
| ![]() | ||
![]() |
รัฐบาลจีนออกไอเดียเก๋
นำนโยบายเข้าค่ายทหารมาใช้ปรับลดพฤติกรรมการติดอินเทอร์เน็ตของเยาวชน
ถือเป็นนโยบายเชิงรุกที่จะช่วยลดปัญหาด้านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอนาคตของชาติได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อหลีกเลี่ยงยุคข้อมูลข่าวสารออนไลน์ไม่ได้ วันนี้รัฐบาลจีนจึงปรับนโยบายใหม่ โดยศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ต (The Internet Addiction Treatment Center หรือ IATC) ในเมืองต้าซิ่ง กรุงปักกิ่งได้ริเริ่มนำเอามาตรการทางการทหารเข้ามาช่วยบำบัดอาการติดอินเทอร์เน็ตของเยาวชนจีนแทน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดอาการติดเกมลงได้ รวมถึงจะช่วยลดปัญหาที่อนาคตของชาติจะเข้าไปข้องแวะกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เว็บลามกต่าง ๆ ลงได้ด้วย
นาย Li Yanlin นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 18 ปี หนึ่งในผู้รับการบำบัดอาการติดอินเทอร์เน็ตในศูนย์ดังกล่าวเปิดเผยว่า เขารู้สึกดีขึ้น และเห็นถึงผลเสียจากการเล่นเกมออนไลน์ที่เกิดกับตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยผลการเรียนของเขาลดลงค่อนข้างมากเมื่อเขาทุ่มเวลาไปกับการเล่นเกม
กำหนดการฝึกคือให้คนไข้ตื่นนอนตอน 6.15 น. มากายบริหาร จากนั้นก็เดินสวนสนาม โดยทั้งหมดสวมชุดกากีแบบทหารเพื่อความทะมัดทะแมง รวมถึงมีการจำลองสถานการณ์สงครามให้ต่อสู้ให้ผู้เข้าฝึกได้ออกแรงร่วมด้วย โดยกลุ่มคนไข้เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเยาวชนชายอายุระหว่าง 14 - 19 ปี สำหรับผู้ที่อิดออดไม่เข้าร่วมการฝึก จะมีนายทหารผู้คุมคอยตักเตือน รวมถึงเข้ารับการรักษาแบบตัวต่อตัวแทน
นาย Xu Leiting นักจิตวิทยาหนึ่งในทีมงานผู้ดูแลโครงการดังกล่าวระบุว่า "กลุ่มคนไข้ที่ติดอินเทอร์เน็ตมักไม่ให้ความสนใจกับสังคมภายนอก รวมถึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วย เราจึงมองว่า รูปแบบการฝึกแบบทหาร จะช่วยให้พวกเขารู้จักการทำงานเป็นทีม และมีส่วนร่วมในสังคมมากขึ้น"
ด้านนาย Tao Ran ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตเปิดเผยว่า "ปัจจุบันศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตดังกล่าวเปิดให้บริการมาแล้ว 3 ปี มีผู้เข้ารับการบำบัดแล้ว 1,500 คน และ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เข้ารับการรักษาหายจากการติดอินเทอร์เน็ต โดยทางศูนย์คิดค่ารักษาเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 หยวน และสำหรับครอบครัวที่ยากจนก็มีเงินกองทุนสงเคราะห์ให้ด้วย"
อ้างอิงจากสถาบันเด็กแห่งชาติ (The China National Children Center) พบว่า ตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตล่าสุดในปี 2006 ของจีนเท่ากับ 137 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23.4 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่เสพติดอินเทอร์เน็ตประมาณ 2.3 ล้านคน หรือ 13 เปอร์เซ็นต์ และส่วนมากเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวจากรอยเตอร์ได้อ้างถึงแนวทางที่หลายประเทศใช้สำหรับผู้มีปัญหาเสพติดอินเทอร์เน็ตเอาไว้ว่าค่อนข้างแตกต่างกัน โดยระบุว่ายากจะหาต้นตอหรือแหล่งที่มาของการเสพติดอินเทอร์เน็ตได้ว่าเกิดจากที่ใด หรือใครเป็นผู้ค้นพบ
แต่จากนโยบายของจีน ได้จัดให้การเสพติดอินเทอร์เน็ตอยู่ในกลุ่มเดียวกับผู้ติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และการพนัน โดยนาย Tao ให้เหตุผลว่า ผู้เสพติดมีอาการเหมือนกัน คือต้องการเสพต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หลายคนไม่ยอมไปโรงเรียน บางคนขโมยของในบ้านไปขาย บางคนฆ่าตัวตายเมื่อเล่นเกมแพ้
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของกลุ่มผู้เสพติดอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กยังทำให้ทางการจีนต้องออกมาตรการควบคุม
เมื่อหลีกเลี่ยงยุคข้อมูลข่าวสารออนไลน์ไม่ได้ วันนี้รัฐบาลจีนจึงปรับนโยบายใหม่ โดยศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ต (The Internet Addiction Treatment Center หรือ IATC) ในเมืองต้าซิ่ง กรุงปักกิ่งได้ริเริ่มนำเอามาตรการทางการทหารเข้ามาช่วยบำบัดอาการติดอินเทอร์เน็ตของเยาวชนจีนแทน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดอาการติดเกมลงได้ รวมถึงจะช่วยลดปัญหาที่อนาคตของชาติจะเข้าไปข้องแวะกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เว็บลามกต่าง ๆ ลงได้ด้วย
