ยิ่งสูงส่ง ยิ่งอ่อนน้อม
ความอ่อนน้อมถ่อมตนบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม จะมีคุณธรรมอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ... “ความอ่อนน้อมถ่อมตน” ถ้าคุณธรรมข้อนี้แล้ว แม้จะได้รับยศตำแหน่งสูงส่งมากเพียงใดก็จะอยู่ได้ไม่นาน ในทางตรงกันข้ามหากมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำตนเหมือนภาชนะเปล่าที่พร้อมจะรองรับความดีอื่นๆ แม้จะมีคุณธรรมเป็นเลิศอยู่แล้วก็พร้อมจะรองรับความรู้จากผู้อื่นตลอดเวลา เหมือนมหาสมุทรที่สามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำทุกสาย ถ้าทำได้อย่างนี้ย่อมเป็นทางมาแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในชีวิตเหมือนมหาสมุทรที่สามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำทุกสายดังเรื่องราวของ พระสารีบุตรเถระ อัครสาวกเบื้องขวา มีใจความโดยสรุปดังนี้...
พระสารีบุตรเถระผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา เป็นพระธรรมเสนาบดี สนองงานพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้บริหารหมู่สงฆ์และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกล แม้ท่านจะมีตำแหน่งสูงส่งถึงเพียงนั้น ท่านก็ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว มีความเสมอต้นเสมอปลาย ให้ความเป็นกันเองกับภิกษุสามเณรทุกรูป ทำให้ท่านเป็นที่เคารพรักของภิกษุสงฆ์ อีกทั้งญาติโยมก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก
ครั้งหนึ่งท่านถูกพระภิกษุรูปหนึ่งใส่ความว่า “ท่านเป็นถึงอัครสาวก แต่แกล้งมาเดินกระทบตน” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์ว่า “เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?”
พระสารีบุตรกราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้ามีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ คอยระมัดระวังตน ประคองสติอันเป็นไปในกาย เสมือนบุรุษประคองถาดซึ่งบรรจุน้ำมันอยู่เต็มเปี่ยมและมีคนเงื้อดาบอยู่เบื้องหล้ง พร้อมขู่ว่า “ถ้าน้ำมันหกจะประหารเสีย” ข้าพระองค์ประพฤติตน เสมือนผ้าเก่าสำหรับเช็ดเท้า เสมือนโคที่มีเขาขาด เสมือนเด็กจัณฑาลที่พลัดหลงถิ่นย่อมไม่มีอำนาจที่จะแกล้วกล้าอาจหาญประการใด”
เมื่อพระสารีบุตร กล่าวเช่นนั้นในท่ามกลางสงฆ์แผ่นดินที่แม้ไม่มีจิตยังเกิดอาการหวั่นไหว เป็นการอนุโมทนาในคุณธรรมอันสูงส่งของท่าน
ภิกษุรูปนั้น เมื่อได้ฟังก็เกิดอาการเร่าร้อนในสรีระเหมือนมีไฟมาเผาไหม้ตัว อดรนทนอยู่ไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาขอขมาพระสารีบุตรและยอมรับสภาพต่อหน้าหมู่สงฆ์ว่า ได้กล่าวตู่ใส่ความพระสารีบุตรพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสสรรเสริญว่า “สารีบุตรมีจิตมั่นคงดั่งขุนเขา หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน เป็นผู้ไม่แสดงอาการยินดียินร้าย เป็นผู้คงที่และมีวัตรดี เป็นผู้มีใจสะอาดเหมือนน้ำที่ไม่มีฝุ่นหรือโคลนตม สังสารวัฎย่อมไม่มีแก่พระสารีบุตร” จากนั้นพระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระสารีบุตรอดโทษแก่ภิกษุผู้กล่าวหาตู่ มิเช่นนั้นแล้ว ศรีษะของภิกษุรูปนั้นจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง
พระสารีบุตรยอมอดโทษให้ทุกอย่าง เพราะท่านไม่เคยมีความคิดประทุษร้ายใคร อีกทั้งมีความอ่อนน้อมถ่อมตน และยังได้ปวารณาตัวอีกว่า “หากตัวท่านเองได้ประพฤติผิดพลาดล่วงเกิน ทั้งที่มีเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี ขอให้เพื่อนสหธรรมิกได้โปรดให้อภัยงดโทษนั้นด้วย”สามารถปล่อยทุกอย่าง วางทุกสิ่ง แล้วดิ่งเข้าสู่ธรรมะภายในโดยง่ายโดยเร็วพลันจากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น จะต้องใหญ่ด้วยคุณธรรมภายในเป็นพื้นฐาน ยิ่งสูงส่งยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตน จึงจะเป็นที่ยอมรับนับถือจากทุกคนอย่างจริงใจ นอกจากนี้ความอ่อนน้อมถ่อมตนจะทำให้ทิฏฐิมานะภายในลดลง เมื่อถึงคราวปฎิบัติธรรมจะสามารถปล่อยทุกอย่าง วางทุกสิ่ง แล้วดิ่งเข้าสู่ธรรมะภายในโดยง่ายโดยเร็วพลันแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 169 - 171
http://goo.gl/0iKan