หากพูดถึงความต้องขั้นพื้นฐานของมนุษย์คงหนีไม่พ้นปัจจัย 4 ที่ประกอบไปด้วย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และการที่มีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย คือหลักการสากลเบื้องต้นที่เป็นจุดของคุณภาพชีวิตที่ดี
       ดังนั้น ในปีพ.ศ.2519 มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากล (Habitat for Humanity International) จึงได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อมุ่งขจัดปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัยของคนทั่วโลก และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับอัตภาพของเจ้าของบ้านที่มีรายได้น้อย โดยการร่วมมือกับพันธมิตรทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกกลุ่มอาชีพ เพื่อให้บ้านเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขอย่างแท้จริง
       
       สำหรับในประเทศไทย แน่นอนว่า ก็มีสาขาของมูลนิธิฯ นี้ตั้งอยู่เช่นเดียวกัน
       
       พนิดา ปัญญางาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย บอกว่า ปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้สร้างบ้านในไทยไปแล้วกว่า 2,000 หลัง และช่วยเหลือคนไทยได้มากกว่า 10,000 คน มีการดำเนินงานทั้งหมด 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, อุตรดิตถ์, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, นครราชสีมา, อุดรธานี, ขอนแก่น, ชลบุรี, ระยอง, และกรุงเทพฯ ซึ่งยังจะขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
       
       สำหรับการสร้างบ้านให้แก่ผู้ยากไร้มีหลักเกณฑ์คือ ผู้ต้องการความช่วยเหลือต้องขัดสนที่อยู่อาศัย มีที่ดินเป็นของตัวเอง หรือมีสัญญาเช่าที่ดิน 10 ปีขึ้นไป, มีเงินรายได้ต่อครอบครัว 5,000-15,000 บาท/เดือน, มีเงินออม 25% ของราคาบ้าน, ต้องผ่อนส่งค่าบ้านคืนเริ่มต้น 500 บาทหรือตามศักยภาพโดยไม่มีดอกเบี้ย
       
       ด้าน พิมสุดา กุลศิริ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ ม.อัสสัมชัญ ผู้ที่เคยร่วมเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิฯ เล่าว่า การทำงานในมูลนิธิฯ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยสร้างบ้านให้ใคร และในช่วงปิดเทอมปี 2550 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านในชุมชนที่เราไปช่วยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
       
       “ตอนแรกยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่พอเห็นรอยยิ้มของชาวบ้านแล้วรู้สึกภูมิใจไปกับเขา เพราะชาวบ้านรายได้น้อยไม่มีโอกาสซื้อบ้านเป็นของตัวเอง และการเข้าร่วมโครงการนี้ทำให้รู้ว่า ‘บ้าน’ คือจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆ ในชีวิต” พิมสุดา บอกด้วยความภูมิใจ
       
       และล่าสุดมูลนิธิฯ ได้คัดเลือก ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มาเป็นทูตในโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงประชาชนให้รู้จักมูลนิธิฯ มากยิ่งขึ้น และเป็นแกนนำเยาวชนไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำสิ่งดีๆ ให้แก่สังคม
       
       “รู้สึกดีใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่นี้ โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่ให้โอกาสฟันเฟืองเล็กๆ อย่างผมเข้ามามีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคม เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ เพื่อที่คนไทยจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ฟิล์มแสดงความคิดเห็น
 
 
 
 
 
 
ที่มา-
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง