ผลการปฏิบัติธรรมของกัลยาณมิตร โคอิจิ เอะโนะโมะโตะ (ประเทศญี่ปุ่น)ผมชื่อ โคอิจิ เอะโนะโมะโตะ อายุ 46 ปี เป็นพนักงานบริษัทยามาฮ่า สาขา จังหวัดไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่น ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้นับถือศาสนาหรือเทพเจ้าองค์ไหนอย่างจริงจัง คุณพ่อของผมมีชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคนญี่ปุ่นสมัยนั้นจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ผมเองก็ชนิดลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เป็นหนุ่มมั่นสุดฤทธิ์ กอปรกับเป็นลูกชายคนเดียว ไม่มีพี่น้องมาแบ่งความรักไป ดวงใจของพ่อและแม่จึงเทมาที่ผมคนเดียว ผมเป็นทั้งลูกที่รักและเป็นลูกที่รับมาโดยตลอด จึงไม่รู้คุณค่าของการให้เท่าที่ควร ผมใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี จนกระทั่งโตเป็นวัยรุ่น ก็คบเพื่อนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตามค่านิยม ทั้งเฮ้วและห้าว โอ๊...เย กับชีวิตแบบสุดเหวี่ยง เมื่อมีงานทำแล้วก็ไม่ได้ลดความเฮ้วลงแต่อย่างใด แต่กลับเฮ้วได้สะดวกขึ้นเพราะมีเงินเดือนเป็นของตัวเองแล้วจนกระทั่ง ผมอายุ 34 ปี จุดเปลี่ยนของชีวิตได้มาถึง เมื่อผมได้มีโอกาสรู้จักผู้หญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง เริ่มจากการที่เราติดต่อเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย พัฒนามาเป็นมนต์รัก จดหมายจากหนุ่มเจแปน ถึงโฉมงามชาวสยาม กระซิบรักด้วยตัวอักษร ออดอ้อนหัวใจด้วยพยัญชนะ “รักนะ 24 น.” เธอทำให้ดวงตาของผมมองเห็นความสดใส ผมได้สัมผัสคุณค่าของชีวิตบางอย่าง นอกเหนือไปจากการเที่ยวสำมะเลเทเมา ไม่นานต่อมา จากที่เคยฝากใจใส่ซองประทับตราจองไว้ล่วงหน้า ก็ตัดสินใจบินลัดฟ้าไปขอเธอแต่งงานที่เมืองไทย แล้วพามาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น จากการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผมได้รู้ว่า ภรรยาแสนรักของผม มีน้ำใจโอบอ้อมอารียิ่งนัก แน่นอนครับ ทุกสิ่งล้วนมีที่มา แม้แต่ยอดชีวาของผมก็เช่นกัน ดวงตาฉ่ำหวานอันแฝงไว้ด้วยความเอื้ออาทรคู่นั้น...หัวใจอันโอบอ้อมอารีที่ผมเฝ้าซึ้ง ความงามเหล่านั้นได้รับการบ่มเพาะจากพระพุทธศาสนานั่นเองภรรยาของผม เธอชอบทำบุญอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งปี พ.ศ.2540 เธอได้รู้จัก ศูนย์ปฏิบัติธรรมโตเกียว และมีพระสงฆ์ไทยมาเป็นเนื้อนาบุญให้ เธอจึงได้มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโตเกียวอย่างสม่ำเสมอ และทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน เธอก็จะแนะนำให้ผมทำบุญและฝึกนั่งสมาธิ(Meditation) แต่ด้วยความเป็นคน เชื่อมั่นตัวเอง และยังไม่ค่อยศรัทธาในพระพุทธศาสนานัก ผมจึงไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ได้ห้ามการไปวัดของเธอ เพราะรู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่หล่อหลอมจิตใจของเธอให้งดงามเมื่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เมตตาขยายจานดาวธรรมไปทั่วโลก ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโตเกียว มีโครงการแปลธรรมะเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมมีโอกาสได้เข้ามาช่วยงานนี้ ทำให้ได้เรียนรู้เนื้อหาธรรมะจากที่แปล และเริ่มเข้าใจธรรมะลึกซึ้งขึ้น จึงได้เริ่มฝึกสมาธิอย่างจริงจังขึ้น โดยคิดว่าอย่างน้อยคงทำให้เราสบายใจขึ้นทุกวันนี้ ผมจะนั่งสมาธิให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ส่วนวันอาทิตย์ จะนั่งพร้อมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทุกรอบเลยครับ ครั้งแรกของการนั่งสมาธิ ผมรู้สึกปวดเมื่อยและง่วงมาก ต่อมาก็ได้ลองเอาดวงแก้วที่พระอาจารย์ให้ มาถือขณะนั่งสมาธิ และนึกถึงดวงแก้วให้อยู่ในท้อง สักพักก็จะรู้สึกเบาสบายทั้งร่างกายเลยครับ รู้สึกเหมือนจิตใจได้เชื่อมต่อและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับดวงแก้ว ผมพบว่าหากเราตั้งใจใช้สมองคิดให้เห็นดวงแก้วหรือองค์พระแล้ว ความรู้สึกจะไม่เบาสบาย แต่แค่เราทำความรู้สึกว่ามีดวงแก้วอยู่ในท้องของเรา ไม่นานก็จะเห็นขึ้นมาเลย แล้วใจเราก็จะชุ่มเย็นเบาสบาย เป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และหากง่วงผมก็จะภาวนา “สัมมา อะระหัง” โดยทำความรู้สึกว่าคำภาวนาผุดออกมาจากกลางดวงแก้ว ใจก็เกาะเกี่ยวกับคำภาวนาไปเรื่อย จนกระทั่งลืมความง่วงไปเลยครับสมาธิทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ผมต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญของชีวิต คุณพ่อของผมท่านจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมช็อคมาก แต่ก็ตั้งหลักได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แทนที่จะร้องไห้เสียใจ ผมกลับนั่งสงบนิ่ง ค่อยๆ รวมความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็พบคำตอบที่ผุดขึ้นมาว่า “คุณต้องเข้มแข็งนะ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือ ต้องเป็นหลักให้กับตัวเองและบุคคลรอบข้าง ต้องเป็นกำลังใจให้ทุกคน และต้องอุทิศส่วนบุญให้คุณพ่อให้มากที่สุด” ตอนนี้ทุกครั้งที่ทำสมาธิ ผมก็จะอุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งคุณแม่ของภรรยาที่ท่านเสียชีวิตไปแล้วด้วยครับและสิ่งหนึ่งที่ผมจะอธิษฐานเป็นประจำหลังนั่งสมาธิคือ “ขออย่าได้เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานเลย” เนื่องจากที่ทำงานของผมเป็นบริษัทใหญ่ และมีชื่อเสียง พนักงานทุกคนจึงต้องทำงานภายใต้ความ กดดัน เมื่อเครียดจากการทำงาน ก็พกความเครียดกลับบ้านด้วยแม้ว่าผมจะไม่เคยทะเลาะรุนแรงกับภรรยา แต่ผมก็ทนไม่ได้ที่จะเอาหัวใจขุ่นๆมาให้ภรรยารับรู้ ซึ่งก็น่าแปลกครับ หลังจากที่ได้ฝึกสมาธิและอธิษฐานจิตแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่มีปัญหาเลยครับ ผมทำงานได้ดีสมดั่งใจคิด และเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมยังได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าแผนกควบ 2 ตำแหน่งเลยครับการได้พบวัด ทำให้ครอบครัวของผมได้ค้นพบแหล่งผลิตวิชาชีวิต ที่ไม่มีที่ใดเหมือน และวัดยังเป็นแหล่งหล่อหลอมให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวอบอุ่น แม้แต่ “คิมิเอะ” ลูกสาวของผมซึ่งปัจจุบันอายุ 7 ขวบ เธอได้ตามคุณแม่ไปวัดตั้งแต่เล็ก แม้จะมีความสนุกสนาน และซุกซนตามประสาเด็ก แต่เธอก็รักและมีความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก ตอนนี้ทั้งภรรยาและลูกสาวต่างก็เข้ามากราบเท้าของผมก่อนเข้านอน ภาพนี้ทำให้ผมซึ้งถึงขั้วหัวใจ และเกิดพลังใจที่จะทำให้ครอบครัวอบอุ่นเป็นนิรันดร์ตอนนี้ผมกับเพื่อนกัลยาณมิตร กำลังร่วมกันจัดงานบูชาข้าวพระทุกต้นเดือน ที่เขตจังหวัดไซตะมะ เตรียมการเปิดวัดสาขาแห่งใหม่ เพื่อให้คนในพื้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมกันให้มากๆ ผมอยากทำทุกอย่างเพื่อจะได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของทุกคน อยากให้ทุกคนมียิ้มที่สุดสวยเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ ผมมั่นใจเหลือเกินว่า หากทุกคนได้รักษาศีล ฝึกใจให้มั่นคง ให้มีความบริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ เราจะพบกับความสุขที่แท้จริงอย่างแน่นอนครับ
http://goo.gl/4H5xE