ปัญหาวัดร้าง
ประชุมคณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ วัดร้าง กรณีวัดเลียบ
วัดดอนสวรรค์

ประชุม คณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ วัดร้าง กรณีวัดเลียบ วัดดอนสวรรค์
ด็อกเตอร์ประกอบ
จิรกิติ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาวัดร้าง
ศาสนสมบัติกลางและธรณีสงฆ์ เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อพิจาณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาวัดร้าง
กรณีวัดสุวรรณาราม หรือวัดเลียบ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ วัดดอนสวรรค์ จังหวัดสกลนคร ซึ่งในการนี้นายกนก แสนประเสริฐ
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมคณะได้เข้าร่วมประชุมชี้แจงด้วย
โดยนายกนก
แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ชี้แจงถึงกรณีที่ยกวัดสุวรรณาราม
หรือวัดเลียบ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า
การยกวัดเลียบจากวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษานั้น ได้ทำตามขั้นตอนทางคณะสงฆ์
เหลือแต่ส่งรายงานให้เจ้าคณะภาค เพื่อรายงานต่อมหาเถรสมาคม
ซึ่งในขณะนี้ยังต้องชะลออยู่เพราะอยู่ในช่วงเทศกาลทอดกฐิน

ประชุม คณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ วัดร้าง กรณีวัดเลียบ วัดดอนสวรรค์
ด้านนายปัญญา
สละทองตรง ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาวัดร้าง
ศาสนสมบัติกลางและธรณีสงฆ์ ได้กล่าวถึงกรณีวัดดอนสวรรค์ ว่า ในปีพุทธศักราช 2515 ตนเองยังเป็นพระก็ได้ไปเกาะดอนสวรรค์
ซึ่งที่นั่นมีพระ มีอุโบสถอยู่แล้ว กรณีนี้ก็แสดงว่าเป็นวัดแน่นอน
เพราะได้รับวิสุงคามสีมา เพราะมีพระอุโบสถ
ถ้าจะเป็นวัดร้างจะต้องได้รับการประกาศว่าเป็นวัดร้าง ตราบใดที่ยังไม่ประกาศเป็นวัดร้างก็เป็นวัดโดยสมบูรณ์
จะมีพระไปอยู่บ้างหรือขาดไปบ้างก็ยังเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย
ในกรณีนี้เป็นวัดร้างก็ยังถือเป็นสมบัติพระพุทธศาสนาอยู่ แม้จะมีใครมาครอบครอบตามกฎหมายก็ไม่สามารถครอบครองปรปักษ์ได้
ทั้งนี้การคุ้มครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของวัด
ซึ่งในมาตรา 34 ระบุว่า ที่วัดและธรณีสงฆ์จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ
และห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัด ในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นที่วัด
และที่ธรณีสงฆ์ มาตรา 35
ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์เป็นทรัพย์ซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดีตามบัญญัติไวในมาตราดังกล่าว
แยกหลักการคุ้มครองได้เป็น 3 กรณีคือ
1.เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์โดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา 2.
เรื่องห้ามการครอบครองขึ้นต่อสู้กับวัด 3. เรื่องไม่ต้องรับผิดในการบังคับคดี