
จึงมีผลทำให้เกิดการรวมตัวของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจำนวนมาก ตลอดรวมถึงพนักงานตัวเล็กตัวน้อยของสถาบัน เพื่อคัดค้านการลบชื่อ “พระราชทาน” ของสถาบันเก่าแก่ที่เคยประสิทธิประสาทวิชาให้แก่ผู้คนมานับไม่ถ้วน ซึ่งหลายคนขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการศิลปะ และอีกหลากหลายวงการ | ||||
จนถึงปัจจุบัน สถาบันศิลปะแห่งนี้ ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งค้าขายผ้าอย่าง “พาหุรัด” มีอายุครบได้ 94 ปีเต็ม เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา อันเป็นวันเดียวกันกับที่ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันรวมถึงคณาจารย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่าเพาะช่าง ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อดำไปรวมตัวกันที่สถาบัน และเปิดให้มีการลงชื่อคัดค้าน เพื่อให้ชื่อ “เพาะช่าง” คงอยู่ ขณะที่ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงหลายคนเมื่อทราบข่าว ก็ได้ทยอยเดินทางไปยังสถาบัน เพื่อสอบถามถึงที่มาที่ไป โดยก่อนหน้านี้นอกจากการแจ้งข่าวบอกกันแบบปากต่อปากและทางโทรศัพท์ ยังได้มีพาดหัวข่าวตัวโตว่า …เราจะต่อสู้ เพื่อผดุงนาม คำว่า “เพาะช่าง”...ไว้บนเวบไซต์ http://www.pohchang.org/ อีกด้วย บรรยากาศของวันครบรอบการก่อตั้งสถาบันจึงแตกต่างจากทุกปี เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน หากแต่มีเรื่องราวร้อนๆอยู่ภายในใจ พร้อมกับข้อสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมผู้บริหารถึงไม่สามารถดิ้นรนต่อสู้ให้ชื่อ “เพาะช่าง” ที่พวกเขารักคงอยู่ได้ และต่อไปนี้อนาคตของการเรียนการสอนตลอดจนกิจกรรมจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างเมื่อการบริหารงบประมาณต้องไปขึ้นตรงต่อมหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้แม้การบริหารงบประมาณจะขึ้นตรงต่อสถาบัน การได้รับการส่งเสริม และการสนับสนุนในทุกทาง ก็เป็นไปอย่างอืดอาจและเชื่องช้าอยู่แล้ว ดังที่คนภายนอกได้ตั้งข้อสังเกตตลอดมาว่าเพาะช่างที่เคยคึกคักในอดีต ดูช่างซบเซาลงทุกวัน อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีนัยแอบแฝงเรื่องตำแหน่งและผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่หลายๆคนลุกขึ้นมาตั้งคำถาม เพราะตลอดมาหลายคนรู้สึกว่าถูกปิดบังจากเบื้องบน ด้าน พนม พรกุล รักษาการคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ (อดีตผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่าง ซึ่งเลื่อนตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ทันทีที่สถานะของเพาะช่างเปลี่ยนไป )ได้กล่าวถึงกรณีที่ที่เกิดเรื่องร้อนขึ้นในสถาบัน จนกระทั่งมีการทำป้ายผ้าติดประท้วงอยู่ทั่วตึกเรียน และตามด้านหน้ารั้วของสถาบัน จนทำให้เป็นที่ตั้งข้อสังเกตแก่ผู้สัญจรผ่านไปมาในละแวกนั้นว่า เป็นเรื่องของการที่คณาจารย์และนักศึกษา ยังไม่เข้าใจถึงขั้นตอนและความจำเป็นของเหตุที่ต้องเปลี่ยนสถานะของสถาบันไป พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ตนกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการเรียกร้องให้ชื่อของเพาะช่างกลับคืนมาอยู่ แต่ยังรับปากไม่ได้ว่าจะทันเวลาการจบการศึกษา ของนักศึกษารุ่นล่าสุดที่จะจบกันในราวสองเดือนนี้หรือไม่ ชื่อนั้นสำคัญฉไน? คนจำนวนหนึ่งที่ไม่รักและผูกพันกับ “เพาะช่าง” อาจนึกและตั้งคำถาม แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ นักศึกษาจำนวนมาก ที่สมัครใจเข้าเรียนต่อที่สถาบันแห่งนี้ นอกเหนือจากเหตุผลอื่นใดแล้ว เหตุผลหนึ่งก็เพราะความขลังของชื่อและชื่อเสียงที่บรรดาศิษย์เก่าสร้างไว้เมื่อครั้งอดีตเป็นแรงจูงใจด้วยนั่นเอง เมื่อพวกเขาจบการศึกษาไป โดยไม่ มีคำว่า “เพาะช่าง” ในใบสำเร็จการศึกษาเลย จะสร้างรอยด่างขึ้นในใจอย่างไร หรืออะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?! คนวงนอกที่สนใจต้องรอติดตามความเป็นไป | ||||
...จากประกาศกระทรวงฉบับที่ ศธ. 0582.05/2549 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจากวิทยาเขตเพาะช่างเป็น คณะศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งชื่อโรงเรียนเพาะช่างเป็นนามพระราชทาน จากล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 และในประกาศดังกล่าว นามพระราชทานหายไป ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “เพาะช่าง” อันเป็นสถาบันการศึกษาศิลปะแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศ เป็นสถาบันที่มีผลผลิตเป็นศิลปินแห่งชาติจำนวนมาก มีอันต้องลบชื่อ “เพาะช่าง” ออกจากระบบราชการ ซึ่งชื่อ “เพาะช่าง” เป็นความภาคภูมิใจ ของพวกเราที่ได้ใช้นามพระราชทาน หลังจากที่ได้ดำเนินการสอนศิลปะมายาวนาน 94 ปี การเปลี่ยนแปลงการบริหารเป็นมหาวิทยาลัยเต็มตัว สังกัดอุดมศึกษาครั้งนี้ ทำให้ชื่อของเพาะช่างสูญหาย อาจารย์ นักศึกษาและศิษย์เก่า รู้สึกเศร้าใจที่สูญเสียชื่อสถาบันศิลปะแห่งความภาคภูมิใจและเป็นศักดิ์ศรีของเพาะช่างเป็นอย่างยิ่ง เพาะช่างเคยผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรือง และสง่างาม เพราะมีผู้บริหารที่เข้มแข็ง ได้แก่ ศ.ประกิต(จิตร) บัวบุศย์,ศ.เฉลิม นาคีรักษ์ และ ผอ.สมคิด สุภาพ ในอดีตเพาะช่างได้ถูกรวมเข้ากับสถาบันอุดมศึกษา มีการเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนเพาะช่างเป็นวิทยาเขตเพาะช่าง ซึ่งยังสามารถรักษาเกียรติภูมิ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะและหัตถกรรม และผลิตบุคลากรทางศิลปกรรมแก่ชาติบ้านเมือง ประชากรเพาะช่างทุกท่านที่เห็นด้วยกับการเรียกร้อง ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ คงไว้ซึ่งชื่อ “โรงเรียนเพาะช่าง” ของสถาบันดังเดิม ขอได้โปรดลงชื่อสนับสนุน การเรียกร้องดังกล่าว ในกระดาษแนวท้ายหนังสือนี้ | ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
ที่มา-
