
ความตาย ตามติดคนเราเหมือนเงาตามตัว ถึงเวลาก็จู่โจมทันที โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จึงควรทำจิตใจให้มีความสุขทุกๆ วินาที…
การแสวงหาทางจิตวิญญาณของข้าพเจ้าเริ่มขึ้น ณ ประเทศอินเดีย โดยเริ่มแสวงหา “คุรุทางจิตวิญญาณ” และศึกษาผ่านตัวคุรุโดยตรง เรียนรู้ทำความเข้าใจในปรัชญาคำสอนจากสิ่งที่ท่านได้ถ่ายทอดไว้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอนของท่านสัตยา ไส บาบา (Sathya Sai Baba) ที่สอนให้เรียนรู้การเซอร์วิสผู้คน รับใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และสรรพชีวิตอื่นๆ เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
การเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ การได้เห็นความลำบาก ผู้คนที่อดอยากดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอยู่ ทำให้เข้าใจและเห็นคุณค่าของชีวิตได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงการศึกษาจากครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตร เพื่อนผู้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา สนับสนุน ประคับประคอง สอนให้เรียนรู้การควบคุมจิตที่ไร้วินัย มอบแนวทางการปฏิบัติและการปรับตัวเมื่อถูกคุกคามจากความเจ็บป่วย คอยชี้แนะเพื่อให้เข้าใจถึงหนทางแห่งพระพุทธองค์ และยังเป็นแรงบันดาลใจอันสูงสุด ที่ทำให้เกิดหนังสือเรื่อง “กรรมบำบัด” เพื่อให้ผู้อ่านได้ค้นพบวิธีการก้าวข้ามปัญหาด้วยปัญญา
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ถ่ายทอดความรู้เรื่อง “กรรมบำบัด (KARMA THERAPY)” ขึ้น
หนังสือ “กรรมบำบัด” ได้กล่าวถึงวิบากกรรมของสรรพชีวิตทั้งหลาย ว่า ย่อมอยู่ภายใต้กฎแห่งความเปลี่ยนแปลง ความไม่เที่ยง ความเป็นอนิจจัง เรามิอาจมองข้ามการฝึกมรณานุสติ การฝึกสภาวะจิตให้สงบ โปร่งเบา รวมถึงการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง สร้างบุญบารมี ทำความดี เผชิญความทุกข์ต่างๆ ที่มากระทบอย่างรู้เท่าทันและเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทางกาย ทางใจ ความทุกข์เหล่านี้เรายากจะหลีกพ้น แต่ทุกคนก็สามารถรักษาเยียวยาจิตของตนได้ โดยไม่ปล่อยให้ความเสียใจ ความเศร้าใจ ความทุกข์ต่างๆ มาครอบงำจิตตน ทำจิตใจให้แน่วแน่พร้อมที่จะปล่อยวางทั้งหมด
การเข้าใจวิบากกรรมที่เราเผชิญอยู่นี้ จะช่วยทำให้ความคิด มุมมองทางปัญญาของเรากระจ่างชัดขึ้น มีวิจารณญาณกับสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดขึ้น และใช้เวลาในแต่ละวันด้วยความสุขอย่างแท้จริง
คลายปัญหาด้วยแผนที่ชีวิต เป็นอีกบทในเล่มที่น่าสนใจ ถ่ายทอดเพื่อให้ผู้อ่านได้สามารถเยียวยาบาดแผลในร่างกายและจิตใจ หาทางออกกับปัญหาต่างๆ ได้เร็วขึ้น เช่น ปัญหาเรื่องงาน เพราะหลายคนงานมีอุปสรรค คนที่เครียดทุกข์ท้อกับงานเพราะอาจจะมองว่างานเป็นเรื่องของความจริงจังจน เกิดทุกข์ คือตึงเกินไป ทำงานให้ดูศักยภาพของตนเอง อย่าทำเกินตัว ทำเท่าที่ทำได้ เราต้องผ่านการเรียนรู้งาน ไม่ใช่เอางานมาใส่สมองแล้วจริงจังจนเกินไป ทำจนเกิดความเครียด และกลายเป็นทาสของงาน
คนที่มีความสุขกับงานคือคนที่ใช้ใจทำงาน ทำงานโดยไร้เงื่อนไข ทำงานให้มีความสุข ให้คิดเสียว่า “การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม”
บางคนเงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง อย่าเพิ่งร้อนรนหรือโวยวายโดยขาดสติ ทำใจให้สงบ รอให้อารมณ์จางคลาย แล้วค่อยๆ เรียกสติ อย่าใช้อารมณ์กับปัญหา คิดแก้ปัญหาด้วยปัญญา แก้ไปทีละเปลาะ การที่คนเราเกิดความทุกข์จากการเงิน คือเราดิ้นรนเพื่อปัจจัย 5…6…7…ฯลฯ ดิ้นรน อยากมี อยากเป็น อยากได้ ที่นอกเหนือจากปัจจัย 4 สรุปคือ สิ่งที่ต้องการมากกว่าสิ่งที่จำเป็นต้องใช้
ในหนังสือยังแนะนำสำหรับผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้ที่คบ “โรค” เป็นเพื่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่แวะเวียนมาบ่อยเสียจนเซ็ง หรือเพื่อนที่นานๆ มาเยี่ยมซักครั้ง แต่พอมาก็ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ “เพื่อน” ประเภทนี้มาเยือนแต่ละครั้งก็แทบอยากจะติดป้ายไว้หน้าบ้าน “ยินดีต้อนกลับ” !
ปัญหาของผู้คนส่วนใหญ่มักหลีกหนีไม่พ้นเรื่องของความเครียด ความซึมเศร้าจากภาวะเศรษฐกิจ รายได้ไม่แน่นอน ถูกออกจากงานโดยไม่ตั้งตัว ปัญหาการเงินตามมา กรรมบำบัดได้แนะนำให้คุณเทขยะที่กองพะเนินอยู่ในสมอง ในความคิดในจิตใจออกไป เป็นการคลายพลังในตัว เพื่อลดความหนักอึ้งที่ขึงตึงอยู่ออกไป ปลดเปลื้องความคิดวิตกกังวลที่คุณแบกไว้นั้นออกไปให้สมองได้ผ่อนคลาย ให้สภาวะจิตอยู่ในภาวะที่โปร่งโล่ง เบาสบายที่สุด
ผู้ที่มีปัญหาชีวิต ขอแนะนำให้หยิบขึ้นมาอ่าน แล้วคุณจะยิ้มออกกับวิธีคิด วิธีปฏิบัติ
ความสุขอยู่ใกล้ๆ ที่ “ใจ” นี้เอง เพียงแต่เราจะค้นพบมันหรือไม่เท่านั้น
ตัวอย่าง "วิบากกรรม"
ผู้หญิงอายุราว 35 ปี มีลูกสาวอยู่ในวัยอนุบาล สามีอายุ 36 ปี เพิ่งจากโลกไปด้วยโลกมะเร็งลำไส้ 2 เดือนที่ผ่านมา เธอไม่สามารถหลับได้ลึก พักผ่อนน้อย เธอไปหาแพทย์เพื่อบำบัดความกังวล และนำยาคลายเครียดมารับประทานเพื่อให้หลับได้ และมีแรงดูแลลูกน้อยไปโรงเรียนและทำงาน
ข้าพเจ้าบอกเธอว่า ขอให้เธอจงสร้างพลังกายและพลังใจ ให้ก้าวข้ามผ่านพ้นวิกฤติของชีวิตไปให้ได้อย่างเข้มแข็ง อดีตเราเคยติดสุขกับครอบครับ พอทุกข์จากการพลัดพรากเข้ามา สุขมันก็กระเทือน จงอย่าประมาทในความไม่แน่นอนของชีวติ เราต้องก้าวข้ามปัญหาด้วยตัวเราเอง ยืนด้วยตัวเอง อย่าไปฝากชีวิตหรือฝากความหวังไว้กับผู้ใด เพราะชีวิตทุกชีวิตล้วนต้องพึ่งพาตนเอง ดูแลกายและจิตตนเองให้ดี ค้นหาความกระจ่างของจิตแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้ทุกข์แล้วจึงแก้ เมื่อเกิดความทุกข์เราจะเรียนรู้และเข้าใจสัจธรรมของชีวิต และจะไม่โหยหาอดีต มีแต่ปัจจุบันขณะเท่านั้นที่ดำรงอยู่
