ลอนดอน 25 ม.ค. -
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในอังกฤษเตือนอย่าใช้ไมโครเวฟอบฆ่าเชื้อแบคทีเรียในสิ่งของตามที่มีรายงานการศึกษาในสหรัฐ
เพราะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเขตชาร์ปเชอร์เตือนว่า
เกิดเพลิงไหม้ที่เขตเทลฟอร์ดมาแล้ว
เนื่องจากเจ้าของบ้านลองนำผ้าเช็ดจานไปอบฆ่าเชื้อโรคในเตาไมโครเวฟ
หลังจากวารสารสุขอนามัยสภาพแวดล้อมของสหรัฐลงพิมพ์ผลการศึกษาว่าการนำฟองน้ำล้างจานที่ชื้นไปอบในไมโครเวฟนาน
2 นาที จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้มากถึงร้อยละ 99
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงขอเตือนประชาชนอย่างจริงจังว่า
ไม่ควรนำผ้าเช็ดจานหรือฟองน้ำล้างจานไปอบฆ่าเชื้อโรคด้วยไมโครเวฟ
เพราะมีอันตรายอย่างยิ่ง
ทั้งจากกำลังไฟของเตาและจากปริมาณความชื้นในสิ่งที่นำเข้าไปอบ
ฟองน้ำและผ้าเช็ดจานเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
เชื้อเหล่านี้มาจากอาหารที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกและจากความชื้น
ประมาณกันว่าฟองน้ำล้างจาน 1 ชิ้น
อาจมีเชื้อแบคทีเรียอีโคไลและซัลโมเนลลามากถึง 10,000 ตัวต่อ 1 ตารางนิ้ว
ศ.แกเรียล บิตตัน และคณะจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา
ทดลองนำฟองน้ำล้างจานและพลาสติกแผ่นขัดปนเปื้อนเชื้อโรคไปอบในไมโครเวฟด้วยกำลังไฟสูงสุด
พบว่าแบคทีเรียร้อยละ 99 หยุดทำงานหลังจากอบนาน 2 นาที
แบคทีเรียอีโคไลจะตายหลังจากอบเพียง 30 วินาที
ส่วนสปอร์ของแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส ซึ่งมักทนความร้อน สารเคมี
และรังสี จะตายหลังจากอบนาน 4 นาที
ด้าน ศ.ฮิวจ์ เพนนิ่งตัน
จากมหาวิทยาลัยอะเบอร์ดีน เห็นด้วยว่า
ความร้อนคือวิธีที่ดีที่สุดในการฆ่าเชื้อโรคอุปกรณ์ในครัว
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า
อาการอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่เกิดจากการนำเครื่องครัวที่ใช้เตรียมอาหารดิบไปใช้ต่อกับอาหารพร้อมรับประทาน
โดยไม่ได้ล้างทำความสะอาดเสียก่อน
ทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนในอาหารพร้อมรับประทาน.
ที่มา– สำนักข่าวไทย