"ปู" อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ หันหลังให้วงการบันเทิง บวชเงียบ ที่วัด จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ฉายา ปิยศรีโล เผยก่อนบวช เคยนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน เปรยบวชทำให้ชีวิตเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น

หลังจากหายหน้าหายตา จากวงการบันเทิงไปนาน สำหรับนักแสดงชื่อดังค่ายเอ็กแซ็กท์ "ปู" อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ หรือ "ปู" สามีอดีตนางเอกคนดัง ขวัญฤดี กลมกล่อม หรือ "ขวัญ" ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดอินทราราม หมู่ 6 บ้านคลองเมือง ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พบอดีตพระเอกดังอยู่ในผ้าเหลือง จำวัดอยู่ภายในกุฏิไม้ชั้นเดียวคล้ายกับทรงไทย แต่ชาวบ้านที่อยู่ภายในวัดต่างเรียกว่า กุฏิรีสอร์ท

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงพี่ปู เดินลงจากกุฏิด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบไปด้วยผลบุญ เพื่อไปทำวัตรเย็นภายในอุโบสถกับพระครูศิริวรวัฒ เจ้าอาวาสวัดอินทราราม จนกระทั่งการทำวัตรเย็นเสร็จเวลาประมาณ 18.00 น. หลวงพี่ปูเดินลงมาจากอุโบสถ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ในที่สุดหลวงพี่ปูก็ออกมาพูดว่า รอสักครู่ ขอไปห่มจีวรใหม่ก่อน

 

 จากนั้น หลวงพี่ เล่าว่า ชีวิตก่อนจะเดินเข้าหาพระธรรม เคยนับถือศาสนาคริสต์ ประกอบกับในครั้งที่มีการถ่ายทำละคร "กษัตริยา" ของบริษัท กันตนา ได้พบกับเจ้าอาวาสวัดนี้ จากที่พูดคุยกับท่านแล้ว มีความรู้สึกเลื่อมใส ระหว่างนั่งฟังธรรมจากท่านอยู่นั้น ก็คิดขึ้นมาว่าจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธดีไหม พอโยมพ่อโยมแม่ไม่ได้ท้วงติงอะไร จึงตัดสินใจมานับถือศาสนาพุทธ ประมาณปลายเดือนมกราคม 2550 จึงตัดสินใจบวชร่วมกับเพื่อนๆ เป็นเวลา 9 วัน ได้รับฉายา ปิยวฺฒโณ

 

 จังหวะที่ลาสิกขาในครั้งแรกมีความรู้สึก ว่ายังไม่อิ่มในรสพระธรรม มีความรู้สึกว่ายังมีอะไรอีกมากที่น่าจะได้ศึกษาและเรียนรู้อีกมาก จากนั้นมาจึงหยุดรับงานแสดง เคลียร์ทุกอย่างลงตัว จึงตัดสินใจบวชเป็นครั้งที่สอง เมื่อหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้ฉายาว่า ปิยศรีโล ตั้งใจไว้ว่าบวชเพียงสองสัปดาห์น่าจะเข้าใจในพระธรรม คาดว่าจะลาสิกขาก่อนเข้าพรรษา และจะกลับไปแสดงละครเหมือนเดิม

 

 นอกจากนี้ พระรูปเดิมกล่าวถึงวัตรปฏิบัติระหว่างบวชว่า ตื่นเช้ามาก็ต้องทำวัตรเช้า และทำวัตรเย็นเหมือนพระสงฆ์ทั่วไป ส่วนในช่วงบ่ายก็จะอ่านหนังสือธรรมะที่อยากจะเรียนรู้ แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้ทำก็คือ ตอนเช้าจะไม่ได้ออกไปบิณฑบาต ส่วนใหญ่จะมีญาติโยมเดินทางมาถวายอาหารทุกเช้า

 

 ซักถามว่าตั้งแต่บวชเรียนมา ได้อะไรบ้าง ซึ่งได้รับคำตอบว่า ได้เยอะมาก ในแง่ของความเป็นคน ให้หายฟุ้งซ่าน บางครั้งอาจหาเหตุผลไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ศาสนาพุทธสอนให้เรียนรู้ว่าธรรมะก็คือธรรมชาติ ถ้ามองในแง่วิทยาศาสตร์ก็จะพิสูจน์ได้ รวมทั้งอธิบายถึงเหตุและผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งทำให้รู้ที่มาของความทุกข์ นำหลักธรรมเหล่านั้นมาดับทุกข์ จนช่วยให้รู้ว่าสุขและไม่สุขเป็นอย่างไร หรือมีเหมือนไม่มีได้อย่างไร

 

 "หลวงพี่คิดว่าการบวชครั้งนี้ ทำให้เปลี่ยนตัวเองได้เยอะ อารมณ์จะเย็นขึ้น พบว่าเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา รู้ลมหายใจเข้าออก ตรงนี้ให้เรารู้อีกว่าเรามีเกิด ก็ต้องมีอยู่ แล้วก็ต้องมีดับไป ทุกอย่างมันก็เป็นไตรลักษณ์ คือความไม่เที่ยง หลวงพี่คิดว่าถ้าเรามีสติอยู่ตลอดเวลา มันก็จะไม่พลาดอะไรง่ายๆ" หลวงพี่ปู เปรียบเทียบถึงหลักธรรมอย่างอารมณ์ดี

 

 ต่อข้อถามถึงสาเหตุที่มาบวช เกี่ยวกับที่มีข่าวลือ ว่าโดนไสยศาสตร์เล่นงาน ใช่หรือไม่ หลวงพี่ปู อธิบายอย่างเลี่ยงๆ ว่าของแบบนี้ถ้าถามว่าเชื่อไหม คงตอบว่าเชื่อ ถ้าในโลกนี้คิดว่ามีเทวดา เรื่องคุณไสยก็คงมีบ้าง อาจเรียกว่าเป็นวิชาเดียวกัน แต่คนเราเอามาใช้ผิดทาง มันก็เลยกลายเป็นสิ่งไม่ดี จากควรให้ศีลให้พรกัน ในทางกลับกันเป็นการแช่งกัน มันก็เลยเกิดเป็นสิ่งไม่ดีตามมา

 

 "มาวันนี้หลวงพี่มีพระอยู่ที่ใจ เราก็เลยไม่ต้องกังวลกับสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราปฏิบัติดี ถือศีล 5 ได้ สิ่งที่เรียกว่าคุณไสยก็คงทำอะไรเราไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันอยู่ที่เราทำ ถ้าเราเป็นคนทำอะไรไม่ดี ก็ต้องได้อย่างนั้น พอมาถึงตรงนี้แล้ว มันจะทำให้เราเชื่อเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งเราเกิดมากี่ชาติแล้วก็ไม่รู้ เราอาจจะทำอะไรกับคนคนนี้ไป ถึงเวลาเขาเกิดมาร่วมชาติ เขาก็มาทำเรา แทนที่เราจะมานั่งสงสัย ว่าทำไมถึงมาทำอะไรกับเราแบบนี้ หลวงพี่ก็คิดว่า เราก็ใช้กรรมให้เขาไปด้วยการอุทิศผลบุญนี้ให้ ชีวิตก็จะไม่ขุ่น ชีวิตก็จะสบายขึ้น" หลวงพี่ปู กล่าวทิ้งท้ายด้วยใบหน้าสงบ
 
 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง