เวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยว

เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอดีตหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่ประพฤติผิดศีลแทบทุกข้อ แต่มีบุญที่ได้ทำทานกับพระอรหันต์ไว้บ้าง จึงทำให้ไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรต เปลือยกายอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทร เรื่องของนางก็มีอยู่ว่า... https://dmc.tv/a19075

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะสอนใจ
[ 3 พ.ย. 2557 ] - [ ผู้อ่าน : 18257 ]
เวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยว
 
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
จากวารสารอยู่ในบุญ ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2557

“บัณฑิตไม่ควรทำความชั่ว เพราะเห็นแก่ตัวเอง หรือเห็นแก่คนอื่น
ไม่ควรปรารถนาบุตร ทรัพย์ แว่นแคว้น หรือความสำเร็จแก่ตนโดยทางที่ไม่ชอบธรรม
ควรมีศีล มีปัญญา มั่นอยู่ในธรรม” (ขุ.ธ.)
 

     เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอดีตหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่ประพฤติผิดศีลแทบทุกข้อ แต่มีบุญที่ได้ทำทานกับพระอรหันต์ไว้บ้าง จึงทำให้ไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรต เปลือยกายอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทร เรื่องของนางก็มีอยู่ว่า ครั้งอดีตกาลในกรุงพาราณสี เธอเป็นหญิงโสเภณีผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม มีผิวพรรณงดงามกว่าหญิงโสเภณีคนอื่น ๆ ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีเส้นผมที่ละเอียด ดกดำ อ่อนนุ่ม มีปลายผมตวัดงอน ยามใดที่ชายหนุ่มเจ้าสำราญทั้งหลายเห็นความงามเส้นผมของเธอ ต่างก็เกิดหลงใหลถวิลหา ทำให้หญิงโสเภณีด้วยกันเกิดอิจฉาริษยาในตัวเธอยิ่งนัก

     วันหนึ่ง ขณะอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เธอสระผมด้วยยาสระผมของเพื่อนผู้ไม่ปรารถนาดีต่อเธอ เมื่อเธอดำน้ำเพื่อล้างยาสระผมออกทันทีที่โผล่พ้นผิวน้ำเท่านั้น เส้นผมพร้อมทั้งรากผมก็หลุดร่วงทั้งหมด ทำให้ศีรษะของเธอเกลี้ยงเกลาเหมือนกะโหลกน้ำเต้าขม เมื่อเส้นผมร่วงหมดก็หมดความงาม เหมือนนกพิราบถูกถอนขนหัว ไม่สามารถประกอบอาชีพโสเภณีได้อีกต่อไป เธอจำต้องนำผ้ามาคลุมศีรษะแล้วหันมาขายสุราและน้ำมันงาแทนอาชีพเดิมโดยตั้งร้านอยู่ที่ปากทางเข้าเมือง นอกจากจะทำบาปด้วยการขายสุราเมรัยแล้ว เธอยังประพฤติผิดศีลข้ออทินนาทาน คือ จะขโมยเสื้อผ้าและของมีค่าของคนขี้เมาที่เมาได้ที่จนหลับสนิท แล้วนำไปขายเป็นประจำ

     อย่างไรก็ตามชีวิตของเธอก็ไม่ได้มืดมนไปทุกอย่าง วันหนึ่ง เธอได้เห็นพระอรหันตเถระรูปหนึ่งบิณฑบาตผ่านมา จึงนิมนต์ท่านเข้ามาในบ้านด้วยความเลื่อมใส พร้อมกับถวายแป้งผสมกับน้ำมันงา หลังจากพระเถระฉันเสร็จแล้วได้ทำการอนุโมทนา ขณะเดียวกันก็แนะนำให้เธอเลิกอาชีพขายเหล้าเพราะเป็นมิจฉาอาชีวะการขายเหล้าเพื่อมอมเมาคนอื่น นอกจากทำให้ตัวเองได้บาปและจะต้องไปตกนรกแล้ว วิบากกรรมที่ตามมายังส่งผลให้เป็นคนด้อยปัญญาแต่เธอก็ยังเลิกไม่ได้ โดยอ้างเหตุผลว่ายังหาอาชีพอื่นไม่ได้
 

     ต่อมา เมื่อเธอถึงแก่กรรม บุญส่งผลให้ไปเกิดเป็นเวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยวอยู่ในวิมานทองกลางมหาสมุทร มีเส้นผมสวยงามสมปรารถนา แต่ด้วยบาปกรรมที่ลักขโมยเสื้อผ้าและของมีค่าของคนขี้เมา ส่งผลให้เธอต้องเป็นเปรตชีเปลือย ไม่มีภูษาอาภรณ์สวมใส่ เธอต้องตายแล้วเกิด ๆ อยู่อย่างนั้นหลายครั้ง ในวิมานทองแห่งนั้นตลอดถึง 1 พุทธันดร

     เมื่อถึงสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา มีพ่อค้าชาวเมืองสาวัตถี 700 คนล่องเรือไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ แล้วถูกพายุพัดพาไปถึงเกาะกลางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางเวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยวนั้น เมื่อเปรตหญิงชีเปลือยเห็นพวกพ่อค้าซึ่งถูกพายุพัดมาถึงที่ก็ตื่นเต้นดีใจและแสดงตนให้พวกพ่อค้าเห็นพร้อมด้วยวิมาน หัวหน้าพ่อค้าถามว่า “น้องสาวเธอเป็นใครกัน เป็นมนุษย์หรือเทพธิดา ทำไมหลบอยู่ ไม่ยอมออกมาให้พวกเราเห็น ช่วยเดินออกมาข้างนอกหน่อยเถอะ พวกเราอยากเห็นเธอใกล้ ๆ”

     นางเวมานิกเปรตได้แต่ยื่นหน้าออกมาพลางตอบว่า “ดิฉันเป็นเวมานิกเปรตชีเปลือยมีเพียงเส้นผมปิดบังไว้เท่านั้น รู้สึกละอายที่จะออกไปข้างนอก” พวกพ่อค้าได้ฟังแล้วก็สงสาร จึงกล่าวว่า “น้องสาว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะให้เสื้อผ้าเนื้อดีแก่เธอ” เธอรีบปฏิเสธว่า “พวกท่านให้เสื้อผ้าอย่างนี้ ดิฉันนุ่งห่มไม่ได้ขอเพียงท่านให้เสื้อผ้าแก่อุบาสกที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แล้วอุทิศส่วนกุศลมาให้ ดิฉันก็จะได้นุ่งห่มเสื้อผ้าตามที่พวกท่านปรารถนา”

     เผอิญในขบวนพ่อค้ากลุ่มนี้ มีพ่อค้าผู้เป็นอุบาสกนับถือพระรัตนตรัยร่วมทางมาด้วย พวกพ่อค้าจึงให้อุบาสกอาบน้ำ ทาด้วยของหอม แล้วให้นุ่งห่มเสื้อผ้าเนื้อดี พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้กับนาง ทำให้โภชนะเครื่องนุ่งห่มเกิดขึ้นกับนางอย่างปัจจุบันทันตาเห็น นางมีร่างกายงดงามสว่างไสว พร้อมนุ่งห่มผ้าที่สะอาด เนื้อละเอียดงดงาม เดินยิ้มแย้มออกมาจากวิมานทันที
 

     พวกพ่อค้าเห็นเช่นนั้น ก็ปีติเบิกบานที่ได้ช่วยเหลือนางเวมานิกเปรต และสนทนากับนางด้วยจิตยินดี นางเวมานิกเปรตถือโอกาสเล่าเรื่องในอดีตด้วยความระทมทุกข์ว่า “วิมานและรูปสมบัตินี้เป็นผลบุญนิดหน่อยที่ดิฉันทำ  ไว้กับพระเถระ แต่อีก 4 เดือนจากนี้ ผลบุญก็จะหมดแล้ว จากนั้นดิฉันจะตกนรกหมกไหม้แสนสาหัสเหมือนอยู่ในคุกสี่เหลี่ยมที่แบ่งเป็นห้อง ๆ ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ครอบด้วยแผ่นเหล็กที่มีพื้นลุกเป็นไฟ ซึ่งมีความร้อนแผ่ไปถึง 100 โยชน์ดิฉันจะต้องเสวยทุกขเวทนาในนรกอีกนานดิฉันเป็นทุกข์เหลือเกิน ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะพ้นจากทุกข์นี้ไปได้”

     การที่นางเคยหลงทำผิดไปนั้น เพราะไม่เชื่อคำแนะนำของพระเถระ ทำให้ต้องดำเนินชีวิตผิดพลาด ชีวิตจึงมืดมน เหมือนคนเดินหลงทางในความมืด ครั้นมาเชื่อตอนตายก็สายไปเสียแล้ว พวกพ่อค้ารู้สึกสงสารนางมาก จึงพูดขึ้นว่า “แค่พวกเราทำบุญกับอุบาสก แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเธอ ยังส่งผลทันตาเห็นขนาดนี้แต่ถ้าหากเธอได้ทำบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเธอก็ไม่ต้องไปอบายอย่างแน่นอน ขอให้เธอทำจิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายเถิด”

     นางเวมานิกเปรตดีใจมากที่ยังพอมองเห็นทางรอดจากมหานรกอยู่บ้าง นางจึงส่งใจนอบน้อมถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกทั้งให้อุบาสกและพ่อค้ารับประทานอาหารทิพย์อย่างอิ่มหนำสำราญ แล้วก็มอบผ้าทิพย์และรัตนชาติหลากชนิดให้แก่พวกพ่อค้าด้วย อีกทั้งยังฝากผ้าทิพย์คู่หนึ่งให้นำไปถวายพระบรมศาสดาจากนั้นก็ใช้ฤทธานุภาพของนางส่งพวกพ่อค้ากลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
 

     เมื่อพ่อค้ากลับถึงบ้านแล้ว ก็รีบไปยังวัดพระเชตวัน เพื่อถวายผ้าทิพย์คู่นั้นแด่พระพุทธองค์ พร้อมกับกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากนั้นร่วมกันถวายมหาทานถึง 7 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลเจาะจงถึงเวมานิกเปรตผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ ด้วยผลบุญดังกล่าวทำให้นางละจากความเป็นเปรตไปบังเกิดในวิมานทองของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อันโชติช่วงไปด้วยรัตนะต่าง ๆ และมีนางเทพอัปสรหนึ่งพันเป็นบริวาร

     จะเห็นได้ว่า บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ คนมีศีล มีธรรม จะเป็นเจ้าของสมบัติ แต่คนผู้ไร้ศีลจะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างโทษทัณฑ์แห่งการผิดศีลจะทำลายความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต และทำให้ประสบแต่ความทุกข์ยาก ความตกต่ำเรื่อยไป หากทุกคนในโลกมีหิริโอตตัปปะก็จะไม่มีใครกล้าทำผิด ยิ่งถ้าได้รู้ถึงความหายนะที่จะตามมาก็จะไม่กล้าทำชั่วแต่เพราะความไม่รู้หรือประมาทในชีวิต เนื่องจากตามใจกิเลสจนเคย ทำให้ล่วงละเมิดศีลเป็นอาจิณ

     เพราะฉะนั้น เราต้องตั้งสติให้ดี อย่าทำลายศีลของตนเอง ต้องรู้จักอดทนอดกลั้นอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าเห็นแก่เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่ไม่จีรังยั่งยืน ถ้าเรารักษาศีลศีลก็จะรักษาเรา อย่าลืมว่าความทุกข์ในโลกนี้มีไม่นาน แต่เราจะไปเสวยสุขในปรโลกอีกยาวนาน คือ จะได้สมบัติใหญ่ทั้งสวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัตินั่นเอง


http://goo.gl/ngGMj8


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ชวนต่างชาติให้สนใจ ทาน ศีล ภาวนา
      อยากผอม
      บุญกับวาสนา
      เกิดเป็นขอทาน
      คิด พูด ทำ อย่างไหนบาปที่สุด
      คิดในกรอบกับคิดนอกกรอบ
      วิบากกรรมกระดูกพรุน
      เด็กชอบกัดเล็บ
      นอนกัดฟัน
      ชีวิตที่คุ้มค่า
      ดาราซึมเศร้า
      กำลังใจในหน่วยงาน
      ดูแลพระอรหันต์ในบ้าน




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related