รศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพัฒนาระบบการสอบธรรมศึกษา ว่า ขณะนี้มีจำนวนนักเรียน และประชาชนที่สนใจสอบธรรมศึกษาทั้งชั้นตรี โท และเอก เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปี 2550 นี้ มีผู้เข้าสอบสูงถึง 1.5 ล้านคน แต่ตนก็คิดว่าเรายังควรหาวิธีจูงใจนักเรียนให้เข้ามาเรียนธรรมศึกษามากขึ้น เช่น สามารถนำไปใช้เทียบหน่วยกิตในรายวิชาด้านพระพุทธศาสนาตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ เป็นต้น เพราะที่ผ่านมาการสอบธรรมศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรที่แสดงว่าเป็นผู้ได้รับการศึกษา
และฝึกอบรมในเรื่องของธรรมะมาแล้ว และใช้เป็นเครื่องยืนยันคุณสมบัติในการเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาเท่านั้น จึงทำให้เด็กขาดแรงจูงใจที่จะอยากเรียนธรรมศึกษา เพราะคิดว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ และไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากนัก

 

รศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวต่อไปว่า ตนอยากให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการนำผลการสอบธรรมศึกษาไปใช้เทียบโอนหน่วยกิตในวิชา   ด้านพระพุทธศาสนาได้ด้วยตั้งแต่ระดับมัธยมถึงอุดมศึกษา ซึ่งจะทำให้เด็กได้ประโยชน์และเห็นคุณค่าของการสอบธรรมศึกษามากขึ้น ในขณะเดียวกันเด็ก   ก็จะได้ซึมซับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
นอกจากนี้ พศ.จะต้องประสานกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ ในการร่วมกันพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม และส่งเสริมการเรียนธรรมศึกษา เพื่อเป็นการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ประชาชนโดยใช้หลัก บ ว ร ได้แก่ บ้าน วัด โรงเรียน เชื่อมโยงกันเหมือนในสมัยโบราณ

 
"ผมยังได้ฝากข้อเสนอแนะให้ พศ.อีกว่า อยากให้เข้ามาดูแลเรื่องวัดป่ามากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ผมเห็นว่า พระวัดป่าที่จะเป็นพระนักปฏิบัติ กับพระสายปริยัติ คือ พระที่จะต้องศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกกำลังแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ดังนั้น พศ.จะต้องหาวิธีทำให้พระทั้ง 2 ฝ่ายมาบูรณาการร่วมกันและประสานกันทั้งในเรื่องปฏิบัติ และปริยัติให้มากขึ้น" รศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าว.

 
 
 
ที่มา-
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง