
วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ถือว่าเป็นวันสตรีสากลที่สหประชาชาติกำหนดขึ้น ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศภาคีสมาชิก ที่เห็นความสำคัญและบทบาทของสตรีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศใด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงจัดงานแถลงข่าว การจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2550 เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานดีเด่น พร้อมแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมสถานภาพสตรี และความสมานฉันท์ของคนในชาติ
สุวิทย์ ขันธาโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า เพื่อการยอมรับในความรู้ ความสามารถของสตรี ตลอดจนให้สังคมไทยโดยรวม ตระหนักในความสำคัญในบทบาทของสตรีในการพัฒนา ศักยภาพสตรี การส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย รวมไปถึงการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของสตรีในอนาคตอีกด้วย
"ตอนนี้ทางกระทรวงพัฒนาฯ ได้ร่างระเบียบของกระทรวงเรื่องการอนุญาตให้สามีสามารถหยุดงานได้ 15 วันต่อเนื่อง เพื่ออยู่ดูแลภรรยาในระหว่างคลอดบุตร โดยมีข้อแม้ที่ว่า ต้องลาหยุดในช่วงที่ภรรยาลาคลอด จะก่อนหรือหลังคลอดก็ได้ ซึ่งร่างฉบับนี้ได้ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงนำเข้า ครม.ก็ประกาศใช้ได้เลย เพราะระเบียบข้อนี้ไม่ได้บังคับใช้เป็นกฎหมาย จึงไม่ต้องนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา" ผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว แจง
พร้อมกันนี้ภายในงานแถลงข่าวได้จัดให้มีการเสวนาเรื่องบทบาทสตรีไทย ในความเป็นสากล จากผู้หญิงเก่งในหลากหลายวงการ เริ่มจาก กาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในบทบาทการทำหน้าที่ปกครองในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานภายใน จ.ระนอง เป็นอย่างดี เพราะก่อนที่จะมานั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ นั้น เคยเป็นรองผู้ว่าฯ และเป็นข้าราชการในหน่วยงานพัฒนามาตลอด การประสานและการลงพื้นที่ทำงาน จึงไม่ใช่ปัญหาและเรื่องที่หนักสำหรับผู้หญิงเช่นเธอ
"หลักที่ยึดปฏิบัติในการทำงานที่สำคัญคือ เรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต ถ้ามีใครคิดไม่ดีและได้ยินมาจะบอกเลยให้เลิกคิด เพราะถ้าไม่ซื่อสัตย์จะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ให้ไปทำที่อื่น และเมื่อไปทำที่อื่นก็จะไม่เจริญ ไม่เติบโตในหน้าที่การงาน พร้อมกันนี้ความเป็นผู้หญิง ความเป็นแม่ของลูก ทำให้การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไปอย่างอ่อนโยน มีเมตตา จึงทำให้ใครก็ตามที่มีปัญหากล้าที่จะมาบอกกล่าว ทำให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่วนข้อด้อยในบทบาทนักปกครองของผู้หญิง ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นเรื่องสังสรรค์เฮฮา ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายจะถึงไหนถึงกัน แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นผู้หญิงไม่ดื่มเหล้า และไม่ค่อยชอบเข้าสถานบันเทิง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีของผู้ปฏิบัติงานในทุกส่วนลดน้อยลงไป"
ในขณะที่ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวว่า บ่อยครั้งที่เดินทางไปบรรยายธรรมะในต่างประเทศ จะพบเห็นได้จากประสบการณ์ตรงด้วยตัวเอง แม่ชีจะเป็นหญิงที่ได้มีบทบาทบนเวทีต่างๆ เสมอ เสมือนว่าช่วงนี้โลกต้องการผู้หญิงในทุกๆ เวทีเพื่อต้องการพัฒนาจิตใจ
"เวลามองภาพของผู้หญิงจะมองไปที่หัวใจ ไม่ได้มองแค่เพียงภายนอก สังคมโลกในตอนนี้ต้องการบทบาทของผู้หญิงที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม อย่างแม่ไปงานที่บาหลี นักบวชส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้น แม่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวบนเวทีที่เขาให้ขึ้นไป ทำให้เห็นชัดว่าทุกเวทีนั้นต้องการผู้หญิง ต้องการให้ช่วยพัฒนาจิตใจ" แม่ชีศันสนีย์ กล่าว
ปิดท้ายกันที่ "น้ำผึ้ง" ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ บอกว่า ส่วนตัวทำงานใน 2 บทบาท คือ ในบทการเป็นดารา และอีกบทบาทหนึ่งคือการช่วยเหลือสังคม ซึ่งในตอนแรกสับสนกับการวางบทบาทตัวเอง เพราะความเป็นดารานั้นต้องสวย ต้องดูดี แต่เมื่อเข้าไปช่วยงานสังคม อย่างไปช่วยงานที่เขาเขียวดูแลสัตว์ ถ้าจะแต่งตัวเข้าไปก็คงทำงานลำบาก ซึ่งกว่าจะวางบทบาทให้ที่แตกต่างกันได้ลงตัวก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
ส่วนกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม เนื่องในวันสตรีสากลที่สโมสรกองทัพบก จะมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจำนวน 14 สาขา แก่สตรีดีเด่นในหน่วยงานต่างๆ พร้อมทั้งยังมีการเสวนาเรื่องสตรีกับความสำเร็จบนรากฐานของความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย เพื่อให้สาธารณชนรับทราบถึงศักยภาพ และความสามารถของสตรีไทย ในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง
