Internet of Things

Internet of Things

Internet of Things คืออะไรและอินเตอร์เน็ตกับสิ่งของเชื่อมต่อกันได้

 

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)

จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN

 

 

Internet of Things คืออะไร?

 

         Internet of Things คืออุปกรณ์ในบ้าน สิ่งแวดล้อมต่างๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ หรืออะไรต่างๆ ที่สามารถเก็บข้อมูล แล้วส่งต่อข้อมูลไปที่ Server แล้วสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการทุกอย่างได้ ทุกวันนี้มีสินค้าอยู่ในกลุ่มหมวดของพวกนี้อยู่ไม่น้อย เช่น เครื่องต้มอาหาร ซูวี จะมีระบบ wifi เมื่ออยู่ที่ทำงานก็ตั้งค่าไว้ว่า จะให้เปิดกี่โมง พอกลับมาถึงบ้านก็เสร็จพอดี ทุกอย่างทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต เรียกว่า Internet of Things คาดการว่าอีกไม่เกิน 5 ปี สิ่งของทุกอย่างประมาณ 100,000,000,000 ชิ้นจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต คือเพิ่มขึ้น จากเดิมประมาณ 300% 

 

          เนื่องจากราคาของชิฟ Wi-Fi ถูกลง และโมดูลที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆก็จะถูกลงด้วย เพราะฉะนั้นอีกหน่อยก็จะสามารถจะสั่งการทุกอย่างได้ ผ่านทางมือถือไปที่บ้าน ไปที่ต่างๆจะไปเชื่อมต่อกับอีกระบบหนึ่ง คือระบบเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence คนจะสบายมากขึ้นควบคุมจากโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์

Internet of Things มีกี่ประเภทอะไรบ้าง?

 

          แบ่งเป็น 2 ประเภท คือในระดับ commercial scale และระดับ Industrial scale ระดับ commercial คือสิ่งที่ใช้อยู่ทุกวัน พวกนี้จะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยตรง เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ระบบไฟฟ้า ระบบเสียง ระบบผ้าม่าน เช่น ออฟฟิศที่สามารถกำหนดได้ว่าพอถึงเวลา 15.00 น. แอร์จะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมา แล้วผ้าม่านก็ตกลงมา เป็นต้น ทุกอย่างเปิดจากมือถือและแก้ไขได้ เรียกว่า over line  

 

          Industrial scale เกี่ยวกับอุตสาหกรรม คือการผลิต จะใช้ บลูทูธ หรืออินเตอร์เน็ตซึ่งอาจเชื่อมต่อกันภายในแล้วไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพราะเป็นเรื่องของการผลิต ที่จะต้องมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นลักษณะของ เช่น โรงงานแห่งหนึ่ง จะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับทุกอย่างของอุปกรณ์ตลอดจนเครื่องจักรต่างๆก็เชื่อมโยงกันหมด แล้วเข้าสู่ศูนย์กลาง เป็นต้น แม้กระทั่งคนที่อยู่ในโรงงาน ก็สามารถกำหนดได้ว่าคนนี้อยู่ที่ไหนในโรงงาน

ปัจจุบันมีการนำมาใช้งานกันกี่ประเภท?

 

          1.สมาร์ทโฮม เป็นบ้านที่สามารถตั้งระบบได้ เช่น เมื่อถึงเวลาผ้าม่านจะตกลงมา 30% เมื่อแดดจัดๆ ก็ลงมาอีก ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมของแต่ละบ้าน แล้วตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า ประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัย ระบบพลังงาน ระบบบันเทิง ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า และระบบควบคุมแสงสว่าง เรียกว่าครบวงจรกับชีวิต

 

          2.สมาร์ทซิตี้ ใช้ระบบจัดการที่เป็นเซ็นเซอร์ และใช้เอไอคือปัญญาประดิษฐ์เข้าเมาช่วย โดยคนเป็นคนกำหนดสัดส่วนให้เอไอคิดแค่ไหนใช้เซ็นเซอร์แค่ไหน เช่น เรื่องขยะ ความปลอดภัย น้ำ วงจรปิดต่างๆ การจราจร หากมีสัญญาณเตือนก็ให้มนุษย์ เข้ามาดู

 

          3.Smart grid เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยสามารถวิเคราะห์การใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละจุดแต่ละหน่วย แล้วมาวางแผนบริหารจัดการด้านไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานทางเลือกต่างๆ

          4.สมาร์ทคาร์ smart car คือรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต แล้วขอส่งข้อมูลต่างๆ มีรถยนต์บางยี่ห้อพอไปส่งคนแล้วกดให้ไปจอดก็จะหาที่จอดเอง ถึงเวลาให้มารับ เราก็อยู่ที่หน้าตึก พอกด รถก็สตาร์ทเครื่องเองแล้วก็วิ่งตามโลเคชัน รวมทั้งรถยนต์ไร้คนขับด้วย

 

          5.สมาร์ทวอทช์ หากเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะกะทันหัน นาฬิกาก็เตือนได้ อาจจะทำให้เราส่งสัญญาณเตือนไปเรียกรถพยาบาล นาฬิกาสามารถบันทึกระบบสุขภาพต่างๆได้ แม้กระทั่งการใช้พลังงานไปเท่าไหร่ หรือนั่งนานเกินไป การมอนิเตอร์การหายใจนาฬิกาจะว่าตอนนี้ถึง เวลาต้องหายใจลึกหน่อย 

          6.เครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น ตู้เย็นจะมีเซ็นเซอร์ ต่อไปบรรจุภัณฑ์ต่างๆสามารถใส่ RFID เมื่อใส่ในตู้เย็นก็จะรู้ว่าหมดอายุเมื่อไหร่จะเตือนผ่านมือถือ หรือของจะหมดแล้ว ไข่เหลือน้อยแล้ว 4

ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ

 

 

          Internet of Things หมายถึงของต่างๆในโลกจะเชื่อมโยงเข้ากับอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วของการสื่อสารมีผลต่อการเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ เพราะเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในมือถือที่เชื่อมโยงตัวเราเข้ากับแหล่งข้อมูลในโลกนี้ ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงกำลังเคลื่อนตัวไปสู่สิ่งใหม่คือ Internet of Things (อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง) คือ การที่สิ่งต่างๆเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ตจะทำให้วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยมหาศาล 

 

          เริ่มมีการกล่าวกันมากขึ้น เช่น อยู่ที่ออฟฟิศหรืออยู่ที่ไหนก็ตามแต่ กดมือถือต่ออินเตอร์เน็ตให้ที่บ้าน สั่งให้แอร์เริ่มเปิด 15 นาทีก่อนถึงบ้าน หรือเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้าไว้ แล้วสั่งให้เริ่มซัก เมื่อกลับถึงบ้านเครื่องซักเสร็จพอดีตากไม่ต้องรอ เราสามารถสั่งทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านได้ ออกจากบ้านลืมล็อคประดูก็ใช้มือถือสั่งต่ออินเตอร์เน็ตไปสั่งให้ประตูล็อคหรือจะมีญาติไปหาที่บ้าน แต่เรายังกลับไปไม่ถึงบ้าน อยู่ข้างนอกต้องการให้ญาติไปรอในบ้านสั่งประตูเปิด ญาติเข้าบ้านได้ เข้าบ้านเสร็จประตูปิดเราสั่งการทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเราได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายทั้งที่อยู่ไกลคนละที่ ไกลคนที่ ไม่ใช่ว่าแค่ที่ทำงานกับที่บ้าน แม้แต่ไปต่างประเทศอยู่คนละทวีปคนละซีกโลกก็สั่งการทุกอย่างในบ้านได้เหมือนกัน เพราะทุกอย่างในบ้านต่ออินเตอร์เน็ตหมด สามารถสั่งงานผ่านอินเตอร์เน็ตตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ ถึงเวลาต้องทำอะไร อย่างไรก็จะบอกเรา ทุกอย่างเหมือนกับมีชีวิตจิตใจที่คอยปฏิสัมพันธ์กับเราได้ตลอดเวลา เหล่านี้คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น 

 

 

          อีกภายในเวลา 3 – 5 ปี จะเห็นสิ่งต่างๆจากอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมดเพราะยุคนี้เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปเร็วมาก ถึงเวลาจะส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อโลกอย่างมาก ซึ่งคนสร้างสรรค์เทคโนโลยียังคิดไม่ถึง สิ่งที่ควรจะตั้งรับ คือ

 

 

          1.ยิ่งโลกเปลี่ยนไปเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งต้องนิ่งมากเท่านั้น ถ้าไม่ฝึกใจเราให้นิ่ง เราจะสับสนวุ่นวายกับมันไปหมด เทคโนโลยีก้าวหน้าไป แต่เราจะไม่มีความสุขรู้สึกชีวิตมีอะไรรุมเร้าเต็มไปหมด จนกระทั่งไม่เป็นอิสระของตัวเราเอง แต่ใจเรานิ่งเราจะอยู่กับเทคโนโลยีได้อย่างถูกต้องด้วยใจที่เป็นสุข เทคโนโลยีจะกลายเป็นเครื่องให้เรา การนั่งสมาธิ(Meditation)เป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ 

 

          2.ขวนขวายหาความรู้อย่าไปกลัวเทคโนโลยี ลงไปถามเดี๋ยวก็เป็น ลงไปจับเดี๋ยวก็เป็น จับแล้วทำบ่อยๆ 3 วัน 5 วันเดียวก็ใช้งานได้แล้ว ไม่ได้ยากเกินไป แล้วจะพบว่าแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปเร็วเท่าไหร่ก็ตามขอเราก็มีความพร้อมรับมือกับสิ่งเรานั้นได้ตลอดเวลา

รับชมคลิปวิดีโอInternet of Things : ทันโลกทันธรรม