“อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค”
       นี่คือปัจจัย 4 ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใดก็ตาม ในบรรดาปัจจัยทั้ง 4 ประการนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานแห่งการดำรงอยู่ของชีวิตก็คือ “อาหาร”


       อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สภาพสังคมแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้รูปแบบและวิถีการรับประทานอาหารของคนไทยไม่เหมือนเดิม โดยเปลี่ยนมานิยมอาหารฟาสต์ฟูด นิยมบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการบริโภค อาหารที่เคยทำกินกันเองในครอบครัว เปลี่ยนเป็นการไปกินอาหารนอกบ้านหรือซื้ออาหารที่สำเร็จรูปมารับประทานแทน
       
       ขณะเดียวกันด้วยความที่ทุกอย่างกลายเป็นการค้าที่คำนึงถึงเงินเป็นที่ตั้ง ได้ทำให้พ่อค้าแม่ขายจำนวนไม่น้อยใส่สารรักษาอาหาร สารกันบูดและอีกมากมายสารพัดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายลงไปในอาหาร
       
       นานวันเข้า พิษภัยที่สะสมเข้ามาในร่างกายทีละน้อยก็นำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บที่น่ากลัวไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ

       
       แม้หลายหน่วยงานจะออกมาเร่งจัดการกับภัยร้ายในอาหารที่เกิดขึ้นทั้งในรูปแบบของการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่และจำเป็นต้องใส่เกียร์เดินหน้าเพื่อจัดการอย่างจริงจัง
       
       สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กองโภชนาการ กรมอนามัย สรุปถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างน่าสนใจว่า รูปแบบการรับประทานอาหารของคนไทยมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยได้รับทั้งอิทธิพลจากทั้งชาติตะวันตกและตะวันออกที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้คนไทยมีรูปแบบการรับประทานอาหารที่ผิดไปจากเดิมมาก
       
       กล่าวคือจากที่เคยรับประทานข้าวและอาหารแบบไทยๆ น้ำพริก ปลาทู แกงเขียวหวาน ฯลฯ เป็นหลัก ก็เปลี่ยนมานิยมบริโภคสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีอยู่ในอาหารฟาสต์ฟูด อาหารพวกทอดๆ ย่างๆ มากขึ้น ขณะที่การรับประทานผักผลไม้น้อยลง เนื่องจากสะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการบริโภค
       
       ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและมะเร็งได้ง่ายขึ้นและยังเสี่ยงต่อโรคอื่นๆอีกมากมาย

       “การที่คนไทยกินผักผลไม้น้อยลงน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากทำให้สุขภาพของคนไทยเริ่มเข้าขั้นวิกฤต เพราะปกติแล้วเด็กไทยต้องรับประทานผัก 12 ช้อน ผู้ใหญ่ 24 ช้อน แต่ปัจจุบันเด็กกินผักเพียงแค่ 1 ช้อน และผู้ใหญ่ 2 ช้อนครึ่ง ทั้งที่ผักมีคุณอยู่มากมาย ทั้งสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านสารมะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีไฟเบอร์และใยอาหารช่วยในการขับถ่ายได้ดี รวมทั้งผักยังช่วยป้องกันโรคอีกหลายอย่าง”
       

       สง่ายังให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องอาหารยอดฮิตอีกชนิดหนึ่งคือหมูกระทะและเนื้อย่างเกาหลีว่า ส่วนใหญ่แล้วคนที่รับประทานอาหารประเภทนี้จะเน้นไปที่อาหารคาว จำพวกเนื้อ,ปลา,ลูกชิ้นและอื่นๆเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่รับประทานผักน้อย เนื่องจากเสียเงินไปแล้วต้องรับประทานให้คุ้ม ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด
       
       ทั้งนี้ เนื่องจากอาหารพวกนี้เกินความจำเป็นต่อร่างกาย ถ้าบริโภคมากเกินไปจะส่งผลเสียตามมาคือ การเผาผลาญในร่างกายเสียสมดุลและยังเป็นตัวดึงเอาแคลเซียมออกมาจากร่างกายทำให้มวลกระดูกบางขึ้น แถมยังเสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งในเนื้อ เนื่องจากไขมันของเนื้อที่ทำปฏิกิริยากับไฟ ทำให้เกิดควันเกาะที่เนื้อที่กินเข้าไป และส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าร้านมีกระบวนการทำอาหารอย่างไร ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ทั้งยังได้รับโซเดียมเกินความจำเป็นของร่างกาย จากน้ำจิ้มที่ส่วนใหญ่มีรสเค็ม และเสี่ยงต่อสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสัตว์ ที่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีแนวโน้มการใช้ลดลงแต่ไม่ใช่ว่าจะหมดไป

       “สิ่งที่ทำตอนนี้คือ ทำโครงการเกี่ยวกับโภชนาการการสร้างค่านิยมอาหารไทยให้เข้าไปแทรกแทนอาหารของชาติตะวันตก โดยที่จะใช้วิธีการนำอาหารไทยๆ เช่น ขนมจีน แกงส้ม ส้มตำไก่ย่าง น้ำพริกต่างๆ และอาหารไทยอื่นๆ มาสร้างแบรนด์ของอาหารเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จักและให้รู้ถึงคุณประโยชน์ของอาหารไทย และส่งเสริมให้มาบริโภคผักผลไม้ให้มากขึ้น”
       
       ด้าน อาจารย์แก้ว กังสดาลอำไพ หัวหน้าฝ่ายพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาหารฟาสต์ฟูดต่างๆของชาติตะวันตกมีบทบาทอย่างมากในสังคม อาหารชนิดนี้ถ้ามีสารอาหารครบถ้วนก็ถือว่าไม่เสียหาย แต่ปัจจุบันอาหารเหล่านี้ไม่ค่อยมีวิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในผักผสมอยู่ มีแต่เนื้อสัตว์และแป้งที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง ส่งผลให้ขาดสารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุไป ทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่ายเนื่องจากไม่มีภูมิคุ้มกัน ถ้ายังติดนิสัยการกินแบบเดิมๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงในสุขภาพของคนไทย
       
       อย่างไรก็ตาม อาหารที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือ อาหารทะเล เช่น เนื้อปลา,ปลาหมึกและอาหารทะเลอื่นๆ เพราะยากที่จะแยกได้เลยว่า มีความสดสะอาดหรือมีสารพิษเจือปนหรือไม่ ส่วนเนื้อปลาที่นำมาจำหน่ายก็ไม่รู้ว่าเป็นปลาชนิดใด บางแห่งนำเนื้อปลาปักเป้าออกมาจำหน่ายแทน เพราะมีราคาถูกกว่าเนื้อปลาชนิดอื่นๆ เนื้อปลาชนิดนี้มีอันตรายต่อผู้บริโภค ถ้ามีกระบวนวิธีการทำที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เสียชีวิตได้ และสถานประกอบการบางแห่งมีสารฟอร์มาลีนเจือปนอยู่ในปลาหมึก สารนี้ถ้าสะสมอยู่ในร่างกายมากๆ จะส่งผลกระทบต่อร่างกายคือเป็นตัวทำลายไตและตับ
       
       เช่นเดียวกับน้ำดื่มบรรจุขวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดที่มีกรรมวิธีในการผลิตไม่ถูกต้องไม่ได้มาตรฐานมักจะมีสารตะกั่วเจือปนอยู่ในน้ำดื่ม เรื่องนี้ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน
 
 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง