สมุดไทย ใบลาน งานศาสน์งามศิลป์
ปลายพู่กันนฤมิตวิจิตรศิลป์ มรดกแผ่นดินถิ่นสยาม สืบแนวทางสุนทรีย์ความดีงาม ประกาศนามให้โลกลือเราคือไทย ทุกจังหวะปากไก่คือสายหมึก จากศรัทธาจารึกอักษรสมัย ทุกสีสันเน้นวาดพิลาสพิไล คือแรงใจสร้างสรรค์จากบรรพชน
บุญเตือน ศรีวรพจน์
เมื่อครั้งที่อุตสาหกรรมผลิตกระดาษยังไม่เจริญแพร่หลาย ผู้คนสมัยโบราณได้ใช้การเขียนบันทึกลงบนวัสดุต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจารึกบนแผ่นศิลา เปลือกไม้หรือภาชนะดินเผา แม้วัสดุดังกล่าวจะคงทนถาวร แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องน้ำหนักของวัสดุ ขนาดเนื้อที่ และความยากในการจารจารึก แต่ด้วยภูมิปัญญาของบรรพชนไทยจึงได้นำเอาส่วนประกอบของต้นไม้มาทำเป็นกระดาษเพื่อบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งมีข้อดีคือน้ำหนักเบา บันทึกเรื่องราวได้มาก และเคลื่อนย้ายสะดวก
ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือราชอาณาจักรสยามของราชทูตฝรั่งเศสนามว่า มองซิเออร์ เดอ ลา ลูแบร์ ที่เข้ามายังราชสำนักกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความตอนหนึ่งว่า “..ชาวสยามทำกระดาษจากผ้าฝ้ายเก่า ๆ และยังทำจากเปลือกต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อต้นข่อยอีกด้วย..”
สมุดข่อยเรียกอีกอย่างว่าสมุดไทย เป็นหนังสือโบราณที่เกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย โดยการนำเปลือกของต้นข่อยมาทำเป็นแผ่นกระดาษ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ต่อเป็นแผ่นยาว แล้วพับทบกลับไปกลับมาเป็นเล่มสมุด รูปทรงเป็นปึกหนา มีความยาวและจำนวนหน้าตามต้องการ เวลาเปิดต้องเปิดจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ซึ่งต่างจากสมุดในปัจจุบันซึ่งเปิดจากขวามาซ้าย มี 2 สี คือ สีขาว และสีดำ เรียกว่า สมุดขาว และ สมุดดำ
แต่เดิมสมุดไทยมีไว้สำหรับบันทึกหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ต่อมาจึงใช้บันทึกข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวิทยาการด้านต่าง ๆ ซึ่งบรรพบุรุษไทยสร้างสรรค์ไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ นอกจากบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วบางเล่มโดยเฉพาะสมุดข่อยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ยังมีภาพจิตรกรรมประกอบเรื่องราวอยู่ด้วย ซึ่งล้วนเป็นภาพงดงามตามคตินิยมของวิจิตรศิลป์ไทยที่จิตรกรในแต่ละยุคสมัยได้บรรจงฝากไว้เพื่อรักษาและเผยแผ่พระศาสนาด้วยความเคารพบูชา ผลงานที่ออกมาจึงเป็นศิลปะที่งดงามวิจิตรบรรจง เปี่ยมด้วยคุณค่าทางด้านสุนทรียศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็สะท้อนคตินิยมในแต่ละยุคสมัยอีกด้วย
นอกจากเปลือกของต้นข่อยแล้ว คนไทยโบราณยังนำใบของต้นลานมาทำหนังสือแต่ต่างกันตรงที่ใบลานนิยมใช้บันทึกเรื่องราวทางพุทธศาสนามากกว่าเรื่องอื่น จึงเรียกกันทั่วไปว่า “คัมภีร์ใบลาน” ที่พระภิกษุมักใช้เวลาเทศน์สอนพุทธศาสนิกชน ทั้งนี้เพราะใบจากต้นลานมีคุณสมบัติที่เบาและบาง สามารถเก็บรักษาหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวกที่สำคัญคือคงทนถาวรมาก
แม้ว่าคัมภีร์ใบลานจะไม่มีภาพสีประกอบแบบสมุดไทย ทว่าความวิจิตรงดงามก็สามารถเห็นได้จากการตกแต่งขอบคัมภีร์ ใบปกหน้า ปกหลัง และไม้ประกับรวมถึงผ้าเนื้อดีที่ใช้ห่อใบลาน แม้แต่ฉลากก็นิยมประดิษฐ์ให้งดงามด้วยวัตถุชนิดต่าง ๆ เช่น งาหรือไม้ จำหลักด้วยศิลปะนูนต่ำเป็นลวดลายต่าง ๆ เป็นต้น
สมุดไทยและคัมภีร์ใบลานเป็นสมบัติล้ำค่า เป็นเอกสารโบราณของชาติที่นับวันจะหาดูได้ยากยิ่ง เส้นสายและลายสีที่ปรากฏล้วนเกิดจากการบรรจงสรรค์สร้างของจิตรกรเอกและยอดนักปราชญ์แห่งยุค สมุดไทยและใบลานจึงบรรจุทั้งถ้อยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอดผสานกับภาพวิจิตรงดงามที่บ่งบอกถึงจิตใจที่เปี่ยมศรัทธาและอ่อนโยนยิ่งของชาวพุทธ จนเป็นศิลปะในงานพระพุทธศาสนาที่งดงามชิ้นหนึ่งของโลก ทั้งล้ำค่าในงานพระศาสน์และทรงคุณค่าด้วยความงามแห่งศิลป์ พุทธศาสนิกชนเช่นเราจึงมิควรแค่ภูมิใจในศรัทธาและภูมิปัญญาของบรรพชนเท่านั้น แต่ควรแสดงพลังศรัทธาช่วยกันสืบทอดงานศาสน์และสืบสานงานศิลป์นี้ให้ดำรงอยู่คู่ชาติและพุทธศาสนาตลอดไปข้อมูลจาก : Tipitaka (DTP)วารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมิถุนายน 2557บทความที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ใบลาน มรดกธรรมจากพุทธกาล
http://goo.gl/lx0jkB