ผลการปฏิบัติธรรม
กัลยาณมิตรแลร์รี่ ไล (ประเทศสิงคโปร์)ผมชื่อ แลร์รี่ ไล อายุ 42ปี เป็นชาวสิงคโปร์ครับ ผมขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า “My Dream Came True” (ฝันที่เป็นจริง) ฝันนี้เป็นจริงได้อย่างไร ผมขออนุญาตเล่าให้ทุกคนฟังนะครับชีวิตของผมเหมือนกับชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ ที่ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้อยู่รอด ทุกวันนี้ผมเป็นพ่อของลูกที่น่ารัก 2คน และด้วยภาระหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว ผมจึงต้องทำงาน 2อย่างควบคู่กันไป คือ ทำธุรกิจขายส่งเครื่องเขียน กับเป็นตัวแทนขายประกันครับชีวิตประจำวันของผมซ้ำซากไม่เคยมีอะไรแปลกใหม่ ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ต้องทำงานแข่งกับเวลาตั้งแต่เช้าถึงค่ำเสมอ วันๆแทบจะไม่มีเวลาให้กับตัวเอง จนค่อยๆบ่มเพาะเป็นความรู้สึกท้อแท้ โกรธง่าย และแทบจะไม่คิดถึงการแบ่งปันต่อผู้อื่นเลยเมื่อไม่นานมานี้เอง ประมาณสักปีกว่าๆ ผมก็ได้เปิดโอกาสให้กับตัวเอง เปิดประตูหัวใจให้สิ่งใหม่ๆ ก้าวเข้ามาในชีวิตของผม หลังจากที่ผมได้พบกับอดีตเพื่อนร่วมงาน ซึ่งปัจจุบันเธอกลายเป็นคนตาบอด เธอได้ยินมาว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิงคโปร์ ได้จัดหลักสูตรการทำสมาธิที่ดีมากและได้ผล เธอจึงชักชวนผมไปด้วย ผมก็เลยตัดสินใจลองดูครับก้าวแรกที่ผมมาถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมสิงคโปร์แห่งนี้ จะว่าประหลาดใจก็ใช่ครับ เพราะผมเคยไปที่ศูนย์พระพุทธศาสนา มาแล้วหลายที่ แต่ไม่เห็นที่ไหนจะเหมือนที่นี่ เพราะที่นี่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านมาก แวบแรกที่ผมเห็นเพื่อนๆกัลยาณมิตร ผมคิดว่าพวกเขาน่านับถือและน่าเข้าใกล้ มีความโอบอ้อมอารี กระปรี้กระเปร่า มีพลังอยู่ตลอดเวลาเลยครับบททดสอบแรกของผม ในการฝึกสมาธิ ผมรู้สึกมึนตึ๊บ...ดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะทำสมาธิในช่วงเริ่มต้น แต่ผมก็ต้องอัศจรรย์ใจ ในความสามารถของตัวเองอย่างเหลือหลาย เพราะผมสามารถเข้าเรียนในชั้น (โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา) ผ่านจอ DMC และยังหาเวลาทำการบ้านของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) ได้ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ชีวิตของผมมีแต่ งาน...งาน...งาน จะมีเวลาเหลือก็คงแค่ตอนหายใจเท่านั้น ตอนนี้ผมได้เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยงานบางอย่าง เพื่อที่จะทำสมาธิทุกวัน ทั้งตอนตื่นนอน และก่อนเข้านอน ขณะที่ผมได้เรียนรู้วิธีการทำสมาธิไปอย่างช้าๆนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกว่า ผมจะระมัดระวัง ใส่ใจในคำพูด และการกระทำมากขึ้น เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ จากมุมเล็กๆให้มีความหมายมากขึ้นผมจึงเริ่มที่จะให้ความรัก ความใส่ใจ รู้จักที่จะชื่นชม และให้กำลังใจผู้คนที่อยู่รอบตัวมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกดี และต้องการที่จะทำให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับหลังการฝึกสมาธิเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ผมนั่งสมาธิได้นานขึ้น และนั่งเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด แต่ผลการปฏิบัติธรรม ก็อยู่แค่ระดับลดความตึงเครียดในแต่ละวันลงได้เท่านั้น ไม่มีประสบการณ์ที่วิเศษและน่าตื่นเต้นเหมือนของคนอื่น จนกระทั่งผมได้สมัครเข้าร่วม โครงการปฏิบัติธรรมพิเศษภาคภาษาจีน หนึ่งสัปดาห์ ที่สุขสว่าง จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2550 กับคุณแม่ครับสุขสว่าง เปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน (Heaven on Earth) ที่ผมรู้สึกทึ่ง เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยม สำหรับการปฏิบัติธรรม ยิ่งผมได้ทราบว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป็นผู้พัฒนาสถานที่แห่งนี้ เพื่อให้พวกเราได้ปฏิบัติธรรมอย่างสะดวกสบาย ผมจึงรู้สึกประทับใจและซาบซึ้งมาก ในสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้พยายามทำให้เกิดขึ้น ผมขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆครับด้วยสิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม จึงช่วยสร้างประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดให้กับผมในระหว่างการปฏิบัติธรรม และยังทำให้ผมได้พบกับเพื่อนเก่า ที่หายไปจากชีวิตเมื่อ 20กว่าปีที่แล้ว เขาคือ “ความฝันเมื่อผมอายุ 16ปีครับ” ผมจำได้ว่า ผมมักจะฝันซ้ำๆ กันเสมอ จนผมสงสัยว่ามันคืออะไร ผมฝันเห็นลูกบอล ที่สามารถขยายขนาดได้ เด้งขึ้น เด้งลง อยู่ในภาพความฝันจวบจนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2550 ระหว่างการปฏิบัติธรรมในช่วงเช้า ขณะที่ใจกำลังสบายๆ ผมรู้สึกประหลาดใจมาก ที่อยู่ๆลูกบอลที่ผมเคยฝันได้กลับมาปรากฏให้เห็น เหมือนผมได้พบเพื่อนที่แสนดีที่จากกันไปนาน ผมรู้สึกได้ย้อนวัย กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ในวินาทีนั้น...ความรู้สึกที่ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งใดและเป็นอิสระในตัวเอง ก็เกิดขึ้นผมจึงเฝ้าสังเกตลูกบอลนั้นต่อไปอย่างเฉยๆ แล้วผมก็เห็นดวงสว่างกลมๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกันนั้น ก็มีดวงแก้วสุกสว่าง ส่องประกายเล็กๆ ขึ้นมาในกลางดวงกลมสว่างนั้น ผมไม่รู้ว่าจะพรรณนาความรู้สึกที่เกิดขึ้นในภายในตอนนั้นได้อย่างไร มันเป็นความปลื้มปีติสุดๆ ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดครับหลังจากการปฏิบัติธรรมรอบนั้น ผมก็ตั้งตารอคอยที่จะนั่งสมาธิในรอบต่อๆไป และยิ่งกว่านั้นคือ ผมได้พบกับเพื่อนเก่าที่แสนดีของผม ลูกบอลลูกนั้น บัดนี้ได้กลายเป็นดวงแก้วใส และสว่างดั่งดวงแก้วที่องค์พระภายในมอบให้ โอ...ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ผมรู้สึกสุขสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยครับ และผมก็ได้พบความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ขออนุญาตไล่เรียงเป็นข้อๆเลยนะครับ1.ผมสามารถทำหลายๆสิ่งได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย2.ผมรู้สึกว่าโลกนี้ช่างวิเศษมาก โอ...ผมรักทุกคนและรักทุกสิ่งในสุขสว่าง3.ผมรู้สึกมีความสุขอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่าคนอื่นก็มีความสุขเหมือนผมด้วย4.ผมรับรู้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัวผมได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวลา บรรยากาศ สิ่งต่างๆ รอบตัวและการเคลื่อนไหวของผู้คน แตกต่างจากเดิมที่ผมไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้เลย รสชาติของอาหารอร่อยขึ้น ผู้คนยิ่งมีมิตรไมตรีเพิ่มขึ้น5.ประการสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ ผมและคุณแม่มีความรักและเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นพลังใหม่ที่ค้นพบนี้ ช่วยให้ผมได้เห็นความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งผมก็ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น เมื่อผมกลับไปถึงสิงคโปร์ ผมจะตั้งใจปฏิบัติธรรมต่อไป ทำตามคำแนะนำของคุณครูไม่ใหญ่ และพระอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสิงคโปร์ ผมต้องการเก็บประสบการณ์ที่วิเศษครั้งนี้ไว้กับผมตราบนานเท่านานครับพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ.. .ผมดีใจที่ค้นพบวิถีทางแห่งการอบรมสั่งสอน ที่แสนวิเศษนี้ ผมเชื่อมั่นว่าเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง มั่นคง ปลอดภัย และเป็นนิรันดร์ เป้าหมายชีวิตในปัจจุบันของผมแจ่มชัดยิ่งขึ้น ผมทราบแล้วว่า ผมเกิดมาเพื่อสร้างบารมี และทำตนเองให้บริสุทธิ์ เพื่อการบรรลุอรหัตผลให้ได้ในวันข้างหน้านับแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะมุ่งมั่นในการช่วยแนะนำสมาธิให้กับทุกคนที่ผมรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆ ผมอยากให้พวกเขามีประสบการณ์ที่ดีอย่างผม ต่อไปนี้...ชีวิตของผมจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมมีความรักเหลือล้น มีความเมตตามากมาย มีความเห็นอกเห็นใจ และพร้อมที่จะแจกจ่ายให้ผู้อื่นเสมอสุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอบพระคุณอย่างจริงใจ มายังคุณครูไม่ใหญ่ สำหรับความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการพร่ำสอนและการเผยแผ่ธรรมะไปทั่วโลก โดยตัวผมเองแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่มีให้กับทุกๆคน ผมอยากจะบอกว่า “I Love You หว่อ อ้าย หนี่, พระเดชพระคุณหลวงพ่อ”
http://goo.gl/QsY4T