นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และควรรู้ว่าจะต้องใช้ธรรมะข้อใดไปสอนประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธา..
จากการประชุมสัมมนาพระบัณฑิตเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่วัดประสิทธิเวช อ.องครักษ์
จ.นครนายก โดยมีพระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะภาค 12
เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมทั้งกล่าวสัมโมทนียกถาว่า พระบัณฑิตเผยแผ่ฯ
นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
และควรรู้ว่าจะต้องใช้ธรรมะข้อใดไปสอนประชาชน
เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธา ขณะเดียวกัน
ก็ต้องสอนในเรื่องที่ประชาชนไม่รู้ด้วย
ซึ่งในเรื่องวิชาการนั้นต้องยอมรับว่าพุทธศาสนิกชนบางคนศึกษาหลักธรรมในพระไตรปิฎกมากกว่าพระสงฆ์บางรูปเสียอีก
แต่สิ่งที่พุทธศาสนิกชนยังไม่รู้คือเรื่องการกรรมฐาน สมาธิ ปฏิบัติธรรม
ดังนั้นจึงควรที่จะเน้นสอนในเรื่องเหล่านี้ให้มาก
นางจุฬารัตน์
บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บรรยายพิเศษ
"นโยบายส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา" ว่า คุณสมบัติพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ
ต้องจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจาก ม.สงฆ์ หรือจบเปรียญธรรม 9 ประโยค
หรือหากไม่ได้จบการศึกษาจาก ม.สงฆ์ ก็จะต้องมีวุฒิการศึกษานักธรรมชั้นเอก
และเปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป รวมทั้งจะต้องเป็นพระที่มีศีลาจารวัตรงดงาม
น่าเลื่อมใส และยึดมั่นในพระธรรมวินัย มีสุขภาพแข็งแรง
สามารถปฏิบัติหน้าที่อบรม บรรยาย สั่งสอน และเทศนาธรรมได้ มีพรรษา 5
ขึ้นไป หรือหากมีพรรษาไม่ถึง 5
ต้องได้รับการรับรองจากเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอขึ้นไป
ตลอดจนเป็นพระที่มีอุดมการณ์ เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง
และต้องเป็นพระภิกษุที่สังกัดวัดในจังหวัดที่ได้รับการพิจารณาเสนอชื่อ
ทั้งนี้ พระที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ
จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 9 เดือนต่อปี
และจะได้รับงบประมาณอุดหนุนรูปละ 6,000 บาทต่อปี
ซึ่งขณะนี้แต่ละจังหวัดได้แต่งตั้งพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ ครบทุกจังหวัดแล้ว
มีทั้งหมด 400 รูปทั่วประเทศ.
ที่มา-