น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องความท้าทายของรัฐบาลไทยท่ามกลางวิกฤติแรงงานและอาหารโลก โดยระบุว่า ราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงสุดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็นับว่าเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสของประเทศไทย โดยในส่วนของวิกฤตินั้น ทำให้ประชาชนต้องซื้อสินค้าราคาที่แพงขึ้น แต่ก็เป็นโอกาสของเกษตรกรที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ในประเทศ ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้าไปดูแลปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะด้านแรงงาน โดยจะต้องมีการลดต้นทุนด้านการขนส่งให้เหลือ ร้อยละ 8-9 ของจีดีพี จากปัจจุบันที่มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ ร้อยละ 18-19 ของจีดีพี คาดว่าการลดต้นทุนด้านการขนส่งนั้น จะเริ่มลงได้หลังจากที่ระบบขนส่งมวลชนในประเทศมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ในช่วง 5-6 ปีข้างหน้านี้
รมว.คลัง กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังเตรียมนำร่องสนับสนุนให้ข้าราชการทำงานอยู่กับบ้าน เพื่อลดต้นทุนด้านการใช้จ่ายในการเดินทาง และเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศโดยคาดว่าจะเริ่มจากฝ่ายงานวิจัย ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
