โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม หรือ โรคติดคอมพ์
โรคติดคอมพ์
เรียบเรียงจาก รายการทันโลกทันธรรม
พฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม หรือ โรคติดคอมพ์
คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนี้ นับได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่โดยทั่วไปก็ว่าได้ เราจะมาดูกันว่าพฤติกรรมในการใช้คอมพิวเตอร์เช่นไร ถึงจะเรียกได้ว่า เป็นโรคติดคอมพ์ เริ่มมีการสำรวจกันว่าปัจจุบันนี้คนทั่วไปสามารถใช้คอมพิวเตอร์กันได้ง่ายและมากขึ้น เพราะวิวัฒนาการทางโทรศัพท์มือถือก็มีฟังชั่นเพิ่มขึ้น สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าว CNN ได้มีการตีพิมพ์ผลการวิจัย กลุ่มวัยที่ติดคอมพิวเตอร์ ก็พบว่าเด็กกลุ่มมัธยมต้น มีโอกาสที่ติดคอมพิวเตอร์ได้มากยิ่งขึ้น และกลุ่มเด็กที่มีโอกาสติดได้มากที่สุด คือ กลุ่มเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวเด็กสมาธิสั้น ดื้อเงียบ เพราะเด็กกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองออกมาเลย เหมือนเค้าใส่หน้ากากตลอดเวลา เพราะฉะนั้นโลกไซเบอร์ก็จะเป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงความเป็นตัวตนของเค้า ส่วนเด็กที่ชอบวิ่งเล่น ชอบใช้พลังงาน ชอบออกกำลังกาย ส่วนใหญ่เด็กพวกนี้จะไม่ติดคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในปัจจุปันสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม หรือ โรคติดคอมพ์
การติดคอมพิวเตอร์หรือการติดอินเตอร์เน็ต หรืออาจจะเรียกได้ว่า โรคคลั่งดิจิตอล และก็จะเกิดปัญหา เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หรือจากหลายๆ ที่ พบว่าการคลั่งดิจิตอลเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการพัฒนาทางสังคมของเด็กเอง คือทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนากลไกการติดต่อสื่อสารทางสังคมของเด็กได้ เพราะการแสดงออกทางโลกดิจิตอลมันไม่ใช่โลกของความเป็นจริง ไม่เห็นหน้าตา ขาดจิตใต้สำนึกใครจะทำอะไรก็ได้ วัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่จะหมดเวลาในแต่ละวันไปกับ youtube, facebook การแชท การส่งข้อความ พฤติกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดปัญหาในทางสังคม และมีงานวิจัยของสแตนฟอร์ดอันหนึ่งที่ใช้ทดลองกับอาสาสมัครพบว่าเยาวชนที่มีอายุ 8-12 ปี เป็นกลุ่มที่ใช้เวลากับเรื่องเหล่านี้มากที่สุด
ร่างกายได้รับพลังงานคลื่นวิทยุจากคอมพิวเตอร์มากเกินไปซึ่งจะทำให้เกิดอารปวดเศีรษะ
วิธีการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมการติดคอมพิวเตอร์
ความจริงแล้วพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องมีเวลาพูดคุยกับเด็กตัวต่อตัว หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เป็นการส่วนตัวของเด็ก และให้โอกาสเด็กได้พูดคุยกับครอบครัวมากขึ้น สัญญาณเตือนว่าเด็กมีอาการคลั่งโลกดิจิตอลมากเกินไป1. ผูกพันกับ internet มากเกินไป เช่น หมกมุ่นอยู่กับ การแชท line2. ต้องการขยายเวลาในการใช้อินเตอร์เน็ต3. ประสบความล้มเหลวในความพยายามลดการใช้ internet4. มีอาการหงุดหงิดซึมเศร้า เมื่อพยายามลดการใช้ internet5. ใช้ Internet นานเกินกว่าความตั้งใจ6. สูญเสียความสัมพันธ์กับครอบครัวและผู้อื่น7. ใช้ internet เพื่อหลีกหนีปัญหา ท้อแท้ วิตกกังวล เบื่อหน่ายสาเหตุหลักของการติดคอมพิวเตอร์ (โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม หรือ โรคติดคอมพ์)
สาเหตุหลักที่เด็กติดคอมพิวเตอร์ นักวิชาการได้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มด้วยกันคือ
1. Cyber Sexual Addiction เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางเพศ ซึ่งอาจมีหลายคนที่ไม่มั่นใจในบุคลิกของตัวเองแล้วก็เกิดความหมกหมุ่นมากจนเกินไป จนอาจจะต้องถึงขั้นต้องได้รับการรักษา2. Cyber Relationship Addiction เป็นการติดในเรื่องของความสัมพันธ์ออนไลน์ เช่นการพูดคุยกันในกลุ่มมากกว่าการพูดคุยกันในครอบครัว3. Net Compulsion ประเภทชอบการตื่นเต้น คือพวกที่ติดการพนันออนไลน์ เพราะอยากชนะ4. Niformation Overload คือภาวะที่เราค้นหาข้องมูลทางอินเตอร์เน็ต ยิ่งค้นก็ยิ่งสนใจยิ่งอ่านมากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นเลย5. Computer Game Addiction เป็นการคลั่งเกมส์ซึ่งผู้เล่นอาจจะไม่ได้รู้จักกัน อาจจะอยู่กันคนละที่แต่ก็สามารถร่วมเกมส์และพลัดกันแพ้ชนะ
วิธีการรักษาอาการติดคอมพิวเตอร์ (โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม หรือ โรคติดคอมพ์)
คือเรา ต้องหยุด ต้องตัดใจให้ได้ หาสมดุลในชีวิตของเราให้ได้ ในส่วนของเยาวชนผู้ปกครองควรหากิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้กับเด็ก เช่น การเข้าค่ายอบรมธรรมทายาท ชาย-หญิง จะได้เป็นการตัดขาดจากโลกออนไลน์ เยาวชนจะได้เรียนรู้มุมมองของชีวิตอีกด้านหนึ่งอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป
โรคอื่นๆที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ที่ควรระวัง
โรคอื่นๆ ที่เกิดจากผลของการใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป
- อาการปวดศีรษะเรื้อรัง นอนไม่หลับ สาเหตุที่นอนไม่หลับเพราะว่าร่างกายได้รับตัวพลังงานคลื่น วิทยุมากเกินไปซึ่งออกมาจากคอมพิวเตอร์ และจะมีผลทำให้ปวดศีรษะ- กระดูกคอบิด คด เบี้ยว กล้ามเนื้อตึง เช่นจะทำให้บ่า ไหล่ตึง และอาจจะรวมถึงข้อมืออักเสบ- ภาวะเส้นเลือดดำอุดตัน หรือโรคอีโคโนมี คลาสซินโดรม (Economy class syndrome) คือการนั่งนานเกินไปซึ่งพบในผู้โดยสารที่เดินทางใช้ระยะเวลาบินครั้งละนานเกิน 8 ชั่วโมงขึ้นไป เกิดจากการที่เลือดจับตัวเป็นลิ่ม หรือชิ้นเล็กๆ แล้วไหลเข้าไปตามกระแสเลือด อาจไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญของร่างกายวิธีการแก้ไขวิธีป้องกันและแก้ไขอาการโรคติดคอมพ์
ถ้าเรามีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ก็อย่าให้ติดกันหลายชั่วโมง ควรจะมีช่วงพัก 5-10 นาที ควรจะลุกเดินเพื่อเป็นการยืดเส้นสายของร่างกายบ้าง ในปัจจุบันนี้จะมีท่าการออกกำลังที่โต๊ะทำงานของเราเอง ซึ่งจะใช้เวลา 5-10 นาที ซึ่งจะทำให้เราได้ผ่อนคลายร่างกายได้รวมไปจนถึงการพักสายตาด้วย เพราะถ้าเราใช้สายตานานเกินไป ตาของเราก็จะล้า ตาแห้ง และร่างกายอาจจะเกิดภาวะการขาดน้ำได้ เราควรจะดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ และการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ เราก็ต้องนั่งในท่าที่ถูกต้อง คือนั่งหลังตรงจะทำให้กระดูกของเราไม่บิดเบี้ยวผิดรูปการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าที่ถูกต้อง
โรคติดคอมพ์ในทัศนทางธรรม
ในดีมีเสีย ในเสียมีดี การใช้คอมพิวเตอร์ในส่วนของอินเตอร์เน็ต ในความเป็นจริงแล้วให้ประโยชน์กับเรามากมายเลยทีเดียว โดยมีเครื่องมือสืบค้นทำให้เราเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้โดยง่าย แต่ถ้าเราไม่รู้จักแยกแยะประโยชน์จากการใช้งาน ผลเสียก็จะตามมาอย่างมากมาย เช่นจากข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ คือมีหนุ่มชาวปักกิ่งในประเทศจีน เล่นเกมส์จากคอมพิวเตอร์ 3 วัน 3 คืน ไม่พักจนในที่สุดก็เป็นลมตาย หลังจากการเช็คข้อมูลรายจ่ายจากการเล่นอินเตอร์เน็ตในรอบเดือนที่ผ่านมา จ่ายค่าอินเตอร์เน็ตไปประมาณ 50,000 บาท (คิดเป็นเงินไทย) หรือบางท่านก็ไม่ถึงขนาดเสียชีวิต แต่ต้องเสียอนาคตซึ่งมีตัวอย่างเยอะมาก เช่นเคยมีกรณีที่ออกข่าวทีวี เป็นชายหนุ่มที่ครอบครัวมีฐานะ มีธุรกิจส่วนตัว พ่อแม่ยอมทุ่มเงินเป็นล้านๆ เพื่อส่งลูกไปเรียนวิศวะที่ประเทศอังกฤษ แต่ลูกชายกลับไปคบเพื่อนที่ติดเกมส์ ปรากฏว่าตัวเองก็ติดเกมส์ด้วยจนไม่สนใจเรียนหนังสือ ในที่สุดทางมหาวิทยาได้ส่งหนังสือแจ้งมาทางเมืองไทย ว่าเขาไม่ได้ไปเรียนหนังสือเลย เดือดร้อนแม่ต้องไปตามตัวลูกชายและเจอลูกในสภาพที่ดูไม่ได้ ข้าวของสกปรก ห้องรกรุงรังแม่เห็นสภาพ เลยรับลูกชายกลับมาเมืองไทยปรากฏว่าลูกชายก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิมออกไปเล่นเกมส์นอกบ้าน จนแม่ต้องยึดรถ เขาก็เล่นต่อในบ้าน มีอยู่วันหนึ่งน้องสาวขอใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำรายงาน พี่ชายก็ขอเวลา 20 นาที เมื่อครบตามกำหนดเวลาก็ไม่ทำตามคำพูด น้องก็เลยดึงปลั๊กสายไฟออก พี่ชายโกรธและโมโหมากเลยยกคอมพิวเตอร์ทุ่มลงกับพื้น และอีกครั้งหนึ่งเมื่อพ่อเข้าไปหาลูกชายในห้องเพื่อแสดงความรักและห่วงใย แต่ในขณะนั้นลูกชายกำลังหงุดหงิดรำคาญใจ เลยผลักพ่อล้มลงศีรษะฟาดพื้น จนต้องส่งโรงพยาบาล ลูกชายยืนมองรถพยาบาลจนพ่อลับสายตาไป เขาเลยสะท้อนใจกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คิดถึงเรื่องราวหลายๆ อย่างกับชีวิตของเขา และเขาก็ตัดสินใจเลิกเล่นเกมส์ หันมาออกกำลังกาย และตั้งใจเรียน ปรับเปลี่ยนตัวเองกลับกลายเด็กดีได้เหมือนเดิม
สาเหตุที่เยาวชนหรือคนทั่วไปติดเกมส์
บางคนที่ชอบสืบค้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ เมื่อหาได้เยอะก็จะเกิดความภาคภูมิใจว่าตัวเองเก่ง ยิ่งถ้าได้พูดคุยหรือบอกเล่าในสิ่งที่ตนเองค้นคว้ามาได้ก็จะยิ่งภาคภูมิใจ และจะเป็นแรงกระตุ้นให้ ตนสืบค้นต่อไป ก็จะไม่ต่างอะไรกับการติดเกมส์ การที่เราจะแก้สาเหตุเหล่านี้ ก่อนอื่นเราต้องแก้ความคุ้นเคย คือเจ้าตัวจะต้องใจเด็ด และคนรอบข้างก็มีความจำเป็นที่จะต้องคอยช่วยเหลือ และต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เช่นไม่ให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในบ้านหลงเหลืออยู่เลยถ้าเรามีความตั้งใจจริงภายใน 3 สัปดาห์ รับรองได้เห็นผล แล้วก็ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การเข้าโครงการอบรมธรรมทายาท ได้ฝึกฝนเรียนรู้ธรรมะ ได้นั่งสมาธิ ได้ฝึกตัวฝึกใจ กลับไปเราจะได้เป็นคนใหม่ คิดใหม่ เปลี่ยนจากสภาพเดิม ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว ไม่ใช่เพียงแต่ติดคอมพิวเตอร์ แม้แต่ติดเหล้าบุหรี่ พอได้บวชได้อบรม ทุกอย่างก็เลิกได้หมด เพราะว่าเราได้ห่างจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ สร้างนิสัยใหม่ที่ดี และให้เข้าใจว่าสิ่งที่ภาคภูมิใจในชัยชนะหลอกๆ ที่เราได้รับนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เราต้องกล้าที่จะเผชิญกับความเป็นจริงคว้าชัยชนะในความเป็นจริง ชนะในการร่ำเรียนเขียนอ่านมีความรู้ มีหน้าที่การงานและประสบความสำเร็จ ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ นี่คือการชนะในชาตินี้ และเราก็ต้องชนะในโลกหน้าด้วยคือ เราต้องหมั่นทำความดีสร้างบุญสร้างกุศล เพื่อเป็นการปิดอบายไปสวรรค์ เมื่อเราทำเช่นนี้ในที่สุดเราก็จะชนะ คือชนะอย่างยิ่ง หมดกิเลสสามารถเข้าพระนิพพานได้ในชาติใดชาติหนึ่ง ถ้าเราชนะในชาตินี้ ภพชาติต่อไปเราก็จะชนะท่าบริหารแขนและไหล่ เป็นการผ่อนคลายจากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป(ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์)บริหารแขนและไหล่ หน้าคอมพิวเตอร์
ท่าบริหารแขนและไหล่
การทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ คงจะรู้สึกเมื่อยล้าบริเวณไหล่และแขนอยู่บ่อยๆ อาจเป็นเพราะการนั่งทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ นอกเสียจากการนั่งงอแขน และห่อไหล่ สำหรับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเมื่อยล้า ใช้เวลาไม่มาก ทำง่ายๆ ดังนี้
ท่าที่ 1
เหยียดแขนไปด้านหลัง ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หันฝ่ามือออกนอกลำตัว ยืดหดบริเวณข้อศอกช้าๆ และพยายามให้แขนทั้งสองข้างเหยียดตรง (ฝ่ามือยังคงประสานกันอยู่) นั่งให้ลำตัวตรง บริเวณหน้าอกตั้ง ค้างไว้ราว 10 วินาที
ท่าที่ 2
ใช้มือขวายกแขนซ้ายที่บริเวณข้อศอก ดันข้อศอกด้านซ้ายจนชิดลำตัว ท่อนแขนเหยียดตรง พร้อมกับหันลำคอ ศีรษะไปทางด้านซ้ายค้างไว้ราว 10-15 วินาที และเปลี่ยนข้างทำในลักษณะเดียวกัน
หยุดพักทำงานเพียงไม่กี่นาที แล้วลองทำตามท่าบริหารแขนและไหล่ทั้งสองท่าดู แล้วคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย
รับชมวิดีโอ
http://goo.gl/Mz5CX