Pic_11041

นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และควรรู้ว่าจะต้องใช้ธรรมะข้อใดไปสอนประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธา..

จากการประชุมสัมมนาพระบัณฑิตเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่วัดประสิทธิเวช อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดยมีพระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะภาค 12 เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมทั้งกล่าวสัมโมทนียกถาว่า พระบัณฑิตเผยแผ่ฯ นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และควรรู้ว่าจะต้องใช้ธรรมะข้อใดไปสอนประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธา ขณะเดียวกัน ก็ต้องสอนในเรื่องที่ประชาชนไม่รู้ด้วย ซึ่งในเรื่องวิชาการนั้นต้องยอมรับว่าพุทธศาสนิกชนบางคนศึกษาหลักธรรมในพระไตรปิฎกมากกว่าพระสงฆ์บางรูปเสียอีก แต่สิ่งที่พุทธศาสนิกชนยังไม่รู้คือเรื่องการกรรมฐาน สมาธิ ปฏิบัติธรรม ดังนั้นจึงควรที่จะเน้นสอนในเรื่องเหล่านี้ให้มาก

นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บรรยายพิเศษ "นโยบายส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา" ว่า คุณสมบัติพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ ต้องจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจาก ม.สงฆ์ หรือจบเปรียญธรรม 9 ประโยค หรือหากไม่ได้จบการศึกษาจาก ม.สงฆ์ ก็จะต้องมีวุฒิการศึกษานักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป รวมทั้งจะต้องเป็นพระที่มีศีลาจารวัตรงดงาม น่าเลื่อมใส และยึดมั่นในพระธรรมวินัย มีสุขภาพแข็งแรง สามารถปฏิบัติหน้าที่อบรม บรรยาย สั่งสอน และเทศนาธรรมได้ มีพรรษา 5 ขึ้นไป หรือหากมีพรรษาไม่ถึง 5 ต้องได้รับการรับรองจากเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอขึ้นไป ตลอดจนเป็นพระที่มีอุดมการณ์ เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง และต้องเป็นพระภิกษุที่สังกัดวัดในจังหวัดที่ได้รับการพิจารณาเสนอชื่อ ทั้งนี้ พระที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 9 เดือนต่อปี และจะได้รับงบประมาณอุดหนุนรูปละ 6,000 บาทต่อปี ซึ่งขณะนี้แต่ละจังหวัดได้แต่งตั้งพระบัณฑิตเผยแผ่ฯ ครบทุกจังหวัดแล้ว มีทั้งหมด 400 รูปทั่วประเทศ.
 
 
ที่มา-
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง