ผมได้รู้จัก DMC จากการเป็นช่างติดจานของช่อง 5 ไทยในอเมริกา แล้วจูนเจอช่อง DMC โดยบังเอิญ และต่อมาก็ได้รู้จักกับพระอาจารย์ที่ วัดภาวนาเท็กซัส โดยมีท่านเป็นกัลยาณมิตรแจ้งข่าวบุญ และแนะนำสมาธิ
ผมมีความตั้งใจ อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับชาวพุทธที่แท้จริงมานานแล้ว พอได้ไปเห็นบรรยากาศที่สงบ มีระเบียบ ของวัดภาวนาเท็กซัส และเห็นทุกคนมาปฏิบัติธรรมกันจริงๆ ผมจึงประทับใจมาก จึงได้มาวัดอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันผมได้มาเป็นอาสาสมัครติดจานดาวธรรมของวัด และซ่อมจานมา กว่า 200 หลังคาเรือนแล้วครับ
ผมมีงานอดิเรกเป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลง ที่ผ่านมามีโอกาสแต่งเพลงให้หลวงพ่อออกอากาศทาง DMC ด้วยครับ เช่นเพลง ดาวธรรม ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากครับ ผมคิดว่าในเดือนหน้าจะส่งเพลงชุดที่2 ไปให้หลวงพ่อฟังเช่น เพลงไปวัดทำไม และเพลงหนีเมียไปบวช ครับ
แต่ก่อน ทุกวันศุกร์ผมต้องออกไปเล่นดนตรี ต้องเจอเพื่อนและมีการดื่ม เพื่อเป็นการทักทายกัน เช่น “สักแก้วมั้ยเพื่อน” จะเริ่มอย่างนี้ทุกครั้งแล้วต่อมาก็นับขวดกันเลย พอได้เข้าวัดและได้ดู DMC ผมจึงคิดที่จะเลิกดื่ม โดย 2 ปีแรก ผมตีตัวออกห่างจากสังคมนักดื่ม เพราะแรกๆหัวใจยังไม่แข็งแรง สู้ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่อยู่ใกล้จะดีกว่า เพราะเห็นที่รัก ห้ามใจยากทุกที ต่อมาผมก็นั่งสมาธิทุกวัน จึงทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น จึงบอกกับตัวเองว่า พอกันทีความอ่อนแอ นับแต่นี้ผมจะเป็นคนของความเข้มแข็ง ไม่เป็นคนของความอ่อนแออีกต่อไป และหักดิบเลิกดื่มทันที
สำหรับผลปฏิบัติสมาธิของผม ช่วงแรกๆ ผมนั่งไม่เห็นอะไรเลย มืดไปหมด อีกอย่างแต่ก่อนผมนั่งขัดสมาธิไม่ได้ เพราะผมเป็นคนตุ้ย (คนอ้วน) ต้องนั่งบนเก้าอี้ แต่ผมก็อยากจะนั่งท่ามาตรฐานซะมากกว่า จึงฝึกนั่งกับพื้น ฝึกทุกวัน 6เดือนแรก ผมปวดขามากๆ กว่าจะพับขามาขัดสมาธิ กว่าจะจัดห่วงยางรอบเอวกับหน้าขาให้เข้าที่เข้าทางยากมากครับ พอเข้าที่แล้วนะครับอยากจะบอกว่า มันเมื่อยสุดๆกว่าจะผ่านไปแต่ละนาที เหมือนเดินทางไกลนับหมื่นลี้ ก็มีท้อกายบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยท้อใจ ท่องคาถาครับ สองคำจากใจ “อดทน” ในที่สุดผมก็สามารถนั่งพื้นเป็นชั่วโมงได้