จากการสัมมนาทางวิชาการ “ละครกับการรักษ์วัฒนธรรมไทย” เมื่อวันที่ 11 ก.ย. รศ.กิติมา สุรสนธิ อาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ตนได้ทำวิจัยเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์กับวัยรุ่นไทย โดยสัมภาษณ์ข้อมูลเชิงลึกจากกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18-22 ปี จำนวน 60 คน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2549 พบว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่เลือกดูละครตามความชอบ โดยไม่ยึดติดช่องใดเป็นหลัก และดูละครมากที่สุดตั้งแต่ 20.00-22.00 น. แต่ทั้งนี้วัยรุ่นบางส่วนมองว่าละครอาจก่อให้เกิดผลเสียแก่สังคมได้ เช่น การแต่งกายของผู้แสดง การใช้คำพูดหยาบคาย การแสดงบทรักเกินพอดี หรือฉากโหดร้าย ซึ่งอาจทำให้เกิดการเลียนแบบได้  
รศ.กิติมา กล่าวต่อไปว่า ตนยังได้ทำวิจัยบทบาทการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพุทธศาสนาของสื่อมวลชนไทยพบว่า พระสงฆ์ในปัจจุบันอยู่ด้วยความยากลำบากมากขึ้น เพราะคนเสื่อมศรัทธา ใส่บาตรน้อยลง ทำให้พระหลายวัดต้องหุงหาอาหารฉันเอง ยิ่งวันไหนมีข่าวในทางที่ไม่ดีกับพระ วันนั้นยิ่งแย่มากขึ้น เช่น ญาติโยมจะมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ หรือบางคนก็อาจพูดให้ได้ยินว่า พระก็เหมือนขอทาน อาศัยผ้าเหลืองขอข้าวกินไปวัน ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยนับถือศาสนาที่ตัวพระสงฆ์มากกว่าคำสอนหรือแก่นของพุทธศาสนา ดังนั้นหากตัวบุคคลไม่ดี ย่อมทำให้ศาสนาสั่นคลอนได้ง่าย
 
“จากการวิจัยพบว่าเนื้อหาเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ถูกสื่อนำเสนอในเชิงลบมีค่อนข้างมาก อาทิ พระกับเครื่องรางของขลัง ไสยศาสตร์ ใบ้หวย ประพฤติผิดในกาม ทะเลาะวิวาท ฆ่ากันตาย เล่นการพนัน ดูวิดีโอลามก เป็นต้น โดยเรื่องที่ทำให้พุทธศาสนิกชนรู้สึกไม่ดีมากที่สุด คือ การมั่วในกามราคะ ร้อยละ 51.5 ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่ตอบว่าไม่มีผลใด ๆ” รศ.กิติมา กล่าว
 
ด้าน คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ทางออกสำหรับปัญหาเหล่านี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสื่อควรจะมีการควบคุมบ้างโดยเฉพาะละคร ซึ่งควรจะมีการปรับปรุงในเรื่องของรูปแบบการแสดง คำพูด และการแต่งกายของนักแสดง ซึ่งตนเห็นว่าควรมีการเขียนบทให้ตัวเอก เช่น พระเอก นางเอก มีลักษณะนิสัยอ่อนโยน ใฝ่สันติ มีมิตรไมตรีต่อกัน ซื่อสัตย์ รู้จักทันคน รู้จักเกรงใจ ไม่เนรคุณและไม่ใช้คำพูดก้าวร้าวรุนแรงให้มากขึ้น ในขณะเดียว กันทาง วธ. กำลังอยู่ระหว่างการผลักดันให้เกิดมีระบบจัดระดับเนื้อหาสื่อ หรือเรตติ้ง เพื่อให้สื่อต่าง ๆ มีความเหมาะสมกับอายุ เพศ และวัยของผู้ชม นอกจากนี้ตนยังได้ขอความร่วมมือผู้บริหารสื่อทุกช่องให้คัดเลือกรายการ และละครที่มีเนื้อหาสร้างสรรค์มานำเสนอให้เด็กและเยาวชนได้ชมมากขึ้นด้วย.
 
 
ที่มา-หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง