
"เมื่อมีข้อเสนอที่ดีเช่นนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำซีแอลกับยาตัวนี้ ผู้บริหารบริษัท โนวาร์ตีสยังบอกว่า ถ้าทำไปแล้วยังมีคนที่เดือดร้อนไม่ได้ยานี้และจ่ายไม่ไหว บริษัทในเมืองไทยก็ยินดีรับภาระให้ อยากให้บริษัทยาอื่นๆ ทำแบบนี้ด้วย จะได้ไม่ต้องมาลำบากในการทำซีแอล" น.พ.มงคล กล่าว
ด้านน.พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ อย. ในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร กล่าวว่า การตัดสินใจของบริษัท โนวาร์ตีส ครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทยาอื่นๆ ในการพิจารณาปรับนโยบายการตลาดของยาที่มีสิทธิบัตร โดยมุ่งจำหน่ายในราคาสูงแก่คนที่มีเงิน หรือมีระบบประกันสุขภาพที่จ่ายเงินให้ได้ เช่น ระบบสวัสดิการข้าราชการ และให้ฟรีหรือจำหน่ายในราคาต่ำใกล้เคียงกับยาชื่อสามัญ ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลาง ถ้ามีการดำเนินการเช่นนี้ในวงกว้างก็ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่สำคัญมากในระดับโลก
ทั้งนี้ ยาอิมาทินิบ หรือชื่อการค้าว่ากลีเวค เป็นยาที่มีบริษัท โนวาร์ตีส เป็นเจ้าของสิทธิบัตร ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังที่เรียกว่า โครนิค มายอิลอยด์ ลิวคีเมีย (Chronic Myeloid Leukemia) และโรคมะเร็งทางเดินอาหารที่เรียกว่า แกสโตร อินเทสทินอล สโตรมัล ทูเมอร์ (Gastro-Intestinal Stromal Tumor) หรือ โรคจีไอเอสที (GIST) มีราคาขนาด 400 ม.ก. เม็ดละ 3,600 บาท ต้องกินวันละ 1 เม็ดทุกวัน บางรายอาจต้องกินถึง 600-800 ม.ก. คิดเป็นค่ายาอย่างน้อยปีละ 1.3 ล้านบาท ขณะที่ยาชื่อสามัญที่ผลิตจากประเทศอินเดีย เช่น บริษัท ดาเบอร์ มีราคาเพียงเม็ดละ 15 บาท หรือปีละประมาณ 5 หมื่นบาทเศษ ต่างกันถึงกว่า 20 เท่า จึงเป็นเป้าหมายของสธ. ที่จะพิจารณาทำซีแอล ตามข้อเสนอจาก น.พ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสปสช. ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้
ที่มา-
