ชี้ไม่มีการนำเข้าผักและผลไม้จากเยอรมันนี
เฝ้าระวัง เชื้ออีโคไลชนิด 104
7 มิ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบเชื้ออีโคไลชนิด 104 แพร่ระบาดในประเทศไทย และทางกระทรวงได้ออกมาตรการ 4 ข้อ คือ
1.มาตรการป้องกันและเฝ้าระวัง การแจกเอกสารความรู้เกี่ยวกับโรค การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากสหภาพยุโรป(อียู) ครอบคลุมกลุ่มทัวร์ที่เดินทางมาจากอียู เพิ่มข้อมูลของโรคให้กับ ด่านควบคุมโรค ที่ประจำการอยู่ในท่าอากาศยานแต่เดิมแล้ว ส่วนประชาชนทั่วไปของไทย ยังคงใช้มาตรการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เช่นเดิม
2.ส่วนอาหารนำเข้า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ทำการสุ่มตรวจตัวอย่างผัก และผลไม้ที่มาจากอียู โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.และจะทำต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง
3.สั่งให้โรงพยาบาลทุกสังกัดดูแลผู้ป่วยพิเศษในถ่ายเป็นน้ำ มีมูกเลือดปน และผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันที่เดินทางมาจากอียูช่วง 1 สัปดาห์ก่อนป่วยให้แพทย์รักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ เก็บตัวอย่างเชื้อตรวจทางห้องปฏิบัติการ และสอบสวนโรคอย่างละเอียด
4.สั่งการให้ด่านควบคุมโรค ติดตามเฝ้าระวังและดำเนินการในฐานะผู้ประสานงานการทำงานในส่วนของการเฝ้าระวังโรคทั้งนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ.กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการระบาดของโรคทางเดินอาหาร ต่างจากสารกัมมันตรังสี โดยการควบคุมต้องทำในระดับที่มีความเหมาะสม หากติดตามอย่างดีใน1เดือนเชื่อว่าเรื่องน่าจะจบลง
สำหรับกรณีที่พบป่วยติดเชื้ออีโคไล แนวทางการตรวจรักษาคงไม่ต้องถึงขั้นเปลี่ยนถ่ายเลือดทุกราย แต่จะทำเฉพาะผู้ป่วยที่ไตวายเฉียบพลันและเม็ดเลือดแดงแตกแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ป่วยที่ถ่ายรุนแรงและมีเลือด มีมูกปนก็จะอาศัยการรักษาตามอาการ มาตรฐานเดียวกันกับต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม อย.จะเก็บตัวอย่างผัก และผลไม้ที่นำเข้าจากอียูทั้งทางเรือ และเครื่องบินมาสุ่มตรวจอย่างละ 1 กิโลกรัม เพื่อหาการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไล ซึ่งในปี 2554 ไทยนำเข้าผักและผลไม้มาจากอิตาลี และฝรั่งเศสเท่านั้นไม่มีการนำเข้าจากเยอรมนี
1.มาตรการป้องกันและเฝ้าระวัง การแจกเอกสารความรู้เกี่ยวกับโรค การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากสหภาพยุโรป(อียู) ครอบคลุมกลุ่มทัวร์ที่เดินทางมาจากอียู เพิ่มข้อมูลของโรคให้กับ ด่านควบคุมโรค ที่ประจำการอยู่ในท่าอากาศยานแต่เดิมแล้ว ส่วนประชาชนทั่วไปของไทย ยังคงใช้มาตรการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เช่นเดิม
2.ส่วนอาหารนำเข้า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ทำการสุ่มตรวจตัวอย่างผัก และผลไม้ที่มาจากอียู โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.และจะทำต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง
3.สั่งให้โรงพยาบาลทุกสังกัดดูแลผู้ป่วยพิเศษในถ่ายเป็นน้ำ มีมูกเลือดปน และผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันที่เดินทางมาจากอียูช่วง 1 สัปดาห์ก่อนป่วยให้แพทย์รักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ เก็บตัวอย่างเชื้อตรวจทางห้องปฏิบัติการ และสอบสวนโรคอย่างละเอียด
4.สั่งการให้ด่านควบคุมโรค ติดตามเฝ้าระวังและดำเนินการในฐานะผู้ประสานงานการทำงานในส่วนของการเฝ้าระวังโรคทั้งนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ.กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการระบาดของโรคทางเดินอาหาร ต่างจากสารกัมมันตรังสี โดยการควบคุมต้องทำในระดับที่มีความเหมาะสม หากติดตามอย่างดีใน1เดือนเชื่อว่าเรื่องน่าจะจบลง
สำหรับกรณีที่พบป่วยติดเชื้ออีโคไล แนวทางการตรวจรักษาคงไม่ต้องถึงขั้นเปลี่ยนถ่ายเลือดทุกราย แต่จะทำเฉพาะผู้ป่วยที่ไตวายเฉียบพลันและเม็ดเลือดแดงแตกแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ป่วยที่ถ่ายรุนแรงและมีเลือด มีมูกปนก็จะอาศัยการรักษาตามอาการ มาตรฐานเดียวกันกับต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม อย.จะเก็บตัวอย่างผัก และผลไม้ที่นำเข้าจากอียูทั้งทางเรือ และเครื่องบินมาสุ่มตรวจอย่างละ 1 กิโลกรัม เพื่อหาการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไล ซึ่งในปี 2554 ไทยนำเข้าผักและผลไม้มาจากอิตาลี และฝรั่งเศสเท่านั้นไม่มีการนำเข้าจากเยอรมนี
มึน! ผลทดลองชี้ ถั่วงอกไม่ใช่ต้นตออีโคไล