ขอให้เธอมีชีวิตอยู่ด้วยความศรัทธา อย่าคิดว่าตนเป็นของเที่ยง จีรัง ยั่งยืน ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต วันหนึ่งต้องจากไป สายน้ำย่อมไม่ไหลย้อนกลับ เธอต้องเรียนรู้ แสวงหาหนทางดับทุกข์ ด้วยตนเอง
วิบากรรมร่วม
หญิงสาวอีกคนหน้าตาสะสวย ฉลาด มารยาทดี หน้าที่การงานดี วันหนึ่งคนที่เธอรักมาสารภาพกับเธอว่า ไปได้เสียกับผู้หญิงอื่นมา และเกิดตั้งครรภ์ขึ้น...เธอช็อกมาก ไม่คิดว่าแฟนเธอจะนอกใจ เธอเครียดอย่างรุนแรง เพราะไม่เคยคิดว่าความรักของเธอต้องมีการจากลาในเวลาอันรวดเร็ว เกินจะทำใจได้ เธอจึงสติแตกทำงานด้วยอาการเบลอ ไม่สามารถรับผิดชอบงานที่เคยทำได้
ข้าพเจ้าจึงชี้แนะ และเตือนสติให้เธอเข้าใจวิบากกรรมร่วมระหว่างตัวเธอและผู้ชายที่เธอรัก มันเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องชดใช้กรรมที่เคยทำกับเขาไว้ เขาก็มาเอาคืน อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์ใจ อย่าไปโหยหาให้ความรักนั้นกลับมาเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เธอควรคิดใหม่ด้วยปัญญา ไม่ควรคิดแบบเก่าคือถูกครอบงำด้วยอารมณ์จนไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่าง ปกติสุข
ถามว่า เธอกำลังรักอะไรอยู่? เธอกำลังรักก้อนธาตุที่ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ เธอกำลังติดยึดในโครงกระดูกเดินได้ ถ้าวันหนึ่งก้อนธาตุของคนรักเธอเกิดแตกดับขึ้นมา เธอยังโหยหาเหมือนเดิมหรือเปล่า?
ขอให้เธอมองปัญหาด้วยปัญญา ว่าเธอกำลังรักอยู่กับสังขารที่เน่าเปื่อย ผุพัง มีแต่จิตที่ปรุงแต่งไปเองว่าดูดี ดูหล่อ ดูเท่ เธอควรจะปลงในสิ่งที่เธอยึดไว้อย่างเหนียวแน่น หันจิตเข้าหาพุทธะ บ่มเพาะความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจตนเอง เพื่อเข้าใจธรรมชาติว่า สรรพชีวิตล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็จะคลายจากสิ่งที่คุณยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นคนรักของเธอ
อีก 100 ปี ข้างหน้า ทั้งคุณ ทั้งคนรักอยู่ที่ไหน? หรือเหลือเพียงชื่อให้ลูกหลานได้จดจำเท่านั้น!
พจนา เรืองสุวรรณ ผู้หญิงธรรมดา ที่ถูกโรครุมเร้าเฉียดตาย ด้วยภาวะอาการหัวใจลัดวงจร ทำให้เธอหันมาสนใจ และเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างจริงจัง รวมถึงการแสวงหาครูบาอาจารย์ทางจิตวิญญาณ เพื่อ “เติมเต็ม” สิ่งที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
วันนี้เธอกลายเป็นผู้เยียวยา บรรเทาวิบากกรรม
ด้วยสารพัดวิธีที่เธอศึกษามา รวมทั้งเขียนหนังสือ "กรรมบำบัด" (KARMA
THERAPY) เพื่อให้คนได้รู้ถึงความหมายแห่งการมีชีวิตด้วยกัน