกษาความรู้ในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจังขึ้น และ ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2551 จะมีการประชุมสงฆ์จากทั่วโลกนั้น ผมก็ตั้งใจจะมาเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอนครับ