คนไร้ศาสนา

ทันโลก ทันธรรม

คนไร้ศาสนา

คนไร้ศาสนา

เรียบเรียงมาจากรายการ ทันโลก ทันธรรม ที่ออกอากาศทางช่องDMC

ส่วนของทันโลก

     ศาสนาคือสิ่งที่อยู่คู่กับอารยธรรมมนุษย์มาเราก็มีประวัติศาสตร์ทางด้านศาสนาควบคู่กันมาตลอด  แต่ความหมายของศาสนาอาจจะแตกต่างกันบ้างในทรรศนะของชาวตะวันตกและชาวตะวันออก คำว่าศาสนาที่มาจากคำว่า Religion ของทางตะวันตก ความหมาย หมายถึงการยึดติด การถือหรือยึดถือสิ่งหนึ่งเอาไว้ ซึ่งทรรศนะของเขาคือหมายถึงการถือพระเจ้า อำนาจที่นอกเหนือจากการที่ตนเองจะควบคุมได้ และความเชื่อที่นอกเหนือธรรมชาติต่างๆ ซึ่งเป็นทรรศนะทางศาสนา

 

     แท้จริงแล้วรากศัพท์ของศาสนา คือ การยึดถือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในทรรศนะของชาวตะวันออกศาสนาก็ยังคงหมายถึงการยึดถือเช่นกัน แต่ศาสดาของศาสนา เช่น ศาสดาของพระพุทธศาสนา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกไว้ว่าธรรมวินัยเป็นศาสนา สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไม่ใช่สิ่งที่ท่านทรงคิดขึ้นเอง  แต่เป็นสิ่งที่ท่านไปค้นพบจากจิตอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นภาวะจิตที่หลุดพ้นกิเลสทำให้ท่านมองเห็นความจริงของชีวิต เรียกว่า ธรรมวินัย เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธรรมวินัยขึ้นและทรงประกาศธรรมะ ทรงประกาศกฎที่เป็นสากลของโลกและจักรวาล เพื่อความอยู่เป็นสุขของพุทธบริษัท4

 

 

คนไร้ศาสนากว่า 1,100 ล้านคน

 

 

      คนที่ไม่แสดงตัวว่าตนเองนับถือศาสนาใด เรียกกันว่า ไม่นับถือศาสนาหรืออศาสนา ความหมายคือ  อยู่ในภาวะที่ไม่นับถือศาสนาและไม่ได้แบ่งแยกนับถือหรือเป็นปรปักษ์กับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง วางตัวแบบอศาสนิกชนเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลืกที่จะไม่นับถือศาสนา  ส่วนหนึ่งมาจากตนเองยังแยกไม่ออกว่าหลักการใดที่ควรยึดถือ ซึ่งมุมมองของเราจะมองว่าเป็นการนับถือศาสนาอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะเป็นการยึดถือทิฐิ ความเชื่อที่แตกต่างกัน เชื่อว่าไม่เชื่อในคำสอนของศาสนาไหน อาจจะมีเหตุผลต่างๆ เช่น ศาสนาเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าเจอครูดีศาสนาก็อยู่ใกล้ตัวคือวิถีชีวิตเป็นสิ่งที่จะปรับปรุงตนเองได้ ศาสนาไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทางจิตวิญญาณซึ่งมาจากการผิดหวังจากศาสนาจากบรรพบุรุษ 

 

     เพราะทุกคนเกิดมาต้องมีชื่อในทะเบียนว่านับถือศาสนาอะไร  หรือพวกเขาก็ขาดโอกาสในการจะศึกษาหลักคำสอนที่แท้จริง เพราะไม่ให้โอกาสตัวเองหรือไม่ได้เจอครูที่ดี ไม่สามารถตอบสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของพวกเขาได้  จึงวางตนเองเป็นผู้ไม่นับถือศาสนาเพราะอาจจะมองหาศาสนาอยู่ ยังหาสิ่งที่คิดว่าใช่ไม่เจอ บางคนก็เกิดจากการเสื่อมศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องของศาสนาซึ่งแท้จริงก็มีทุกศาสนา  เพราะศาสนาก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ในหลักคำสอน วิธีการปฏิบัติและแนวทางอยู่เช่นกัน เราจึงต้องแยกให้ออกระหว่างหลักคำสอนกับคนในศาสนา  ถ้าคนที่อยู่ในศาสนาไม่ดีไม่ได้แปลว่าศาสนานั้นไม่ดีตามไปด้วย  บางคนก็เห็นว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งจำเป็นเพียงแค่ทำไม่ทำเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นก็เพียงพอแล้ว  โดยสรุปคือผู้ที่ไม่นับถือศาสนาคือผู้ที่ไม่ได้ศึกษาแก่นแท้ของศาสนานั้นๆ

 

ผลสำรวจศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุด

1. ศาสนาคริสต์     จำนวน 2,200 ล้านคน
2. ศาสนาอิสลาม     จำนวน 1,600 ล้านคน
3. ไม่มีศาสนา     จำนวน 1,100 ล้านคน
4. ศาสนาฮินดู     จำนวน 1,000 ล้านคน
5. ศาสนาพุทธ     จำนวน 500 ล้านคน
6. ผู้นับถือธรรมชาติ     จำนวน 400 ล้านคน
7. ศาสนาเล็กๆ     จำนวน 58 ล้านคน
8. ศาสนายิว     จำนวน 14 ล้านคน

ประเทศที่มีประชากรไม่นับถือศาสนามากที่สุด

 

 

ค่าเฉลี่ยของผู้ที่ไม่นับถือศาสนา

 

 

1.จีน จำนวน 682 ล้านคน

      ถือว่าครึ่งหนึ่งของชาวจีนที่ไม่ระบุหรือนับถือศาสนาใดๆ แต่เราต้องเข้าใจว่าประเทศจีนเป็นประเทศสังคมนิยม ด้านความเชื่อต่างๆรัฐบาลคอยสอดส่องดูแลลึก เช่น ลัทธิฝ่าหลุนกงซึ่งมีอยู่แต่ไม่สามารถเขียนระบุได้ แท้จริงแล้วคนไม่มีศาสนาก็มีศาสนา แต่อาจจะเป็นศาสนาที่ตนเองไม่เชื่อกับศาสนาที่ไม่สามารถเขียนระบุได้ไม่กล้าเปิดเผย  ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นคนไม่มีศาสนากว่าครึ่งประเทศ

2.ญี่ปุ่น จำนวน 72 ล้านคน       
 

      ตามประวัติศาสตรฺแล้วประเทศญี่ปุ่นนับถือพุทธศาสนา แต่ในยุคที่โชกุนปกครองมีการลดบทบาทของพระสงฆ์ โดยการบังคับพระสงฆ์ที่อยู่ในเมืองให้แต่งงาน เพราะไม่ต้องการให้มีบาทบาททางด้านจิตใจ แต่ให้มีบทบาทด้านการประกอบพิธีเพียงอย่างเดียว ศาสนาจึงถูกลดทอนความแข็งแกร่งลง

3.สหรัฐอเมริกา จำนวน 51 ล้านคน

      ถือเป็นโอกาสที่ดีของแต่ละศาสนาที่คนไร้ศาสนาจะยึดเหนี่ยวศาสนาใดศาสนาหนึ่งได้ เพราะแต่ละคนย่อมแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเอง ซึ่งคนไร้ศาสนาเหล่านี้มีการจัดพิธีกันอย่างไร เพราะการประกอบพิธีต้องมีศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การจัดงานศพ ซึ่งคนที่ระบุว่าตนเองไม่มีศาสนาขึ้นอยู่กับ 2 เรื่อง ถ้าไม่ได้ระบุอะไรเป็นการเฉพาะ ญาติพี่น้องก็จัดการพิธีตามศาสนาของทางญาติพี่น้อง  อีกแบบคือระบุไว้ชัดเจนต้องการให้ทำตามที่ต้องการ

   
    
ส่วนของทันธรรม

โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ(M.D., Ph.D.)

      สถิติออกมาซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าโลกเราคนที่ประกาศว่าไม่มีศาสนากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขล่าสุดคือ 1,100 ล้านคนซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก แต่เพราะสาเหตุอะไรต้องมาดูรายละเอียดของเรื่อง เพราะในบรรดาคนที่ไม่มีศาสนา แต่เดิมก็มีศาสนามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เมื่อมาถึงรุ่นลูกออกมาประกาศตัวว่าไม่มีศาสนา และพบว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่ความรู้สูง มีฐานะดี อย่างในอเมริกาค่าเฉลี่ยคนที่จบปริญญาตรีประมาณ 46% หรือชาวอเมริกัน 100 คนมีจบปริญญาตรี 46 คน แต่ในกลุ่มคนที่ประกาศไม่มีศาสนา 100 คน จบปริญญาตรี 72 คน ยิ่งเรียนสูงมีแนวโน้มจะเป็นคนไม่มีศาสนา ประเทศที่การศึกษาและเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้าคนไม่มีศาสนายิ่งมาก  และจะมีผลแย่างไรกับพระพุทธศาสนาบ้าง ศาสนาในโลกแบ่งใหญ่ๆเป็น 2 แบบ

 

1. เทวนิยม     พื้นฐานอยู่ที่ความเชื่อ ต้องการสิ่งใดต้องอ้อนวอนให้เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประทานพรให้

2. อเทวนิยม     ไม่เน้นบูชาเทพเจ้าแต่เน้นที่การกระทำของเรา อย่างพระพุทธศาสนาจะมีกลุ่มนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ เราต้องพึ่งตัวเราเอง ทุกอย่างเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ทำดีย่อมได้ผลดี ทุกอย่างเป็นเรื่องกรรมลิขิตไม่ใช่พรหมลิขิตคือคำสอนในพระพุทธศาสนา

ศาสนาแบบเทวนิยม

 

 

      ถ้าเป็นสมัยโบราณคนยังมีความรู้น้อย ไม่เข้าใจเรื่องธรรมชาติเห็นพายุ ฟ้าผ่า มีอานุภาพมากเป็นเรื่องน่ากลัว เมื่อเป็นดังนั้นก็เกิดการบูชาเทพเจ้าสายฟ้า เทพเจ้าวายุเทพเพื่อความสบายใจ  เห็นสิ่งใดพิเศษก็คิดกลัวไปหมดสมมุติเอาว่าเป็นเทพเกิดการสักการะกราบไหว้ อ้อนวอนเพราะคิดว่าคือผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า เป็นที่มาของศาสนาแบบเทวนิยมพัฒนาการหลากหลายจนกระทั่งเป็นศาสนามากมาย แต่พื้นฐานอาศัยการอ้อนวอน พึ่งอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าผลดีไม่ดีขึ้นอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมีความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบสิ่งใดก็ต้องทำสิ่งนั้น เช่น การบูชายัญ ฆ่าวัว ฆ่าแกะ ฆ่าแพะหรือแม้กระทั่งคน เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองถือชอบเลือดคน เพราะคิดว่าทำแล้วเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่นับถือจะถูกใจ พ้นจากเคราะห์กรรมปละประสบสิ่งดีต่างๆ

 

      ยุคปัจจุบันความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น เริ่มเข้าใจกฎธรรมชาติมากขึ้นเราจึงเข้าใจสิ่งที่เกิดมากขึ้นว่าเกิดเพราะอะไร สามารถคาดเดาและรู้ได้ ทำให้ให้กลุ่มคนที่มีความรู้มากเริ่มคิดว่าที่เคารพกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหวังพึ่งอำนาจพิเศษ  เมื่อลองคิดดูแล้วว่าไม่ใช่ สุดท้ายคนกลุ่มนี้มีความคิดเห็นว่าทุกอย่างต้องอยู่ที่ตัวเราเมื่อจะให้เคารพกราบไหว้สิ่งใดก็คิดว่า Make Sense จึงประกาศตนเองเป็นคนไม่มีศาสนาซึ่งเป็นที่มาของคนที่ไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้น ส่วนมากเป็นการปฎิเสธศาสนาที่เป็นเทวนิยมเพราะรู้สึกว่าไม่มีหลักเหตุผล  แต่คนไม่มีศาสนาจำนวนไม่น้อยที่แสวงหาว่าคำสอนใดที่เป็นที่พึ่งให้กับพวกเขาได้และมีจำนวนไม่น้อยที่มาพบคำตอบที่แท้จริงในพระพุทธศาสนา

 

 

 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

 

 

     เมื่อมาเรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดว่าหลักคำสอนนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีเหตุ มีผล ซึ่งไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า "ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศานสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานประสบการณ์ คือ ผู้ปฎิบัติสามารถเข้าถึงได้เอง ถ้าศาสนาประเภทเทวนิยมจะไม่เป็นแบบนั้นต้องเชื่อศาสดาเท่านั้น  และปฎิเสธความเชื่อที่ไร้ข้อพิสูจน์ ศาสนาที่สามารถรับมือกับเรื่องเหตุและผลแบบวิทยาศาสตร์ ศาสนานั้นคือพระพุทธศาสนา" ซึ่งระบุไว้ชัดเจน ถ้าเป็นคนศาสนาเดียวกันก็คงไม่แปลก เพราะไอน์สไตน์ไม่ใช่ชาวพุทธ  แต่เป็นคนสายยิวเกิดที่เยอรมันและต่อมาย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เป็นผู้ที่นักวิทยาศาสตร์ให้การยอมรับว่าเก่งที่สุดในโลกในรอบ 100 ปี แต่ทำไมให้การยอมรับนับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า  ชาวพุทธจึงต้องคิดว่าไอน์สไตน์เห็นอะไรในคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงให้การยอมรับนับถือ  และเราชาวพุทธได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงจัง

 

     ตระหนักถึงความดีพิเศษของพุทธศาสนาและนำมาใช้ในการดำรงชีวิตของเราหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ศึกษาควรต้องศึกษา  เพราะเราเหมือนลิงได้แก้วหรือไก่ได้พลอยรึเปล่าซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด ในอเมริกามีคนประกาศไม่มีศาสนา 50 กล่าล้านคน แต่มีชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคน ฝึกสมาธิ(Meditation)และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนังสือพระพุทธศาสนากลายเป็นหนังสือขายดีตามร้านหนังสือใหญ่ๆคนสนใจกันมากขึ้น  เมื่อเขาปฎิเสธศาสนาเดิมที่เน้นความเชื่อและแสวงหาจนมาพบคำตอบในพระพุทธศาสนา จึงเป็นโอกาสของพระพุทธศาสนาเพราะแนวโน้มทั้งโลก คนต้องมีการศึกษาเพิ่มขึ้นๆ  ก็มีแนวโน้มที่จะแสวงหาคำสอนที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกให้ตนเองได้จริง

 

 

 ชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคน ฝึกสมาธิเพิ่มขึ้น

 

 

     คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักความจริงไม่ใช่หลักความเชื่อ ปฎิบัติเมื่อไหร่เข้าถึงเมื่อนั้นเนื้อหาคำสอนทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล เต็มเปี่ยมความเมตตาต่อมนุษยชาติ มีชาวพุทธที่แท้จริงเกิดขึ้นมากที่ใดที่นั้นก็สงบร่มเย็น  ฉะนั้นพระพุทธศาสนาคือศาสนาแห่งยุคสมัย หน้าที่ของเราชาวไทยที่เราภูมืใจว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก แต่เราชาวไทยทุกคนต้องตั้งใจศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ตั้งใจประพฤติปฎิบัติอย่างแท้จริง ทานคือมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ศีลอย่างน้อยมีศีล5 รักษาให้ดีไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข ภาวนาตั้งใจทำสมาธิภาวนาทำให้สม่ำเสมอ  ร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศไทยให้มั่นคง ทั้งเศรษฐฏิจและจิตใจเจริญไปคู่กัน ประเทศไทยจะกลายเป็นที่ชื่นชมยินดีของนานาอารยะประเทศทั่วโลก  เป็นแบบอย่างได้เมื่อชาวโลกต้องการศึกษาพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นปริยัติหรือปฏิบัติ ให้เป็นจิตสำนึกร่วมโลก

 

    ถ้าอย่างนี้เราจะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกที่แท้จริง ข้อมูลสถิติผู้ไร้ศาสนา รายละเอียดทั้งหลายล้วนแล้วแต่บอกให้เรารู้ว่า  โลกกำลังขาดแคลนธรรมะและแสวงหาธรรมะ  รอให้เราช่วยพุทธทุกคนให้ช่วยนำธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นแสงสว่างดำเนินชีวิตให้กับชาวโลกทั้งหลาย  ศาสนาเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนมุ่งไปสู่ความดีและเป้าหมายที่ดีที่สุดของชีวิต ฉะนั้นคนที่ยังไร้ศาสนาก็น่าเห็นใจ แต่ยังขาดเพียงประการเดียวคือกัลยาณมิตรที่จะเข้าไปชี้แนะหลักธรรม เพื่อประกอบการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดและอยู่รอดได้ในสังสารวัฎ  ฉะนั้นอย่าเพิ่งปฎิเสธว่าไม่มีอะไรดีถ้าเรายังไม่ได้ศึกษาทั้งหมด

 

 

 

รับชมวิดีโอ

 

รับชมคลิปวิดีโอคนไร้ศาสนา   

http://goo.gl/ZIIos2