ชี้ถั่วงอกไม่ใช่ที่มาของเชื้อแบคทีเรียมรณะ
สาธารณสุขเยอรมัน ยังมึน ต้นเหตุเชื้อ "อีโคไล" หลังผลการทดสอบล่าสุด ชี้ถั่วงอกไม่ใช่ที่มาของเชื้อแบคทีเรียมรณะ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยอรมัน ยังคงพยายามตรวจหาแหล่งที่มาของการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล หลังจากการทดสอบครั้งแรกในถั่วงอกที่ปลูกที่ฟาร์มใกล้กับเมืองฮัมบูร์ก ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งที่มาของเชื้อ พบว่าไม่มีร่องรอยของเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังคงรอผลการทดสอบ ในอีก 17 ตัวอย่างเพิ่มเติม ขณะที่ 23 กลุ่มตัวอย่างก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นผลเชิงลบ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของเยอรมัน กล่าวว่ารัฐบาล จะยังคงเฝ้าระมัดระวัง จนกว่าผลลัพธ์ทั้งหมดจะได้รับการเปิดเผย
ทั้งนี้ อาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ได้ส่งผลมีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คนในประเทศเยอรมนี และ 1 คน ในประเทศสวีเดน นอกจากนี้ ยังมีผู้ติดเชื้ออีกเกือบ 2,300 คนทั่วทวีปยุโรป จนทำให้รัสเซียสั่งห้ามนำเข้าผักสดทุกชนิดจากสหภาพยุโรป
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยอรมัน ยังคงพยายามตรวจหาแหล่งที่มาของการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล หลังจากการทดสอบครั้งแรกในถั่วงอกที่ปลูกที่ฟาร์มใกล้กับเมืองฮัมบูร์ก ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งที่มาของเชื้อ พบว่าไม่มีร่องรอยของเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังคงรอผลการทดสอบ ในอีก 17 ตัวอย่างเพิ่มเติม ขณะที่ 23 กลุ่มตัวอย่างก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นผลเชิงลบ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของเยอรมัน กล่าวว่ารัฐบาล จะยังคงเฝ้าระมัดระวัง จนกว่าผลลัพธ์ทั้งหมดจะได้รับการเปิดเผย
ทั้งนี้ อาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ได้ส่งผลมีผู้เสียชีวิตแล้ว 21 คนในประเทศเยอรมนี และ 1 คน ในประเทศสวีเดน นอกจากนี้ ยังมีผู้ติดเชื้ออีกเกือบ 2,300 คนทั่วทวีปยุโรป จนทำให้รัสเซียสั่งห้ามนำเข้าผักสดทุกชนิดจากสหภาพยุโรป
เจ้าหน้าที่เยอรมนีเชื่อถั่วงอกซึ่งปลูกในประเทศ อาจเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล
เจ้าหน้าที่เชื่อถั่วงอกอาจเป็นสาเหตุของโรค
โฆษกกระทรวงเกษตรของรัฐโวลเวอร์ แซกโซนี ทางตอนเหนือของเยอรมนี ระบุในแถลงการณ์เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วงอก ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในสลัดผัก หลังการตรวจสอบพบว่าน่าจะเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล โดยถั่วงอกดังกล่าวปลูกจากไร่แห่งหนึ่งในพื้นที่รัฐโลวเวอร์ แซกโซนี และถูกส่งไปยังร้านอาหารหลายแห่ง เป็นสาเหตุทำให้ร้านอาหารจำนวนมากในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศพบการแพร่ระบาด ของเชื้ออีโคไล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน และอีกกว่า 2,200 คนในยุโรปล้มป่วย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังได้เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการรับประทานมะเขือเทศ แตงกวา และกะหล่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งด้วย
มารู้จักกับเชื้อ อีโคไล ,แพร่สู่คนได้อย่างไร , อาการของผู้ได้รับเชื้ออีโคไล ฯลฯ

มารู้จักกับเชื้อ อีโคไล ,แพร่สู่คนได้อย่างไร
อีโคไล (E. coli) หรือมีชื่อเต็มๆ ว่า Escherichia coli (เอสเชอริเชีย โคไล) เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม เป็นตัวชี้การปนเปื้อนของอุจจาระในน้ำ มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของสัตว์และมนุษย์
แบคทีเรียชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยที่สุด ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ แต่อาการมักไม่รุนแรง เพราะทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มักมีภูมิต้านทานอยู่บ้างแล้ว เนื่องจาก ได้รับเชื้อนี้เข้าไปทีละน้อยอยู่เรื่อยๆ เชื้อนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือ มือของผู้ประกอบอาหาร ปกติเชื้อเหล่านี้อาจพบในอุจจาระได้อยู่แล้วแม้จะไม่มีอาการอะไร
เชื้ออีโคไล แพร่สู่คนได้อย่างไร
แบคทีเรียชนิดนี้ทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยที่สุด ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ แต่อาการมักไม่รุนแรง เพราะทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มักมีภูมิต้านทานอยู่บ้างแล้ว เนื่องจาก ได้รับเชื้อนี้เข้าไปทีละน้อยอยู่เรื่อยๆ เชื้อนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือ มือของผู้ประกอบอาหาร ปกติเชื้อเหล่านี้อาจพบในอุจจาระได้อยู่แล้วแม้จะไม่มีอาการอะไร
เชื้ออีโคไล แพร่สู่คนได้อย่างไร

เชื่อแบคทีเรียอีโคไลจะแพร่สู่คนได้จากกิน
เชื่อแบคทีเรียอีโคไลจะแพร่สู่คนได้จากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อชนิดนี้มักจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ได้รับการปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ
อาการของผู้ได้รับเชื้ออีโคไล

อาการแต่เริ่มท้องร่วงเล็กน้อย
จะพบอาการแต่เริ่มท้องร่วงเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและพบเลือดปนกับอุจจาระ
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล

ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไลอยู่ที่ประมาณ 3-8 วัน และจะปรากฏอาการในช่วง 3-4 วันหลังการได้รับเชื้อ แม้ว่าผู้ได้รับเชื้อจะสามารถนำเชื้อชนิดนี้ออกจากร่างกายได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่เชื้อส่วนที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยยังสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่นเกิดภาวะไตเสื่อม ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล

เด็ก ผู้สูงอายุ จะเป็นผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออีโคไลมากที่สุด
เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จะเป็นผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออีโคไลมากที่สุด เนื่องจากร่างกายของคนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการต้านทานเชื้อได้น้อยกว่าคนทั่วไป
การป้องกันและรักษาเมื่อได้รับเชื้ออีโคไล
การป้องกันและรักษาเมื่อได้รับเชื้ออีโคไล

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาอาการที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้โดยตรง ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดท้องได้ในเบื้องต้น แต่ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มสเตอรอยด์ เช่นยาแอสไพริน เพราะยากลุ่มนี้จะมีผลทำลายไตของผู้รับประทาน นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันการได้รับเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์