ชาดกเกี่ยวกับอานิสงส์ของการรักษาศีล
ชาดกเกี่ยวกับอานิสงส์ของการรักษาศีล

เรื่อง "สีลานิสังส์สชาดก"
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภอุบาสกผู้มีศรัทธาคนหนึ่งที่สามารถเดินข้ามแม่น้ำอจิรวดีไปฟังธรรมได้ด้วยอำนาจคุณของศีล ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในสมัยพระพุทธเจ้านามว่า กัสสปะ ในวันหนึ่งมีอุบาสกคนหนึ่งซึ่งเป็นพระโสดาบัน ได้โดยสารเรือไปค้าขายต่างเมืองกับช่างตัดผมคนหนึ่ง ก่อนออกเดินทาง ภรรยาของช่างตัดผมได้ฝากให้อุบาสก ช่วยดูแลสามีของตนพร้อมกับสั่งว่า
"ท่านเจ้าคะ ขอท่านได้ช่วยดูแลสามีดิฉันด้วยนะคะ"
แต่เมื่อเรือออกเดินทางออกไปได้ ๗ วัน ก็เจอพายุกระหน่ำจนเรืออับปางลง ชายทั้งสองได้เกาะแผ่นกระดานแผ่นหนึ่งลอยคอจนมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง ด้วยความหิว นายช่างตัดผมได่ฆ่านกปิ้งกินและชวนอุบาสกกินด้วยกัน แต่อุบาสกไม่กินเพราะคิดว่า
"สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่พระรัตนตรัยเท่านั้นจะเป็นที่พึ่งเราได้" จึงนั่งระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยอยู่
ขณะนั้นพญานาคผู้อยู่บนเกาะได้เนรมิตร่างเป็นเรือลำใหญ่ มีเทวดาประจำทะเลเป็นต้นเรือ บรรทุกทรัพย์สินเงินทองเต็มลำมีเสากระโดงทำด้วยแก้วมณีสีอินทนิล ใบเรือทำด้วยทอง เชือกทำด้วยเงิน แล่มมาที่เกาะนั้น พร้อมประกาศว่า
"มีใครจะไปด้วยไหม"
อุบาสกร้องตอบว่า "ข้าพเจ้าจะไปด้วย"
นายต้นเรือพูดว่า "ถ้าเช่นนั้น ท่านขึ้นมาเถอะครับ"
อุบาสกจึงชวนนายช่างตัดผมขึ้นเรือไปด้วยกัน แต่นายต้นเรือร้องห้ามไว้ว่า
"ขึ้นมาได้เฉพาะท่านคนเดียวเท่านั้น อีกคนหนึ่งขึ้นไม่ได้"
อุบาสกถามว่า "ทำไมล่ะท่าน"
นายต้นเรือตอบว่า "เพราะคนนั้นไม่มีศีลจึงรับไปด้วยไม่ได้ เรือลำนี้รับเฉพาะคนมีศีลเท่านั้น"
อุบาสกพูดว่า "เอาเถอะ ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอแบ่งส่วนบุญศลที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลให้แก่เขาก็แล้วกัน" นายช่างตัดผมก็รับคำอนุโมทนาในบุญกุศลว่า "ข้าพเจ้าขออนุโมทนา"
เทวดาจึงนำชายทั้งสองขึ้นเรือแล้วนำไปส่งจนถึงฝั่งพร้อมทั้งมอบทรัพย์สมบัติให้อีกด้วย แล้วกล่าวให้โอวาทเป็นคาถาว่า
"ดูเถิด นี่แหละผลของศรัทธา ศีล และ จาคะ พญานาคแปลงตนเป็นเรือนำอุบาสกผู้มีศรัทธาไป บุคคลพึงคบหาสัตบุรุษเท่านั้น พึงทำความสนิทสนมกับสัตบุรุษ เพราะการอยู่ร่วมกับสัตบุรุษ นายช่างตัดผมจึงถึงความสวัสดี" เมื่อกล่าวจบก็พาพญานาคกลับวิมานของตนไป
บทความที่เกี่ยวข้องกับคู่มือนักเรียนเตรียมบวชสามเณร