นาย Li Yanlin นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 18 ปี หนึ่งในผู้รับการบำบัดอาการติดอินเทอร์เน็ตในศูนย์ดังกล่าวเปิดเผยว่า เขารู้สึกดีขึ้น และเห็นถึงผลเสียจากการเล่นเกมออนไลน์ที่เกิดกับตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยผลการเรียนของเขาลดลงค่อนข้างมากเมื่อเขาทุ่มเวลาไปกับการเล่นเกม
กำหนดการฝึกคือให้คนไข้ตื่นนอนตอน 6.15 น. มากายบริหาร จากนั้นก็เดินสวนสนาม โดยทั้งหมดสวมชุดกากีแบบทหารเพื่อความทะมัดทะแมง รวมถึงมีการจำลองสถานการณ์สงครามให้ต่อสู้ให้ผู้เข้าฝึกได้ออกแรงร่วมด้วย โดยกลุ่มคนไข้เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเยาวชนชายอายุระหว่าง 14 - 19 ปี สำหรับผู้ที่อิดออดไม่เข้าร่วมการฝึก จะมีนายทหารผู้คุมคอยตักเตือน รวมถึงเข้ารับการรักษาแบบตัวต่อตัวแทน
นาย Xu Leiting นักจิตวิทยาหนึ่งในทีมงานผู้ดูแลโครงการดังกล่าวระบุว่า "กลุ่มคนไข้ที่ติดอินเทอร์เน็ตมักไม่ให้ความสนใจกับสังคมภายนอก รวมถึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วย เราจึงมองว่า รูปแบบการฝึกแบบทหาร จะช่วยให้พวกเขารู้จักการทำงานเป็นทีม และมีส่วนร่วมในสังคมมากขึ้น"
ด้านนาย Tao Ran ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตเปิดเผยว่า "ปัจจุบันศูนย์บำบัดอาการเสพติดอินเทอร์เน็ตดังกล่าวเปิดให้บริการมาแล้ว 3 ปี มีผู้เข้ารับการบำบัดแล้ว 1,500 คน และ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เข้ารับการรักษาหายจากการติดอินเทอร์เน็ต โดยทางศูนย์คิดค่ารักษาเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 หยวน และสำหรับครอบครัวที่ยากจนก็มีเงินกองทุนสงเคราะห์ให้ด้วย"
อ้างอิงจากสถาบันเด็กแห่งชาติ (The China National Children Center) พบว่า ตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตล่าสุดในปี 2006 ของจีนเท่ากับ 137 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23.4 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่เสพติดอินเทอร์เน็ตประมาณ 2.3 ล้านคน หรือ 13 เปอร์เซ็นต์ และส่วนมากเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวจากรอยเตอร์ได้อ้างถึงแนวทางที่หลายประเทศใช้สำหรับผู้มีปัญหาเสพติดอินเทอร์เน็ตเอาไว้ว่าค่อนข้างแตกต่างกัน โดยระบุว่ายากจะหาต้นตอหรือแหล่งที่มาของการเสพติดอินเทอร์เน็ตได้ว่าเกิดจากที่ใด หรือใครเป็นผู้ค้นพบ
แต่จากนโยบายของจีน ได้จัดให้การเสพติดอินเทอร์เน็ตอยู่ในกลุ่มเดียวกับผู้ติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และการพนัน โดยนาย Tao ให้เหตุผลว่า ผู้เสพติดมีอาการเหมือนกัน คือต้องการเสพต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หลายคนไม่ยอมไปโรงเรียน บางคนขโมยของในบ้านไปขาย บางคนฆ่าตัวตายเมื่อเล่นเกมแพ้
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของกลุ่มผู้เสพติดอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กยังทำให้ทางการจีนต้องออกมาตรการควบคุม
ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างเข้มงวดด้วย
โดยจะมีความผิดหากอนุญาตให้เยาวชนเข้าใช้งาน หรือเล่นเกมที่กำหนดไว้
นักจิตวิทยา Xu กล่าวว่า "ต้นตอของปัญหาการเสพติดอินเทอร์เน็ตมาจากความคาดหวังของพ่อแม่ที่มีต่อเด็กนั้นสูงเกินไป"
จากที่ประเทศจีนมีประชากรมากเป็นพันล้านคน ทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการสร้างจุดเด่นให้บุตรหลานของตน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นเด็กชาวจีนส่วนใหญ่จึงอยู่กับการเล่าเรียนศึกษา มากกว่าการใช้ชีวิตให้สมกับความเป็นเด็ก และพวกเขามักจะร้องขอการบ้านพิเศษจากคุณครูเป็นประจำ ซึ่งในสายตาของนักจิตวิทยานั้นมองว่าค่อนข้างสร้างความกดดันให้เด็กมากเกินไป และทำให้เด็กส่วนหนึ่งหนีจากรูปแบบชีวิตดังกล่าวไปอยู่ในโลกออนไลน์เพื่อลดความเครียดนั่นเอง
นักจิตวิทยา Xu กล่าวว่า "ต้นตอของปัญหาการเสพติดอินเทอร์เน็ตมาจากความคาดหวังของพ่อแม่ที่มีต่อเด็กนั้นสูงเกินไป"
จากที่ประเทศจีนมีประชากรมากเป็นพันล้านคน ทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการสร้างจุดเด่นให้บุตรหลานของตน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นเด็กชาวจีนส่วนใหญ่จึงอยู่กับการเล่าเรียนศึกษา มากกว่าการใช้ชีวิตให้สมกับความเป็นเด็ก และพวกเขามักจะร้องขอการบ้านพิเศษจากคุณครูเป็นประจำ ซึ่งในสายตาของนักจิตวิทยานั้นมองว่าค่อนข้างสร้างความกดดันให้เด็กมากเกินไป และทำให้เด็กส่วนหนึ่งหนีจากรูปแบบชีวิตดังกล่าวไปอยู่ในโลกออนไลน์เพื่อลดความเครียดนั่นเอง
ที่มา-
