การบริจาคร่างกายและอวัยวะ

มาบริจาคร่างกายและอวัยวะกันเถอะ..หากต้องการบริจาคร่างกาย เพราะตายไปแล้วก็ไม่ได้ใช้ วิธีการบริจาคร่างกายมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาติดตามกันได้เลยค่ะ . . . . https://dmc.tv/a17974

บทความธรรมะ Dhamma Articles > Review รายการ
[ 12 พ.ค. 2557 ] - [ ผู้อ่าน : 18408 ]

การบริจาคร่างกายและอวัยวะ

 
การบริจาคร่างกายและอวัยวะ
จากรายการทันโลก ทันธรรม ออกอากาศทางช่อง DMC
 
การบริจาคร่างกายและอวัยวะ
การบริจาคร่างกายและอวัยวะ
 

การบริจาคร่างกายและอวัยวะ

     ในปัจจุบันคนไทยหันมาสนใจการบริจาคร่างกายและอวัยวะ เพราะเชื่อว่านั้นเป็นกุศลทานอังยิ่งใหญ่ หลายคนอยากจะบริจาคแต่ไม่ทราบช่องทาง การบริจาคมีทั้งการบริจาคร่างกาย และการบริจาคอวัยวะ สำหรับการบริจาคร่างกายนั้นก็คือ การมอบร่างและการอุทิศร่างของเราเพื่อประโยชน์ในการศึกษาทางการแพทย์ เพื่อเป็นความรู้และแนวทางในการรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน 
 
1. บริจาคให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา 
2. บริจาคให้แพทย์เฉพาะทางได้ฝึกผ่าตัด
3. บริจาคไว้เพื่อเก็บไว้เป็นโครงกระดูก เพื่อการศึกษาในภายหลัง
 
     ผู้ประสงค์ ในการบริจาคสามารถเลือกได้เพียงอย่างหนึ่งอย่างใด สามารถบริจาคได้หลายที่ เช่น ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลศิริราช 

ขั้นตอนการบริจาคร่างกายและอวัยวะ

1. กรอกแบบฟอร์ม ชื่อนามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านด้วยตัวบรรจง ระบุ ชื่อนามสกุล ผู้แจ้งการถึงแก่กรรม 
2. ส่งแบบฟอร์มพร้อมรูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ จ่าหน้าซองถึง ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 (บริจาคร่างกาย)
 
     ทางภาควิชาก็จะส่งบัตรประจำตัวผู้บริจาคให้ภายใน 1 เดือน โดยเราสามารถระบุว่าเราจะรับโดยวิธีใด รับทางไปรษณีย์หรือไปรับด้วยตัวเองที่โรงพยาบาล เมื่อได้รับบัตรมาแล้วควรพกติดกระเป๋า เพื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราเวลามีคนเห็นจะได้แจ้งความจำนงถูกว่าตรงนี้เราบริจาคร่างกายเอาไว้ จะได้ส่งร่างกายเราไปได้ถูกต้องนะคะ 
 
คำถาม : เมื่อเราแจ้งความจำนงเสร็จแล้ว เราจะเปลี่ยนใจได้ไหมคะ ยกเลิกการบริจาคได้ไหมคะ
คำตอบ :
ได้ครับ สามารถยกเลิกการบริจาคได้ โดยที่ไม่ต้องแสดงความจำนงเป็นเอกสาร หรือลายลักษณ์อักษร ก็สามารถยกเลิกการบริจาคได้เลย ไม่มีความผิดทางกฏหมาย ไม่มีข้อผูกมัด ผูกพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น 
          
     ผู้ที่เป็นญาติของผู้บริจาคต้องแจ้งให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ทราบ ในการจัดงานศพนั้น ห้ามมีการฉีดศพ ยากันเน่า เพราะว่าทางภาควิชาจะเป็นผู้ฉีดเอง เขาจะมาฉีดให้เราฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นทางภาควิชาอนุญาตให้ญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลได้ แต่ไม่เกิน 5 วัน หลังจากนั้นทางภาควิชาก็จะจัดรถมารับศพไปจัดเก็บที่อาคารกายวิทยาทานที่ศาลายา จังหวัดนครปฐม เมื่อทางวิชากายวิภาคศาสตร์รับศพไปแล้ว เขาจะออกใบรับรองศพภายใน 2 วัน หลังจากนั้นก็จะออกใบอนุโมทนาบัตรภายใน 1 เดือน ก็จะมีพิธีพระราชทานเพลงศพทุกๆ ปี จะจัดขึ้นเดือนเมษายนของทุกปี ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถมาร่วมงานได้ไม่เกิน 4 ท่าน ทางโรงพยาบาลศริราชจะจัดรถรับส่งไปที่อาคารกายวิทยาทาน ศาลายา จังหวัดนครปฐม ในกรณีที่ญาติไม่มาร่วมงาน ทางภาควิชาก็จะจัดเก็บอัฐิไว้เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี 
 
การบริจาคร่างกายและอวัยวะ
 
อวัยวะมือสองต่ออายุเพื่อนมนุษย์

การบริจาคอวัยวะ

 
คือ การบริจาคอวัยวะเฉพาะส่วน นำไปปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่ต้องการอวัยวะนั้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 

1. บริจาคทั้งที่ผู้บริจาคยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอวัยวะที่บริจาคได้ก็จะมี ไตเพียงหนึ่งข้าง ตับเพียงบางส่วนเท่านั้น การบริจาคอวัยวะชนิดนี้ สามารถกระทำได้ในกรณีที่ เป็นญาติและมีความสำคัญทางสายโลหิตเท่านั้น เช่นเป็นพี่น้อง เป็นพ่อแม่ลูก หรือว่าเป็นลุง ป้า น้า อา  มีกรณียกเว้นอยู่กรณีหนึ่ง เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ก็สามารถบริจาคอวัยวะเพื่อการปลูกถ่ายได้เหมือนกัน 
 
2. ผู้บริจาคต้องเสียชีวิตแล้ว หรือมีภาวะสมองตาย ซึ่งภาวะสมองตายก็คือภาวะสมองที่หยุดการทำงานอย่างถาวร บุคคลนั้นก็จะไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหัวใจก็จะหยุดเต้น และเสียชีวิตในที่สุด  ซึ่งก็มีบ่อยครั้งที่ญาติไม่ยินยอม เพราะไม่แน่ใจว่าภาวะสมองตายจริงหรือเปล่า หรือบางครั้งญาติก็ปฏิเสธการบริจาค เพราะไม่ได้ทราบความจำนง วิธีแก้ก็คือ ผู้บริจาคควรที่แจ้งให้ญาติ หรือคนใกล้ชิดทราบถึงความจำนงในการบริจาค 

สถานที่รับบริจาคอวัยวะ : ศูนย์รับบริจาคสภากาชาติไทย อยู่ตรงโรงพยาบาลจุฬา

 

บัตรแสดงความจำนงการบริจาคร่างกายและอวัยวะ
บัตรแสดงความจำนงการบริจาคร่างกายและอวัยวะ

 

คุณสมบัติของผู้ที่จะบริจาคอวัยวะ

-  ต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี 
-  เสียชีวิตจากสภาวะสมองตาย ด้วยสาเหตุต่างๆ
-  ปราศจากโรคติดเชื้อและโรคมะเร็ง
- ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง โรคตับ และไม่ติดสุรา 
-  อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องใช้งานได้ดี 
- ไม่เป็นไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไวรัสเอดส์ ฯลฯ 

การบริจาคดวงตา

     การบริจาคดวงตาก็ทำได้ แต่ดวงตาจะเสื่อมคุณภาพภายใน 6 ชั่วโมง การจัดเก็บต้องทำอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นผู้ที่เสียชีวิต มีโรคที่สามารถเป็นอันตรายต่อผู้รับดางตาได้หรือเปล่า ถ้ามีโรคใดๆ ที่เป็นอันตราย ก็จะไม่มีการจัดเก็บดวงตานั้น หลังจากที่เราแสดงความจำนงที่จะบริจาคอวัยวะแล้ว ทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะก็จะส่งบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงไว้ เพื่อผู้นั้นจะได้ถือติดตัวไว้ 

การบริจาคร่างกายและอวัยวะทางธรรม

ทันธรรมโดย พระอาจารย์พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ  

 
การบริจาคร่างกาย คือ การที่เราไปอุทิศตัวของเราว่า เมื่อเราตายแล้วขอบริจาคร่างกายของเรานี้ ให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้ในการศึกษา เพื่อให้เข้าใจสรีระของมนุษย์ เพื่อที่จะได้เอาไปรักษาโรคได้ 

เล่าจากประสบการณ์ตอนเป็นนิสิตแพทย์

     ก็จะเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ ตอนอยู่ปี 2 เรียนทั้งปี ตั้งแต่มีผู้มาบริจาคร่างกาย พอเสียชีวิต ทางญาติแจ้งไป ทางโรงพยาบาลก็จะส่งรถไปรับ และทำการฉีดยาศพให้เรียบร้อย แล้วให้ทำพิธีทางศาสนาเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็นำร่างมาแช่ในฟอร์มาลีนเพื่อไม่ให้เน่า ไม่ให้เปรื่อย และถึงคราวที่นิสิตแพทย์ต้องมาศึกษา สมัยที่พระอาจารย์เรียน เราเรียกว่า "อาจารย์ใหญ่" เรียนทั้งปี เริ่มต้นจะให้อาจารย์ใหญ่นอนคว่ำก่อน ค่อยๆ ศึกษาจากข้างหลังมาเลย ค่อยเปิดหลังแล้วค่อยๆ เลาะดูว่าเส้นประสาทเป็นอย่างไร กล้ามเนื้อแต่ละมัดเป็นอย่างไร มีคู่มือดู แลัวเราก็ค่อยๆ เลาะ ค่อยๆ สังเกตดู จากหลังก็มาที่แขน ก็คือจากข้างหลังมาที่แขนทั้งกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และเส้นเลือด ทั้งหมดอย่างละเอียด
 
     อย่างไปดูถูกว่าร่างกายแค่นี้เองประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ  ไม่ใช้เลยนะ ต้องศึกษาอย่างละเอียด หนังสือตำราเป็นภาษาอังกฤษ เล่มหนึ่งหนาเป็นพันหน้า เล่มโตๆ ตัวหนังสือนี้ยิบเลย จนกระทั่งมีคนบอกว่า แค่จำรายละเอียดของกายวิภาคของมนุษย์อย่างเดียวสมองก็จะเติมแล้ว เพราะว่ารายละเอียดมันเยอะมากๆ แค่แขนอย่างเดี่ยวเรียนได้เป็นเทอม พอจบแขนก็มาเรื่องขา เสร็จแล้วก็มาที่คอและศรีษะ ค่อยๆ ไล่ไปจนหมดเลย เส้นประสาทจากในสมองผ่านทะลุกะโหลกมากี่เส้น รูไหนกี่เส้น ดูรู้หมด อวัยวะตา องค์ประกอบของตา ชั้นนอก ชั้นใน  ไล่ครบหมด แล้วค่อยมาถึงตัวอวัยวะภายใน ตับไต หัวใจ ปอด เป็นต้น ในช่องท้องทั้งหมด 1 ปีเต็มๆ กว่าจะเรียนจบ พอรู้ว่าโครงสร้างของกายมนุษย์เป็นอย่างไรแล้ว ถึงคราวต่อไปจะไปผ่าตัดก็ตาม จะไปศึกษาวิชาสรีรวิทยา แล้วมันทำงานกันอย่างไร ระบบต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง ก็ศึกษาต่อไปอีก เวลามันเกิดโรค มันเปลืยนแปลงไปอย่างไร
 
     ก็ต้องไปศึกษาอีกว่าโรคนี้มันทำให้ตับ ไต แขน ขา มันเปลียนไปอย่างไร และศึกษาเรื่องยาว่า โรคแต่ละอย่างเราใช้ยาอะไรรักษา นี้คือการเรียนแพทย์ เริ่มต้นต้องรู้จักร่างกายมนุษย์ก่อน จึงจำเป็นต้องมีอาจารย์ใหญ่ คือผู้ที่บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาล เพื่อให้นิสิตแพทย์ได้ศึกษา ตรงนี้เป็นเรื่องน่าทำ  เพราะว่าเราจะได้บุญใหญ่ ได้บุญมหาศาล เพราะว่าเราตายแล้วก็เอาไปเผาก็หมดไป เหลือแต่ขี้เถ้า ก็ไม่ได้อะไร ตัวเราเองก็ไม่ได้มานั่งเฝ้าร่างกายของเราเอง ใครทำบุญเอาไว้ก็ไปเกิดบนสวรรค์ ใครทำบาปก็ไปตกนรก เป็นเปรต อสุรกาย หรือกลับไปเกิดเป็นคนใหม่บ้าง ไม่มีใครอยู่เฝ้าร่างกายตัวเอง ดังนั้นเราจึงใช้ร่างกายที่เหลืออยู่ของเรา ในการสร้างบุญดีกว่า แค่ไปทำเรื่องขอบริจาคร่างกาย เราก็ได้บุญแล้ว ถ้าไม่มีร่างกายให้ศึกษา แล้วหมอจะไปมีความรู้เรื่องกายวิภาคได้อย่างไร จะไปศึกษาจากหุ่นก็ไม่เหมือนกัน บ้างคนบอกใช้หุ่นไม่ได้หรอ เห็นเดี่ยวนี้เวลาฝึกช่วยคนตกน้ำยังใช้หุ่นเลย อย่างนั้นพอได้ แต่ว่ากายวิภาคมันละเอียดยิบเลย 
 

การบริจาคร่างกายและอวัยวะ
การศึกษาจากร่างกายมนุษย์


 


พอเดือนหนึ่งผ่านไป ไปเยื่ยมคนไข้ เขาก็ค่อยๆ กระดิกนิ้วอะไรต่างๆ ได้ เห็นแล้วชื่นใจ แล้วก็นึกส่งบุญนี้ให้อาจารย์ใหญ่ ที่อุทิศร่างให้เราศึกษา เพราะถ้าไม่มีร่างของอาจารย์ใหญ่แล้ว เราก็คงจะไม่มีความรู้เอามารักษาคนไข้ได้อย่างนี้ . . .


ตัวอย่างจากประสบการณ์จริง 

     มีครั้งหนึ่งอยู่ปี 6 ไปฝึกงานที่ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงแรกอยู่โรงพยาบาลในจังหวัด กำลังอยู่เวร รุ่นพี่ที่จบเป็นหมอแล้วอยู่ประจวบก็กำลังผ่าตัดคนไข้อยู่ ก็มีคนไข้อีกคนหนึ่งเข้ามา เป็นคนงานผู้หญิง อายุประมาณ 16-17 ปี เป็นคนงานอยู่โรงงานผลิตสับปะรดกระป๋อง  เผลอพลาดท่าไปถูกเครื่องจักรตัดที่ข้อมือ เอ็นขาดกระจุย แต่ยังดีไม่ถึงประดูก แต่เอ็นขาดขยับนิ้วอะไรไม่ได้ จึงไปบอกพี่หมอว่า มีคนไข้เอ็นขาดมา พี่หมดก็เลยบอกว่าเปิดหนังสือกายวิภาคสศาสตร์ ดูแล้วใช้ไหม ก็เลยบอกว่าเปิดแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นให้น้องรักษาเลยเพราะพี่ก็ไม่เคยทำเหมือนกัน ก็เอาประสบการณ์ศึกษาจากกายวิภาคศาสตร์ จากอาจารย์ใหญ่ จากการที่มีผู้อุทิศร่างให้ เราเคยผ่ามาแล้วนะว่าเอ็นที่ข้อมือมันเป็นยังไงบ้าง เพื่อทบทวนความทรงจำกันลืม ก็เอาหนังสือกายวิภาคมาเปิด แล้วก็ค่อยเลาะแขนคนไข้ดูว่าเป็นยังไงบ้าง เริ่มต้นก็ผ่าผิวหนังดูก่อน เพราะเวลาเอ็นมันขาดมันดึงรั้งเข้าไป มันหดหายเข้าไป เราต้องไปสาวดูว่าต้นขั้วมันอยู่ไหน แล้วต้องเช็คดีๆ ถ้าเช็คไม่ดี พอไปต่อเอ็น เกิดต่อผิดเส้น เช่น คนไข้จะกระดิกนิ้วชี้ นิ้วก้อยกระดิกแทน เพราะฉะนั้นต้องต่อให้ถูกเส้นด้วย ต้องต่อเส้นประสาท เส้นเลือด เริ่มต้นการต่อเอ็นตอนสามทุ่ม ค่อยทำอย่างประณีต กว่าจะทำเสร็จดูเวลาอีกที่ ตีสาม ตีสี่ ผ่านไป 6 - 7 ชั่วโมง แบบลืมดูเวลาเลย ใจมันจดจ่ออย่างเดียวว่าจะทำอย่างไร
 
     พอเดือนหนึ่งผ่านไป ไปเยื่ยมคนไข้ เขาก็ค่อยๆ กระดิกนิ้วอะไรต่างๆ ได้ เห็นแล้วชื่นใจ แล้วก็นึกส่งบุญนี้ให้อาจารย์ใหญ่ ที่อุทิศร่างให้เราศึกษา เพราะถ้าไม่มีร่างของอาจารย์ใหญ่แล้ว เราก็คงจะไม่มีความรู้เอามารักษาคนไข้ได้อย่างนี้ ดังนั้น อาจารย์ใหญ่ร่างกายที่ใช้ศึกษา เพื่อเอามารักษาโรคคนไข้ สำคัญมากๆ ใครจะเอาบุญพิเศษไปบริจาคร่างกายเลย แล้วก็อย่างไปคิดนะ บางคนไม่กล้าบริจาค กลัวว่าเกิดมาแล้วจะไม่มีร่างอยู่ ไม่เกี่ยวกัน ร่างกายพอเราตายแล้วก็เอาไปเผา เอาไปฝัง มันก็สลายกลายเป็นธาตุต่างๆ คืนกลับไปสู่ธรรมชาติ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่เอามาบริจาคแล้วได้ใช้ในการศึกษารักษาโรคคนไข้ เราเองจะได้บุญไปด้วย คุ้มค่าอย่าไปเชื่อความเชื่อแปลก ๆ ซึ่งไม่ถูกต้อง

การบริจาคอวัยวะ

มีบริจาคได้ 2 แบบคือ บริจาคตอนมีชีวิตอยู่กับตอนตายไปแล้ว

ตอนมีชีวิตอยู่ บริจาคได้แค่ 2 อย่าง

1. บริจาคไต ไตคนเรามีสองข้าง  บางคนบอกถ้าตัดไปข้างก็แย่สิ จริงๆ แล้ว "ไม่ใช้" โดยธรรมชาติมนุษย์ที่แข็งแรง เราใช้ไตแค่ประมาณ 20-30 % เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราบริจาคไปข้างหนึ่ง ไตที่เหลือข้างเดี่ยวก็ยังเพียงพอให้เราเองอยู่อย่างแข็งแรง ทำทุกอย่างได้ตามปกติเลย จนตลอดชีวิต 
2. ตับ แต่ไม่ใช่ให้ทั้งอันนะ ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่มากๆ ก็สามารถบริจาคส่วนหนึ่งของตับ ไปปลูกตับ คนที่จะบริจาคตับต้องถือว่าใจเด็ดจริงๆ เลยนะ เพราะเราอยู่ดีๆ ให้ไปผ่าตัด ผ่าตัดคนก็กลัวอยู่แล้ว แล้วยังผ่าเอาตับของเราไปให้คนอื่นเขาอีก เรียกว่าหัวใจเด็ดเดี่ยวมีมหากรุณาจริงๆ ถือว่าเป็นการสร้างบารมีอุปบารมี คือ ให้อวัยวะเป็นทาน จริงๆ เหมือนหัวใจพระบรมโพธิสัตว์เลย ใครที่ทำได้น่าชื่นชมสรรเสริญมากๆ 

ตอนตายไปแล้ว 

      เราสามารถไปทำลงทะเบียนไว้ก่อนได้ พอเกิดอะไรขึ้นมา พอตาย ภายในเวลาอันสั้น ชั่วโมง สองชั่วโมง หมอจะรีบผ่าแล้วเอามาแช่แข็งเอาไว้ แช่ตู้เย็นไว้ ใส่น้ำยาดูแลรักษาอย่างดี แล้วรีบเอาไปรักษาคนไข้ ที่ลงทะเบียนรอคิวอยู่ อันนี้ก็สามารถทำได้ แล้วยังมีอวัยวะต่างๆ อีกมากมาย เช่น ดวงตา หัวใจบ้าง ตับอ่อนบ้าง ตับบ้าง ก็สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ในกรณีที่ตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว 
 
การบริจาคร่างกายและอวัยวะ

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกเอา ชาดกมาเล่าให้ฟังว่า มีอยู่ชาติหนึ่งพระองค์เกินเป็นพระราชาชื่อพระเจ้าสีวิราช บริหารราชการอย่างดี มีประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข และพระองค์มีจิตใจโอบอ้อมอารีกว้างขวางมาก เรียกว่าเป็นคนให้ทุกอย่าง ใครขออะไรให้ทุกอย่าง มีวันหนึ่งเสด็จออกเยี่ยมประชาชน แล้วใจเบิกบานในทานมากๆ ถึงขนาดวันนี้มีใครมาขอดวงตาก็จะให้ดวงตา มีคนมาขอหัวใจจะควักให้เลย มีคนมาขอว่าให้ไปทำงานเป็นทาสหน่อย พร้อมสละเพศกษัตริย์แล้วไปช่วยเขา ขออะไรให้หมด ระหว่างออกไปตรวจเยี่ยมนั้นเอง ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์)ทราบวาระจิต ของพระราชา ว่าอยากจะสร้างบุญใหญด้วยการบริจาคดวงตาจริงๆ จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์ยาจกจนๆ ตาบอดทั้งคู่ แล้วก็มาทูลขอดวงตาจากพระเจ้าสีวิราช 1 ข้าง พอฟังพระเจ้าสีวิราชดีใจมาก บอกว่าท่านขอข้างหนึ่งหรอ ให้สองข้างเลย ตาท่านจะได้สมบูรณ์ แล้วก็สั่งกลับวัง เพื่อที่จะได้ให้หมอหลวงมาดำเนินการ สละดวงตา ปลูกถ่ายดวงตาให้เลย
 
     หมอยุคนั้นเก่งมากเลยนะ หมอหลวงนึกถึงว่าพระราชาเป็นเพศอันสูง เอามีดไปคว้านหาควรไม่ เราจะจัดยาแล้วค่อยๆ บีบให้ดวงตาออกมาเอง หมอยุคปัจจุบันยังสู่ไม่ได้ พอหมู่ญาติของพระราชาทราบก็รีบมาห้าม ห้ามแล้วห้ามเล่า พระราชาก็บอกว่าอย่าเลย เราปรารถนา คือ การตัสรู้ธรรม ยิ่งกว่าดวงตานี้มากนัก ยินดี สละให้ด้วยความยินดี พวกท่านอย่าคัดค้านเลย พอหมู่ญาติค้านไม่อยู่ พระราชาก็เร่งให้หมอดำเนินการ หมอก็เลยเอายามา ใช้รอบตา ขั้นที่ 1 ตาก็เริ่ม คล่อกๆ แคล่กๆ จากอยู่ในเบ้าก็เริ่มหลวมขึ้นมาเลย พระราชาก็ปวดทรมานมาก หมอหลวงก็ถามว่า พระองค์จะเปลียนใจหรือเปล่า ถ้าเปลียนใจข้าพเจ้าให้ยาแล้วจะหายเลย พระราชาบอกไม่เปลียนใจ ดำเนินการต่อ หมอก็เอายาใส่เข้าไปอีก และตาก็ถลนออกมาเลย เหลือแต่เส้นประสาทตาที่ขั้วห้อยอยู่ พระราชาทรมานสุดๆ เจ็บปวดมาก หมอหลวงก็ถามอีกพระองค์จะเปลี่ยนใจไหม ข้าพเจ้ารักษาได้ พระราชาบอกไม่เปลียนใจ สละหมด ก็เลยเอาขั้วเส้นประสาทด้วย แล้วก็เอาไปปลูกถ่ายให้กับพราหมณ์ยาจก จนกระทั่งมีตาดีขึ้นมา
 
     ส่วนพระราชาเจ็บปวดจนแทบสลบไปเลย หมอก็ใส่ยารักษา แล้วเนื้อก็งอกขึ้นมาแทน แต่ก็กลายเป็นคนตาบอด พระอินทร์ก็กลับไป ถือว่าช่วยให้พระราชาได้สมปรารถนาในการสร้าง อุปบารมี สละดวงตาให้เป็นทาน ตามที่พระองค์ปรารถนา แต่พระราชาพอตาบอดก็บริหารราชการแผ่นดินไม่สะดวก จึงสละราชสมบัติ และขอไปอยู่ป่า มีคนพาไป พอไปอยู่ป่าพระองค์ก็อยู่ปกติ แต่ฝ่ายพระอินทร์อยู่ไม่ได้ ต้องลงมาหาพระราชาอีก เพื่อจะมาช่วยพระราชา มาถึงก็บอกพระราชาว่า ข้าพเจ้าเป็นพระอินทร์ ท้าวสักกเทวราช  ท่านปรารถนาสิ่งใด ข้าจะช่วยท่าน พระราชาก็บอกว่า เราไม่ปรารถนาอะไรเลย เราปรารถนาการสิ่้นพระชนม์ คือต้องการตาย  เพราะอยู่ไปตาบอดช่วยตัวเองไม่ได้ มันเป็นภาระคนอื่น ไม่อยากรบกวนใคร สู้เราจากโลกนี้ไป ไม่เป็นภาระ ใจคิดจะให้ไม่อยากรบกวนใครเลย แล้วที่พระองค์อยากจะตาย เป็นเพราะอยากตายจริงๆ หรือเป็นเพราะตาบอด พระราชาบอกเพราะเราตาบอดเป็นภาระคนอื่นเขา พระอินทร์บอกแม้ตัวเขาเองก็ไม่สามารถช่วยให้ท่านกลับมามีตาดีได้
 
     แต่ว่าพระองค์จะได้ด้วยสัตยาธิษฐาน อำนาจสัจจบารมี ให้พระองค์นึกถึงที่ได้สละดวงตาให้พราหมณ์ยาจก ตั้งสัจจอธิฐานประกาศบารมีนี้ ขอให้ดวงตากลับมา พระราชาถามได้หรอ พระอินทร์บอกว่าได้ พระราชาก็ตั้งสัจจอธิษฐานว่า พราหมณ์ยาจกใดที่มาขอดวงตาจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความรักในพราหมณ์นั้นยิงนัก ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอดวงตาจงกลับมาเถอะ ดวงตากลับมาเลยหนึ่งข้าง พระราชาก็อธิษฐานต่อ พราหมณ์ยาจกใดมาขอดวงตาจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้บริจาคให้ไปด้วยใจปิติโสมนัสยิ่งนัก มีความสุขใจจริงไม่ได้นึกเสียดาย ด้วยอำนาจสัจวาจานี้ ขอดวงตาจงกลับคือแก่ข้าพเจ้าเถอะ  สิ้นพระสุรเสียงเท่านั้นเอง ตาก็กลับมา แล้วกลายเป็นตาที่เหมือนตาทิพย์ มองผนังทะลุหมด อำมาตย์ และพระญาติ พอทราบข่าวก็รีบกลับมาหาพระราชา และอันเชิญกลับขึ้นครองราชสมบัติ พระราชาก็ประกาศกับมหาชนว่า เห็นไหมว่าอำนาจของท่านบบารมียิ่งใหญ่ เราบริจาคดวงตาให้เป็นทาน บัดนี้เราได้ตากลับมาและเป็นตาทิพย์ยิ่งกว่าเก่า เพราะฉะนั้นทุกท่านจงให้ทานเถอะ นี้คือเรื่องราวอดีตชาติ ชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า พระองค์ก็เคยสละดวงตาเป็นทานอย่างนี้ มานับพบนั้นชาติไม่ถ้วน ท่านบอกว่า ดวงตาที่พระองค์สละออกเป็นทาน รวมแล้วมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ไม่ใช่แค่ชาติเดียว นับภพนับชาติไม่ถ้วน กว่าจะมีบารมีมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ ไม่ใช่ของง่าย   การบริจาคอวัยวะ ทำหนังสือแสดงเจตจำนงไว้ก่อน เราตายแล้วให้อวัยวะให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นสิ่งที่น่าทำ ใครทำได้เราจะได้บุญใหญ่ไปอีกทอดหนึ่ง 
 
รับชมวิดีโอ


รับชมคลิปวิดีโอการบริจาคร่างกาย และ อวัยวะ
ชมวิดีโอการบริจาคร่างกาย และ อวัยวะ   Download ธรรมะการบริจาคร่างกาย และ อวัยวะ

http://goo.gl/pmPsFO


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      วันลอยกระทง 2566 ประเพณีและประวัติวันลอยกระทง วิธีทำกระทงง่ายๆ
      วันตรุษจีน 2566 ประวัติวันตรุษจีน การ์ดและคำอวยพรตรุษจีน
      วันครูแห่งชาติ 2567 ประวัติความเป็นมาของวันครู กิจกรรมวันครู
      วันพ่อแห่งชาติ 2566 ประวัติความเป็นมาความสำคัญ กลอนวันพ่อ การ์ดวันพ่อ
      วันปิยมหาราช ประวัติและความสำคัญของวันปิยมหาราช
      วันแม่แห่งชาติ 2566 กลอนวันแม่ ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันแม่แห่งชาติ
      กลอนวันแม่ กลอนวันแม่สั้นๆ ซึ้งๆ จากใจลูกน้อย
      วันสื่อสารแห่งชาติ 2566 ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของการสื่อสาร
      วันภาษาไทยแห่งชาติ 2566 ประวัติ ความสำคัญของวันภาษาไทยแห่งชาติ
      วันสิ่งแวดล้อมโลก World Environment Day
      วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2566 World No Tobacco Day
      วันครอบครัว 14 เมษายน ประวัติความเป็นมาและความสำคัญ
      วันสตรีสากล ประวัติความเป็นมาความสำคัญของวันสตรีสากล




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related