อธิบดีกรมสุขภาพจิตชี้ วัยรุ่นไทย 70%
อยากปรึกษาความรักกับพ่อแม่แต่ไม่กล้า แพทย์ระบุ วัยรุ่นมีกิ๊กเกลื่อน
เสี่ยงเสียตัวสูง แนะพ่อแม่ครูเปิดใจคุยเรื่องความรัก
สร้างทักษะการคบเพื่อนต่างเพศ ศธ.รับลูกคุมเข้มดูแลเด็ก 10 คนต่อครู 1 คน
น.พ.ม.ล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในงานแถลงข่าวโครงการ "Learn to Love
รู้ทันรักกับไบเออร์ เชริง ฟาร์มา และกรมสุขภาพจิตปี 2" ณ
ห้องประชุมกัลยาณมิตร บริษัท รักลูกแฟมิลี่กรุ๊ป จำกัด ว่า
จากผลการวิจัยพบว่า วัยรุ่นไทย 70%
อยากปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครองและครูเวลาประสบปัญหา
เกี่ยวกับความรักแต่ไม่กล้าเพราะกลัวถูกตำหนิ
กรมสุขภาพจิต
จึงร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดโครงการดังกล่าวขึ้น
เพื่อให้วัยรุ่นกล้าปรึกษาปัญหาความรักกับผู้ปกครอง
รวมถึงให้ความรู้กับวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การพูดจา การแชท
เพื่อให้วัยรุ่นปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และพบว่าปัจจุบันวัยรุ่นมีทักษะในการปฏิเสธคนรักและเพื่อนน้อยลง
จึงควรเร่งแก้ไข แม้การเรียนรู้เรื่องความรักจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปิด
แต่มีวิธีเรียนรู้ทางอ้อมได้
พ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์
ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิต เขต 13 กรมสุขภาพจิต สธ. กล่าวว่า
วัยรุ่นปัจจุบันมีปัญหาความพลาดพลั้งและชอบสนุกกับความรักแบบแปลกๆ เช่น
การมีกิ๊กมาก และไม่กล้าพูดเรื่องความรักกับพ่อแม่อย่างเปิดเผย
เนื่องจากปัญหาช่องว่างระหว่างวัย
เป็นพฤติกรรมวัยรุ่นที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ไข
เพราะจะส่งผลกระทบกับชีวิตวัยรุ่นในระยะยาว
"พ่อแม่ที่เข้าใจ ดูแลลูก
และเปิดใจพูดคุยปัญหาความรักกับลูก
จะส่งผลทำให้เด็กแก้ปัญหาเกี่ยวกับความรักได้ดีกว่าเด็กที่พ่อแม่ปิดกั้น
เพราะสามารถสร้างทักษะในการคบเพื่อนต่างเพศแก่เด็ก
รู้จักวิธีป้องกันตนเองในเรื่องของความรัก" พ.ญ.อัมพร กล่าว
ด้าน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
กล่าวว่า หากวัยรุ่นไม่มีที่ปรึกษาที่ดี
อาจเพลี่ยงพล้ำเรื่องความรักได้ง่าย กพฐ.จึงร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต
เปิดระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน โดยจัดครู 1 คนต่อนักเรียน 20 คน
เพื่อปรึกษาปัญหาความรัก
โดยประสานผู้ปกครองให้ทราบถึงปัญหาของวัยรุ่นอย่างใกล้ชิด
เพื่อสร้างภูมิต้านทานมีความรักอย่างชาญฉลาด
ที่มา-