รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ระบุสังคมไทยวิกฤตหนัก พบเด็กทารก
ถูกทิ้งมากขึ้นเฉลี่ยวันละเกือบ 25 คน และยังพบเป็นศพอีกร้อยละ 5 ขณะที่ รพ.ยังครองแชมป์อันดับ 1
สถานที่ทิ้งทารก สั่งเร่งแก้ปัญหาเด็กล้นสถานสงเคราะห์ พร้อมเพิ่มจำนวนพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น หวังพัฒนาคุณภาพเด็กให้ดีขึ้น




นายชวรัตน์ ชาญวีรกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้กล่าวหลังการตรวจเยี่ยมบ้านเด็กอ่อนพญาไท
และบ้านเฟื่องฟ้า ซึ่งมีจำนวนทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 8 ขวบ ถูกพ่อแม่นำมาทิ้งตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะ
เด็กที่มีพัฒนาการทางสมองบกพร่อง หรือเด็กพิการมากมาย นายชวรัตน์เผยสถิติระบุว่า ขณะนี้สังคมไทยวิกฤต
จำนวนเด็กถูกทิ้งมีเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงมาจากสภาพเศรษฐกิจและความไม่พร้อมของพ่อ-แม่ ที่ไม่
สามารถเลี้ยงดูทารกได้
พบเฉลี่ยวันละ20-25 คน ในสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศที่รายงานการรับเด็กทารกไปดูแล
ขณะนี้ร้อยละ 5 พบทารกที่ถูกทิ้ง เสียชีวิตระหว่างทาง สาเหตุจากติดเชื้อขณะคลอด ที่สำคัญถูกยุง มด แมลง กัดต่อย




ครองแชมป์ที่สุดอันดับหนึ่งของสถานที่ทิ้งเด็กยังเป็นโรงพยาบาล พบร้อยละ 28 รองลงมาถูกทิ้งตามบ้านเรือน
ไว้กับผู้รับจ้างเลี้ยงเด็ก พบร้อยละ 21 และอันดับ 3 ร้อยละ 18 ถูกทิ้งยังที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นถังขยะ พงหญ้า
หรือบริเวณสวนสาธารณะ รถกระบะของผู้คนที่สัญจรไป-มา




นายชวรัตน์ ระบุว่า ปัญหาที่เร่งแก้ไขก็คือ จำนวนเด็กที่มีเพิ่มขึ้นจนล้นสถานสงเคราะห์ จึงมีนโยบายเร่งหาสถานที่
รองรับเด็กๆ เหล่านี้ เพื่อช่วยเหลือให้พวกเขามีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนผู้เลี้ยงเด็กในสถาน
สงเคราะห์ทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 21 แห่ง
โดยพบว่าผู้เลี้ยงเด็ก 1 คนจะดูแลเด็กถึง 20 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรองรับ เด็กขาดความอบอุ่น และการเอาใจใส่ ส่งผลต่อการพัฒนาสมองเด็ก ทำให้ล่าช้า จึงได้สั่งให้คณะกรรมการและปลัดกระทรวงเพิ่มอัตราพี่เลี้ยงเด็กมากขึ้น โดยพี่เลี้ยง 1 คน ควรจะดูแลเด็กเพียง 5 คนเท่านั้น ซึ่งจะเร่ง แก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็กเหล่านี้
อีกทั้งยังวอนพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่พร้อมจะมีบุตร ควรรู้จักวิธีการป้องกันในการคุมกำเนิด ที่สำคัญ ยังร้องขอพ่อ-แม่ผู้ปกครอง หากไม่ต้องการเลี้ยงดูทารกไม่ควรนำทารกไปทิ้งที่สาธารณะ ควรมาฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์ ซึ่งมีอยู่21 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เด็กเหล่านี้เสียชีวิต และกลายเป็นเด็กพิการในอนาคต 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
 
 
 

แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง