สอนตนเองให้ได้บุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการศึกษาบุคคลที่จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างบารมีจะต้องรักในการฝึกฝนตนเองทั้งกาย วาจา และใจ หมั่นปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ได้ก่อนในทุกรูปแบบ เพราะถ้าเราสามารถสอนตนเองได้ มีความอดทน รู้จักยกใจตนเอง ให้สูงขึ้นเหนืออุปสรรคทั้งมวล และรักษาใจให้ผ่องใสเป็นประจำ ไม่ยอมรอคอยกำลังใจจากใคร เราก็จะประสบความสำเร็จในการสร้างบารมีอย่างแน่นอนเหมือนดังเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้เป็นธิดาของนายช่างหูก ผู้รู้จักสอนตนเองด้วยการทำตามโอวาทของพระบรมศาสดา จนประสบความสำเร็จในการสร้างบารมีในที่สุด มีเรื่องราวดังนี้ในสมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จไปเมืองอาฬวี ได้ทรงประทานโอวาทให้แก่มหาชนว่า “ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณานุสสติว่า ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอน เราพึงตายแน่แท้ ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด ชีวิตของเราไม่เที่ยง แต่ความตายเที่ยง เพราะฉะนั้น...พวกท่านทั้งหลายพึงเจริญมรณานุสสติเถิด” เมื่อทรงประทานโอวาทเสร็จ พระบรมศาสดาก็เสด็จกลับวัดพระเชตะวันมหาชนครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว บางส่วนก็ปฎิบัติตาม บางส่วนก็ไม่ค่อยนำไปปฏิบัติเท่าที่ควร ยังมัวประมาทในชีวิตเหมือนเดิม ส่วนธิดาของนายช่างหูกคนหนึ่งนางอายุเพียง ๑๖ ปี แต่มีปัญญาสอนตนเองได้ นางได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับตนเอง เมื่อกลับมาที่บ้านก็ได้ทำการบ้านที่พระบรมศาสดาทรงประทานให้ ด้วยการเจริญมรณานุสสติอยู่ตลอดเวลาชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอนสามปีต่อมา พระบรมศาสดาเสด็จไปโปรดชาวเมืองอาฬวีอีกครั้ง ธิดาช่างหูกก็มีโอกาสมาเข้าเฝ้าเพื่อฟังพระธรรมเทศนาเหมือนเดิม ในครั้งนั้น...พระบรมศาสดาถามเธอในท่ามกลางบริษัทว่าพ. “กุมาริกา เธอมาจากไหน?”ธ. “ไม่ทราบ พระเจ้าข้า”พ. “เธอจะไปไหน?”ธ. “ไม่ทราบ พระเจ้าข้า”พ. “เธอไม่ทราบหรือ?”ธ. “ทราบพระเจ้าข้า”พ. “เธอทราบหรือ?”ธ. “ไม่ทราบ พระเจ้าข้า”เมื่อธิดาช่างหูกตอบปัญหาเพียงคำว่า “ทราบ” กับ “ไม่ทราบ” เท่านั้น ทำให้มหาชนเกิดความไม่พอใจกันใหญ่ เพราะคิดว่า ธิดาช่างหูกพูดเล่นลิ้นกับพระพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อคลายความสงสัยของมหาชน พระบรมศาสดาจึงตรัสถามต่อไปว่า“กุมาริกา เมื่อเราถามว่า “เธอมาจากไหน?” ทำไมเธอจึงตอบว่า ไม่ทราบ”กุมาริกาผู้มีปัญญาลึกซึ้งได้ทูลคอบว่า “หม่อมฉันไม่ทราบว่า ตัวเองเกิดมาจากไหน จึงตอบว่า ไม่ทราบ”ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดพระบรมศาสดาทรงประทานสาธุการว่า “ดีละ กุมาริกาเธอมีปัญญาแก้ปัญหาที่ตถาคตถามได้ดีแล้ว”ทรงถามข้อต่อไปว่า “เมื่อเราถามว่า “เธอจะไปไหน?” ทำไมจึงกล่าวว่า ไม่ทราบ”กุมาริกาก็ทูลตามที่เข้าใจว่า “เมื่อหม่อมฉันตายจากโลกนี้แล้วไม่ทราบว่า จะไปเกิดที่ไหน”ทรงถามว่า “แล้วเมื่อเราถามว่า “เธอไม่ทราบหรือ?” ทำไมจึงตอบว่า ทราบ ล่ะ”กุมาริกาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า หม่อมฉันทราบว่า ตัวเองต้องตายอย่างแน่นอน จึงตอบว่า ทราบ เจ้าข้า““แล้วเมื่อตถาคตถามว่า ”เธอย่อมทราบหรือ?” ทำจึงตอบว่า ไม่ทราบ”กุมาริกาก็ทูลตอบว่า “หม่อมฉันทราบแต่เพียงว่าจะต้องตาย แต่ไม่ทราบว่าจะตายเวลาไหน จึงตอบเช่นนั้นพระเจ้าข้า”ไม่มีใครที่จะสอนตัวเราได้ดีเท่ากับตัวของเราเองพระบรมศาสดาทรงชมเชยธิดาช่างหูกในความเป็นผู้มีใจจดจ่อต่อการเจริญมรณานุสสติ สามารถตักเตืยนตนเองได้ไม่มัวรอให้คนอื่นมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช แล้วตรัสเตือนพุทธบริษัทว่า“พวกท่านไม่ทราบถ้อยคำที่กุมาริกานี้กล่าว จึงกล่าวตู่ธิดาของเราผู้มีปัญญา”แล้วทรงแสดงธรรม เรื่องมรณานุสสติอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสิ้นพระธรรมเทศนา ธิดาช่างหูกก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้ไม่ตกต่ำในชีวิตอีกต่อไปแต่... เนื่องจากวิบากกรรมเก่าตามมาทัน เมื่อนางเดินทางกลับไปบ้านแล้ว เห็นพ่อกำลังนอนหลับอยู่ข้างเครื่องทอหูก นางจึงได้ปลุกพ่อให้ตื่น ฝ่ายพ่อกำลังนอนหลับเพลิน มือจึงไปกระทบด้ามฟืมเครื่องทอผ้าอย่างแรง นางล้มลงกับพื้นแล้วสิ้นใจ ณ ตรงนั้นเอง เมื่อละโลกแล้วก็ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตจากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า... การรู้จักสอนตนเอง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากของนักสร้างบารมี เพราะในโลกนี้ ไม่มีใครที่จะสอนตัวเราได้ดีเท่ากับตัวของเราเอง และเมื่อเราสอนตัวเองได้ดีแล้ว การที่จะทำหน้าที่สั่งสอนผู้อื่นก็จะสมบรูณ์ตามมาด้วยแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 159 - 163
http://goo.gl/db7ly