รณกฤต ศิริสกุลทรัพย์ หรือ แบงก์ในอดีตเขาลองมาแล้วทุกอย่างที่คนหนุ่มอยากเรียนรู้เวลาว่างหมดไปกับการเที่ยวเตร่
ไม่เอาใจใส่การเรียนที่แผนกการขาย วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง
บ่อยครั้งที่โดดเรียนไปอยู่ตามร้านเกม ตกเย็นตระเวนเที่ยวไปตามร้านเหล้าต่างๆ
"ผมใช้สิทธิโดดเรียนเต็มที่เช่น วิชานี้ขาดเรียนได้ 4 ครั้ง ก็ขาดครบจำนวน"
แบงก์ บอกพร้อมกับอธิบายว่า เขาไม่ใช่เด็กเรียนดีมาก่อน เวลาเรียนวิชายาก อาการปวดหัวเลยกำเริบ
สมัยเรียน ปวช. ปี 2 แบงก์มีคุณสมบัติที่จะถูกรีไทร์ครบทุกประการทั้งทำคะแนนเฉลี่ยสะสมได้ต่ำกว่า 1.5
และขาดเรียนเกินกว่า 20%
แต่โชคดีเมื่อวิทยาลัยเทคนิคดอนเมืองเข้าร่วมโครงการส่งเสริมคุณธรรม
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ส่งเสริมให้วิทยาลัยในสังกัด
จัด "ค่ายอิงกันแบ่งปันความสุข" พานักศึกษาไปเป็นพี่เลี้ยงพาน้องๆ ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย
บ้านนนทภูมิ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ไปเข้าค่ายและทัศนศึกษาที่ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
คอยดูแลน้องบัดดี้ทั้งเวลาที่อยู่ในค่ายหรือออกไปทัศนศึกษาตามที่ต่างๆ
นฤมลคงสุโข อาจารย์ประจำแผนกช่างกลโรงงาน วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง บอกว่า
การให้นักเรียนทำกิจกรรมร่วมกับเด็กพิการนั้น เพื่อให้พวกเขาได้เห็นชีวิตคนอื่นที่ยากลำบากกว่า
แล้วเป็นบทเรียนสะท้อนกลับมาพิจารณาชีวิตของตัวเอง เกิดแรงผลักดันให้ปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้น
แบงก์ ลงชื่อสมัครกิจกรรมนี้เป็นรายที่สอง ตอนนั้นเขาคิดแค่ไปเที่ยวฟรี กินฟรี โดยไม่รู้เลยว่าค่ายนั้นจะเปลี่ยนเขาเป็น "คนใหม่"
น้องบัดดี้ของแบงก์ คือเหตุผลที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะนอกจากจะพิการที่ขาแล้ว ไม่มีทั้งพ่อแม่
แต่เขาก็พยายามช่วยตัวเองเท่าที่ทำได้ ซักผ้าเอง และทำอะไรอีกหลายอย่างด้วยตัวเอง
กลับจากค่ายแล้วแบงก์เข้าเรียนทุกวิชาและช่วยทำงานบ้าน ทุกวันหยุด
ไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลเด็กสถานดูแลเด็กพิการ หรือเด็กกำพร้าต่างๆ เขาทำทุกอย่างในนั้นตั้งแต่ป้อนนมเด็กไปจนถึงขัดห้องน้ำ
เลิกเล่นเกม เลิกดื่มเหล้า เขา ตั้งใจว่าจะต้อง สำเร็จการศึกษา ปวช.ได้เกรดเฉลี่ย 3.00 และยังคงเป็นอาสาสมัครเพื่อเด็กต่อไป
ที่มา-
