|  | เพิกถอนใบขับขี่ ติดคุก 10 ปี ถูกปรับ 2 แสนบาท  คนไทยได้รับการจัดลำดับให้เป็นประเทศที่บริโภคสุรามากเป็นอันดับ 5
ของโลก นับเป็นท็อปชาร์ตที่ประเทศไหน ๆ
ในโลกก็คงไม่พิสมัยจะให้มีชื่อปรากฏเป็นลำดับต้น ๆ  
 
ผลพวงอันเนื่องมาจากการดื่มสุราเป็นที่ทราบกันดีว่านำมาซึ่งความสูญเสียหลาย
ๆ อย่าง  ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพและปัญหาสังคมต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น มาจากการขาดสติที่มีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การเกิดอุบัติเหตุทางถนน  ทุกครั้งที่มีเทศกาลรื่นเริงก็จะกลายเป็นเทศกาลนับศพกันอย่างที่เห็น
 มาตรการที่ภาครัฐได้ออกมารณรงค์ทั้งในการป้องกันและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ก็ยังไม่สามารถลดสถิติการตายและการบาดเจ็บของประชาชนในช่วงที่มีเทศกาลรื่นเริงที่มากับความเมาได้ 
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ไม่รุนแรงจึงไม่ส่งผลกระตุ้นความสำนึกรับผิดชอบ ของคนใช้รถใช้ถนนได้เหมือนประเทศอื่น
ที่เพียงแค่ตรวจพบแอลกอฮอล์ยังไม่ไปชนใคร ก็มีโทษปรับเป็นหลักหมื่นบาท
จึงทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นแม่งานหลัก
ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม  ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
มูลนิธิเมาไม่ขับและพันธมิตรในการลดอุบัติเหตุ
 ได้เสนอแก้ไขเพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่เมาสุราขณะขับรถ
โดยได้ผลักดันกฎหมายดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2546
 และมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา ปรับปรุงแก้ไขมาหลายครั้งตลอด 4 ปี
ที่ผ่านมา
 ในที่สุดการแก้ไขกฎหมายก็นำมาสู่การประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว    
 
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานจราจร
เปิดเผยว่า  จากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านความเห็นชอบ แก้ไข
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 7)
 เกี่ยวกับการเพิ่มโทษผู้ขับขี่ขณะเมาสุรา 
ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่
30 ธ.ค.  หรือในช่วงปลายปี 2550
โดยในการประชุมบริหารงานจราจรประจำเดือนมกราคม
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการตั้งด่านตรวจจับผู้ขับขี่ที่มึนเมาสุรา ได้แจ้งข้อมูลให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้ทราบ
ซึ่ง
การกำหนดโทษตามกฎหมายใหม่นี้จะมีโทษสูงตามลำดับความรุนแรงของอุบัติเหตุ
ไม่เหมือนกับกฎหมายเก่าที่ผ่านมา
ที่ไม่ว่าผู้ขับขี่รถจะเพียงแค่มีแอลกอฮอล์เกินกว่าปกติ
หรือไปก่อเหตุชนคนตาย ก็มีโทษตามพ.ร.บ.จราจรทางบกเท่ากันคือ จำคุกไม่เกิน
3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และให้ศาลมีคำสั่งคุมประพฤติ ทำงานบริการสังคม 12-48 ชั่วโมง
ถูกบันทึกคะแนน 40 คะแนน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 15 วัน
จะเห็นได้ว่ากฎหมายดังกล่าว ยังมีความปรานีต่อผู้กระทำผิดมาก
เพราะศาลจะใช้ดุลพินิจตัดสินโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือจะสั่งทั้งจำคุกและปรับก็ได้ แต่ในกฎหมายใหม่นี้
จะมีโทษในเรื่องของการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เข้ามาด้วยเป็นคำสั่งที่มีผลในทุกกรณี
ไม่ว่าจะเพียงแค่ขับขี่รถในขณะเมาสุรา
หรือการขับขี่ในขณะเมาแล้วไปก่ออุบัติเหตุทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ซึ่งคำสั่งในเรื่องการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ก็จะมีระยะเวลายาวนานขึ้นตามระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุ
และศาลมีอำนาจตัดสินถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่เลยก็ได้
ซึ่งหมายถึงบุคคลนั้นจะไม่สามารถขับขี่รถได้อย่างถูกกฎหมายอีกต่อไป
สำหรับคนที่มีอาชีพในการขับรถแล้วยิ่งต้องเพิ่มความตระหนักในเรื่องนี้เพราะมิฉะนั้นก็คือหมดหนทางทำมาหากินด้วยการขับรถเป็นการถาวร
    | 
 
 



