พิธีขอขมา และรับผ้าไตร บวชพระหนึ่งแสนรูป
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553
โครงการอุปสมบทหมู่หนึ่งแสนรูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
 
    เหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ก็จะถึงวันประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึก เมื่อชายแมนแมนร่วมแสนคน ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมตนเองอย่างเข้มข้น ในโครงการอุปสมบทหมู่หนึ่งแสนรูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย จะเดินทางมาจาก 330วัดทั่วประเทศ เพื่อมาประกอบพิธีบรรพชาครั้งใหญ่พร้อมกัน ณ วัดพระธรรมกาย ในวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553
 
    ส่วนบรรยากาศในวันนี้ หลายๆวัดทั่วประเทศ ได้จัดให้มีพิธีขอขมาในพื้นที่ ที่สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย ก็เป็นอีกวันที่เกิดบรรยากาศแห่งความอบอุ่น เพราะวันนี้เป็นวันที่หลายคนรอคอยที่จะได้เห็นบุคคลที่เราไปทำหน้าที่ชักชวนให้มาบวช กำลังก้าวสู่ความสำเร็จดังตั้งใจ
 
    คณะผู้ปกครอง ญาติสนิทมิตรสหายต่างทยอยเดินทางมาวัดพระธรรมกายกันตั้งแต่ตอนเช้ามืด หรือบางคนที่ไวกว่านั้นก็มากันตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากทั้งเหนือใต้ออกตก ทุกคนต่างเข้านั่งในพื้นที่พร้อมหน้าทั้งคุณย่า คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ และลูกหลาน เป็นเสมือนวันแห่งครอบครัว (Family day) หลายๆท่านมาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกในชีวิต ต่างประทับใจในความสะอาด ความเป็นระเบียบ โดยเฉพาะการแต่งกายชุดสีขาวๆ ถึงกับเอ่ยปากถามว่า จะไปซื้อชุดขาวขาวแบบนี้ได้ที่ไหน
 
 
    พิธีกรรมทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างงดงาม น่าเลื่อมใส จนกระทั่ง ช่วงเวลาสำคัญ คือ วินาทีที่นาคธรรมทายาทกว่าสี่พันชีวิต เปล่งเสียงขอขมาพร้อมกันอย่างกึกก้อง น้ำตาที่พร้อมจะเอ่อล้นก็ไหลออกมาอาบสองแก้มของทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งนาคเองและพ่อแม่นาค เรียกว่า เขื่อนน้ำตาความเป็นชายพังทลายลงแล้วอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับใจที่มีแต่คำว่า แทนคุณ ทำเอาคนที่อยู่รอบข้างพลอยซาบซึ้งไปกับวันมหาปีตินี้มาก บางคนปลื้มปีติจนพูดไม่ออก มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความปลื้มที่สุดในชีวิตของนาคธรรมทายาทและผู้ปกครอง
 
    นาคธรรมทายาทท่านหนึ่งกล่าวว่า “นี่คือการบวชครั้งแรกในชีวิต รู้สึกดีใจมากครับที่ได้เข้าอบรมที่วัดพระธรรมกาย และผ้ากาสาวพัสตร์นี้จะเป็นผ้าผืนสุดท้ายในชีวิต และนี่คือรูปคุณพ่อคุณแม่ของผมที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมได้ก็เอารูปของท่านมาแทน แล้วก็กราบขอขมากับรูปภาพของท่าน”
 
    นาคธรรมทายาทโรจนฤทธิ์ จอดพิมาย อายุ 33ปี ได้จากอ้อมอกของบิดามารดากว่า 16ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 เพื่อมาทำงานในกรุงเทพฯ ไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านเลยและกลับไปเยี่ยมท่านเพียงครั้งเดียว เมื่อปี พ.ศ.2550 และในวันเข้าอบรมได้เขียนจดหมายลาบวชถึงคุณแม่ที่จังหวัดนครราชสีมา
 
    นาคธรรมทายาทโรจนฤทธิ์ เล่าว่า “ตลอดเวลาในช่วงการอบรม กระผมยังคิดว่าแม่อาจจะไม่ได้รับจดหมาย และกระผมก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของแม่ตั้งแต่ทำโทรศัพท์หาย กระผมไม่ได้เห็นหน้าแม่เป็นเวลาปีกว่าๆแล้ว จนกระทั่งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ในพิธีขอขมา กระผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่า จะได้พบกับแม่ในวันนี้ กระผมอยากเอาบุญจากการบวช การทำความดี และการปฏิบัติธรรมมอบให้กับคุณแม่ครับ”
 
    ทางด้านคุณแม่ก็เล่าว่า“เคยไปประกาศหาลูกชายทางอินเทอร์เน็ตแต่ก็ไม่รับข่าวคราวอะไรกลับมาเลย กระทั่งเมื่อคืนนี้ตอนสองทุ่ม ได้รับจดหมายจากลูกชาย จดหมายอยู่ในสภาพเปียกน้ำฝน ข้อความในจดหมายลางเลือนไม่เห็นอะไรแล้ว เห็นแต่คำว่า ผมกำลังจะบวช”
 
    พอดีน้องสาวเห็นโบรชัวร์เบอร์โทรศัพท์ศูนย์ประสานงานบวช 02-831-1235 ก็รีบยกหูต่อสาย วันรุ่งขึ้นจึงรีบเดินทางจากต่างจังหวัดมายังวัดพระธรรมกาย ในตอนที่เจอกันทั้งคุณแม่และคุณลูก ต่างก็ร้องไห้กันยกใหญ่ ซาบซึ้งใจกันทั้งสองฝ่าย ในที่สุดสองแม่ลูกก็จูนความเข้าใจได้ตรงกัน และจบลงแบบ Happy Ending
 
 
    นาคธรรมทายาทสิปณ เดื่อมคั้น อายุ 25ปี เล่าว่า “ครั้งนี้เป็นการบวชครั้งแรกในชีวิต ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้มาใส่ผ้าเหลือง เพราะผมนับถือศาสนาคริสต์มาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านเป็นคริสต์ทั้งบ้าน ที่มาบวชครั้งนี้ เพราะที่บ้านไปซื้อจานดาวเทียมมาติด แล้วมีช่อง DMC ดูมาได้สองเดือน คุณพ่อคุณแม่ก็ติดใจ ชอบนั่งสมาธิ ที่สำคัญทุกคนในบ้านเริ่มเข้าใจเรื่องบุญ วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันเซ็นสัญญาได้งานใหม่ คุณพ่อก็โทรมาคุยเรื่องบวชแสนรูป ผมเลยถามคุณพ่อว่า ที่โทรมานี่ อยากให้ผมบวชใช่ไหม คุณพ่อบอกว่า ถ้าต้นบวชให้พ่อได้ พ่อก็จะมีความสุขมาก ผมเลยรับปากกับคุณพ่อว่า ผมจะบวชให้ แล้วก็เลยเลื่อนงานที่ได้ไปก่อน คิดว่า เอาบุญให้คุณพ่อก่อนดีกว่า ต่อไปติดงานอาจจะไม่ได้บวช
 
    วันนี้ ที่บ้านมากันทั้งบ้าน มาจากหาดใหญ่กันเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่คุณยาย วันนี้ผมเป็นนาคให้น้ำเลย เห็นคุณแม่แล้วก็น้ำตาไหล ดีใจมาก ปลื้มใจมาก แล้วก็รู้ว่าทุกคนในครอบครัวปลื้มมากเช่นกัน ประทับใจวันนี้มาก จะไม่ลืมจนถึงวันตาย เพื่อนๆธรรมทายาททุกคนก็ตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ ที่เคยชอบคุยเล่นๆ วันนี้ทุกคนก็เปลี่ยนไป ดูสุขุม ตั้งใจ แค่ตอนตั้งแถว ผมก็ขนลุกแล้ว ผมเห็นธรรมทายาทบางคนน้ำตาไหลตั้งแต่ยังไม่เจอพ่อแม่ ส่วนใหญ่ทุกคนบอกว่าปลื้มใจมากและตื้นตันใจมากครับ”
 
 
    นาคธรรมทายาทอาทร ขำแสง อายุ 27ปี จากนครศรีธรรมราช เล่าว่า “พี่สาวเข้าวัดและเป็นกัลยาณมิตรให้ ครั้งนี้ผมมาบวชครั้งแรก พอได้มาวัด มาอบรม ก็ประทับใจมาก ยิ่งตอนดูฝันในฝัน ชอบมาก อยากเข้าทุกคืน อยากเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อใกล้ๆ เพราะรายการของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ สนุกมากเป็นธรรมะบันเทิง มีจระเข้มาร้องเพลง อย่างนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน บวชครั้งนี้ ผมได้เข้าใจกฎแห่งกรรมมากขึ้น และใฝ่ฝันอยากเดินธุดงค์ ทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งครับ ความรู้สึกวันนี้ น้ำตาไหลตั้งแต่กำลังเดินเข้าไป พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์มากๆ ตื้นตันบอกไม่ถูก ทุกอย่างดูพร้อมเพรียง สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยครับ”
 
 
    นาคธรรมทายาทวิเชษฐ์ วงษ์บัณฑิตเจริญ เป็นครูสอนเด็กอนุบาล อายุ 25ปี เล่าว่า “ผมมาบวชครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต อยากบวชมานานแล้ว วันหนึ่ง มีผู้นำบุญมาชวน เขาบอกว่า ถ้าบวชให้แม่ แม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองพระลูกชายไปสวรรค์ ผมชอบคำนี้มาก ก็เลยอยากตอบแทนพระคุณแม่ด้วยการบวช วันนี้รู้สึกตื้นตันใจ ประทับใจมากๆ เห็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ดีใจที่ได้มาบวชที่นี่ในรุ่นแสนรูป หากบวชคนเดียวคงไม่ปลื้มเท่านี้ เพราะบวชหมู่มีพลังมาก ทำให้เห็นพลังชาวพุทธจริงๆ ตอนเดินมาเห็นคุณแม่ร้องไห้มาแต่ไกล ผมรู้ว่าท่านคงปลื้มมากที่เรามีวันนี้ วันนี้จึงถือว่าปลื้มใจเกือบที่สุด เพราะปลื้มสุดในชีวิตก็คงเป็นวันบวชแสนรูปครับ”
 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง