ความหมายของ ธรรม ในคำว่า ธรรมกาย

ธรรม ในคำว่าธรรมกาย ที่เป็นพระนามหนึ่งของพระตถาคตนั้นจึงควรหมายถึง โลกุตตรธรรม คือ มรรค ผลนิพพาน ที่เมื่อเข้าถึงแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงปุถุชนให้เป็นอริยบุคคล และเปลี่ยนอริยบุคคลชั้นต้นให้เป็นอริยบุคคลเบื้องสูงขึ้นไปได้นั่นเอง https://dmc.tv/a16151

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมกาย
[ 13 ก.ค. 2556 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]
ความหมายของ "ธรรม"
ในคำว่า "ธรรมกาย"
เรื่อง : ดร.ชนิดา จันทราศรีไศล
 
ความหมายของ ธรรม ในคำว่า ธรรมกาย


      สำหรับการพิจารณาความหมายของธรรมกายในอัคคัญญสูตร มีประเด็นที่น่าพิจารณา ดังนี้

       ประเด็นแรก คือ คุณสมบัติของ “บุตรที่แท้จริงของพระพุทธองค์” นั้น ท่านระบุว่า เป็นผู้มีศรัทธาที่มั่นคง หยั่งรากลึก ในระดับที่ สมณะพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลกไม่อาจทำให้กลับกลายได้... ศรัทธาในระดับนี้ เรียกว่า “อจลศรัทธา” คือศรัทธาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของอริยบุคคลชั้นโสดาบันขึ้นไป ผู้ได้กำจัดกิเลสประเภท “วิจิกิจฉา” คือความลังเลสงสัยให้หมดไปได้โดยสิ้นเชิงแล้ว หาใช่ใครก็ได้ที่เรียกตัวเองว่า “ชาวพุทธ” เท่านั้น

      การที่พระอริยบุคคลมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย โดยไม่มีอะไรทำให้กลับกลายได้นั้นเป็นเพราะได้มีดวงตาเห็นธรรม ได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมอย่างถ่องแท้ด้วยตนเองแล้ว จึงหมดสงสัยมีความเชื่อมั่นและอาจหาญในธรรม ไม่ต้องพึ่งพาความมั่นใจจากผู้ใดอีกต่อไป ดังที่ท่านบรรยายไว้หลายแห่งในพระไตรปิฎก

      “เขาได้เห็นธรรม บรรลุธรรม รู้แจ่มแจ้งในธรรม หยั่งลงในธรรมแล้ว ข้ามพ้นความสงสัยได้แล้ว จึงหมดคำถาม เป็นผู้แกล้วกล้าไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระบรมศาสดา”

      ประเด็นที่สอง คือ ความหมายของคำว่า“ธรรม” ในข้อความต่อไปนี้

      “(อริยสาวกเป็นบุตรเกิดแต่พระอุระ เกิดแต่พระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า) เป็นผู้เกิดจากธรรม เป็นผู้ที่ธรรมเนรมิตขึ้น เป็นทายาทแห่งธรรม” ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะคำว่า ธรรมกาย พรหมกาย ธรรมภูต หรือพรหมภูต ก็ตาม ล้วนเป็นชื่อของตถาคต”... (สรุปและแปลอย่างง่าย จากอัคคัญญสูตร พระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ เล่มที่ 11 ข้อ 55 หน้า 92)

        พระดำรัสที่ตรัสต่อเนื่องมาเป็นประโยคเหตุผลแบบนี้ เป็นตัวบังคับว่า คำว่า ธรรม ในข้อความทั้ง 5 นี้ ใช้ในความหมายแบบเดียวกันและหมายถึงผู้ให้กำเนิด

      และเมื่ออ่านข้อความว่า “เป็นบุตร เกิดแต่พระอุระ เกิดแต่พระโอษฐ์ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า” ที่นำหน้ามาด้วยแล้ว ก็ชวนให้คิดว่า คำว่าธรรม ในข้อความทั้ง 5 นี้ ซึ่งรวมถึงในคำว่าธรรมกาย ด้วยนั้น น่าจะหมายถึง “พุทธวจนะ คือคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงดำริในพระหทัยแล้วถ่ายทอดผ่านพระโอษฐ์ออกมา และต่อมาได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก”... ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักวิชาการส่วนใหญ่ รวมถึงชาวพุทธจำนวนมาก จะเข้าใจความหมายของ ธรรมกายไปในทำนองนี้

       อย่างไรก็ดี หากศึกษาเนื้อหาของพระสูตรย้อนกลับขึ้นไปก่อนหน้านี้อีกหน่อย จะพบว่าคำเรียกชื่อ “พุทธบุตร” ทั้งหมดนั้น กล่าวล้อกันมากับคำเรียกชื่อของ “พราหมณ์” ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “บุตรแห่งพรหม” ทุกประการ อีกทั้ง “พระนามของพระตถาคต” นั้น ก็ใช้คำว่า ธรรม กับ พรหมคู่กันมาโดยตลอด คือ ธรรมกายกับพรหมกายธรรมภูตกับพรหมภูตพราหมณ์ทั้งหลายเป็นบุตรเกิดแต่พระอุระ เกิดแต่พระโอษฐ์ของพระพรหม เป็นผู้เกิดจากพรหม เป็นผู้ที่พรหมเนรมิตขึ้น เป็นทายาทแห่งพรหม” (แปลอย่างง่าย จากอัคคัญญสูตร พระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ เล่มที่ 11 ข้อ 51 หน้า 88)

      ในข้อความที่กล่าวล้อกันมานี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักการในพระพุทธศาสนา โดยทรงเปรียบเทียบกับหลักการของพราหมณ์ ดังนี้

      1. “อริยสาวก” เปรียบได้กับ “พราหมณ์”
      2. “คำสอนของพระองค์” เปรียบได้กับ “โอษฐ์ของพระพรหม” (และดังนั้นพระองค์เองก็เปรียบได้กับพระพรหมด้วย)
      3. “ธรรม” เปรียบได้กับ “พรหม” คือพระพรหมผู้สร้างในทัศนะของพราหมณ์

       ในข้อ 3 จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงใช้คำว่า ธรรม ในความหมายว่าเป็นสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนา แทน “พรหม” ในทัศนะของพราหมณ์นั่นเอง และจากข้อ 2 และ 3 จะเห็นว่าพระองค์ทรงเปรียบพระองค์เองกับ ธรรม นั้นด้วย

      ส่วน “พระพุทธวจนะ” นั้น ทรงเปรียบเทียบกับ “ปากของพระพรหม” แต่มิใช่ตัว “พระพรหมผู้สร้าง” เอง ดังนั้นพุทธวจนะจึงมิใช่ ธรรม ในความหมายของ ธรรมกาย ที่กล่าวไว้ในอัคคัญญสูตรแต่อย่างใด

      เนื่องจาก “การเกิดใหม่” ในหลักการทางพระพุทธศาสนา เป็นผลของการรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม การกำจัดกิเลสให้หลุดล่อนไป และการเข้าถึงคุณสมบัติใหม่ที่สูงส่งและสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ดังนั้น ธรรม ในความหมายของ “ผู้สร้าง” หรือ “ผู้ให้กำเนิด” อันเป็นความหมายของ ธรรมในคำว่า ธรรมกาย จึงควรหมายถึงธรรมที่ประกอบด้วยญาณทัสสนะ รู้เห็นและกำจัดกิเลสได้รวมถึงคุณสมบัติใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนาด้วย

       "ธรรม ในความหมายของ “ผู้ให้กำเนิด” อันเป็นความหมายของ ธรรม ในคำว่า ธรรมกายที่เป็นพระนามหนึ่งของพระตถาคตนั้น จึงควรหมายถึงโลกุตตรธรรม คือ มรรค ผล นิพพาน"

        ใน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร พระพุทธองค์ตรัสถึง ทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ว่าเป็นธรรมที่ทำให้เห็น (จักขุกรณี) และทำให้รู้ (ญาณกรณี) ซึ่งบ่งบอกว่า อริยมรรค นี้ ประกอบด้วยญาณทัสสนะ ส่วนในสังยุตตนิกาย มหาวารวรรค กล่าวไว้หลายแห่งว่า องค์แห่งมรรคทั้ง 8 เมื่อฝึกฝนจนถึงที่แล้วจะนำไปสู่การกำจัดกิเลสคือราคะ โทสะ และโมหะ หรือกำจัดสังโยชน์เบื้องบนได้หมดสิ้น และมีบางแห่งกล่าวถึงธรรมะในโพชฌงค์ 7 อินทรีย์ 5, พละ 5, อิทธิบาท 4 และฌาน 4 ในทำนองเดียวกัน

      "เมื่อโลกุตตรมรรคทำหน้าที่ประหารกิเลสในระดับของตนได้เด็ดขาดแล้วโลกุตตรผลอันเป็นองค์รวมของคุณสมบัติใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์และสูงส่งยิ่งขึ้นก็ปรากฏ"

       การที่พระไตรปิฎกกล่าวถึงธรรมคนละอย่างว่าทำหน้าที่กำจัดกิเลสเหมือนกันนั้น มิได้เป็นความสับสนหรือขัดแย้งกันแต่อย่างใด หากเป็นเสมือนการกล่าวถึงอวัยวะต่าง ๆ ของคนคนหนึ่งที่ช่วยกันทำงานชิ้นเดียวกันให้สำเร็จเท่านั้น

       ส่วนในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ซึ่งประมวลภาพรวมเนื้อหาจากพระสูตรไว้ให้เป็นระบบ ได้สรุปไว้ชัดเจนว่า อริยมรรค ทำหน้าที่ในการกำจัดกิเลส โดยแจกแจงเป็น โลกุตตรมรรค ทั้ง 4 คือโสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรคและอรหัตมรรค ซี่งทำหน้าที่กำจัดกิเลสในระดับที่ละเอียดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนหมดสิ้นในที่สุด

      อธิบายได้ว่า ในการทำหน้าที่ดังกล่าวโลกุตตรมรรคในแต่ละระดับต้องบริบูรณ์ด้วยองค์แห่งอริยมรรคทั้ง 8 ประการ รวมทั้งคุณธรรมต่าง ๆ เช่นที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นด้วย โดยที่คุณธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับที่ “เพียงพอ” ต่อการทำหน้าที่กำจัดกิเลสในระดับของโลกุตตรมรรคนั้น ๆ แล้ว ดังนั้น เมื่อมองโดยภาพรวม โลกุตตรมรรคในแต่ละระดับก็คือ “องค์รวม” ของคุณธรรมทั้งปวงในระดับนั้น ๆ ส่วนคุณธรรมแต่ละอย่างก็เปรียบเสมือนอวัยวะต่าง ๆ ที่ช่วยกันทำหน้าที่ของ “องค์รวม” ให้สำเร็จนั่นเอง

       เมื่อโลกุตตรมรรคทำหน้าที่ประหารกิเลสในระดับของตนได้เด็ดขาดแล้ว โลกุตตรผลอันเป็นองค์รวมของคุณสมบัติใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์และสูงส่งยิ่งขึ้นก็ปรากฏ ซึ่งทำให้ผู้ปฏิบัติได้ชื่อว่าเป็นอริยบุคคลในระดับนั้น ๆ มีคุณธรรมสูงส่งขึ้นและได้เสวยวิมุตติสุขอันละเอียดประณีตยิ่งขึ้นโดยเหตุนี้ ธรรม ในความหมายของ “ผู้ให้กำเนิด” อันเป็นความหมายของ ธรรม ในคำว่าธรรมกาย ที่เป็นพระนามหนึ่งของพระตถาคตนั้นจึงควรหมายถึง โลกุตตรธรรม คือ มรรค ผลนิพพาน ที่เมื่อเข้าถึงแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงปุถุชนให้เป็นอริยบุคคล และเปลี่ยนอริยบุคคลชั้นต้นให้เป็นอริยบุคคลเบื้องสูงขึ้นไปได้นั่นเอง
 
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

บทความที่เกี่ยวข้องความหมายของ "ธรรม" ในคำว่า "ธรรมกาย"


http://goo.gl/9p4rr


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ความรู้เรื่องธรรมกาย
      ความหมายของกายในคำว่าธรรมกาย ตอนที่ 2
      ความหมายของกายในคำว่าธรรมกาย
      ธรรมกาย ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทยุคต้น
      มหาธรรมกายเจดีย์ มหาเจดีย์แห่งพระรัตนตรัย
      ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
      วิชชาธรรมกาย ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์
      ธรรมกาย กายแห่งการตรัสรู้ธรรม




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related