ผู้สื่อข่าวรายงานจากสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.49 นายกันตธีร์ ศุภมงคล รมว.ต่างประเทศ และนายศรีสุข จันทรางศุ ประธานกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทยและนายโชติศักดิ์ อาสภะวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย ได้ให้การต้อนรับและพาคณะทูตานุทูตกว่า 70 ประเทศ เยี่ยมชมพื้นที่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งอาคารผู้โดยสาร, เคาน์เตอร์เช็กอิน และอาคารรับรองผู้โดยสารพิเศษ, ตรวจคนเข้าเมือง

 



นายกันตธีร์ ศุภมงคล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการนำคณะทูตานุทูตกว่า 70 ประเทศ เยี่ยมชมสนามบินสุวรรณภูมิว่า ได้มีการบรรยายถึงรายละเอียด และศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคณะทูตได้ให้ความสนใจซักถามในเรื่องของการเตรียมพื้นที่ของท่าอากาศ ยาน ในส่วนที่จะใช้ต้อนรับบุคคลสำคัญของแต่ละประเทศ ที่เดินทางเข้าสู่ไทย การเตรียม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบตรวจบัตรผ่านผู้โดยสาร ที่พักรับรองในกรณีที่บุคคลสำคัญ เดินทางผ่านประเทศไทย หรือพักค้างคืน ซึ่งในส่วนนี้ได้แจ้งให้คณะทูตทราบว่า โรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ มีความพร้อม และอยู่ภายในพื้นที่ใกล้อาคารผู้โดยสารมาก


 


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ยืนยันถึงกำหนดการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ และพร้อมในการเป็นศูนย์กลางทางการบินของไทย ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลมั่นใจว่า ผลของการเปิดใช้สุวรรณภูมิ จะทำให้ปริมาณผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้าสู่ไทยขยายตัวมากขึ้น จากปัจจุบัน 13-14 ล้านคน ต่อปี เนื่องจากศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสาร เมื่อเริ่มต้น 45 ล้านคนต่อปี และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 100 ล้านคนต่อปี ในอนาคต


 


ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว. คมนาคม กล่าวว่า ในการนำคณะทูตานุทูตกว่า 70 ประเทศ เยี่ยมชมสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เพื่อสร้างความมั่นใจว่า สนามบินสุวรรณภูมิพร้อมเปิดให้บริการแน่นอนในวันที่ 28 ก.ย.49 นี้ และคณะทูตก็จะได้รับทราบถึงการใช้พื้นที่ภายในสนามบินทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง เนื่องจากสนามบินจะเป็นสถานที่คณะทูตจะต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และการประสานงานในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกจะอยู่ตรงจุดไหนบ้าง ซึ่งในกำหนดเปิดนั้นทางคณะทูตมีความเข้าใจร่วมกันและไม่เป็นห่วงเพราะแน่ใจว่า
สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แน่ หากจะมีอุปสรรคก็จะมีเพียงจุดเล็กๆ น้อยๆ แต่สิ่งที่หลายฝ่ายมีความกังวลมากก็จะเป็นเรื่องของระบบการรักษาความปลอดภัยภายใน และนอกสนามบินสุวรรณภูมิมากกว่า


 


นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานในเรื่องของการทดสอบระบบโดยรวมทั้งสนามบิน พบว่า การทดสอบมีความสมบูรณ์ 100% ในเรื่องของระบบ เพราะต่อจากนี้จะมีการทดสอบต่อเนื่อง ส่วนปัญหาที่พบขณะที่มีการทดสอบนั้น เห็นได้ว่าจะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยในเรื่องของบุคลากรมากกว่าที่ยังไม่มีความชำนาญมากพอ เชื่อมั่นว่าต่อจากนี้หลังจากที่มีการทดสอบระบบบ่อยครั้ง ก็จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความชำนาญมากขึ้น


 


ด้านนายโจนัส ฮาพสตรอม เอกอัครราชทูตสวีเดน ประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความมั่นใจในศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิรวมถึงเชื่อมั่นว่า จะทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวสวีเดน เดินทางเข้าไทยมากขึ้น เนื่องจากหลังเหตุการณ์คลื่นสึนามิ จนถึงขณะนี้เกิดกระแส การเดินกลับมาประเทศไทยขึ้นอีกครั้ง และที่สำคัญ การที่ไทยมีสนามบินที่ใหญ่และทันสมัย เช่นสนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้ชาวสวีเดนมั่นใจในความสะดวกสบายที่จะได้รับมากขึ้น



 
นางเพิร์ล นอมวูม มากาป้า เอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยและแอฟริกาใต้ได้มีการลงนาม เที่ยวบินตรงระหว่างโยฮันเนสเบิร์ก-กรุงเทพฯ ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้คนประทับใจ เนื่องจากความสวยงาม ใหญ่โต และทันสมัย และทำให้เกิดความเชื่อมั่นการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศมากขึ้นด้วย.
 
ที่มา- 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง