หลวงปู่วัดปากน้ำ ให้ความสำคัญกับพระบาลี
หลวงปู่วัดปากน้ำให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนพระบาลีอย่างไร ?
1. หลวงปู่ท่านศึกษาพระบาลีจนแตกฉาน โดยท่อง ตำราบาลีได้อย่างขึ้นใจ เช่น คัมภียร์มูลกัจจายน์ มงคล ทีปนี และสารสังคหะ เป็นต้น
ดังจะเห็นได้จากพระธรรมเทศนาของท่าน ทุกๆ กัณฑ์ เทศน์หลวงปู่จะยกพระบาลีขึ้นมาก่อนเสมอ และหากได้ เคยฟังเสียงของหลวงปู่จะได้ยินหลวงปู่พูดภาษาบาลีได้ อย่างคล่องแคล่ว แปลได้อย่างแตกฉาน
จนในสมัยที่ท่านเรียนพระบาลีอยู่ หลวงปู่สามารถตั้ง โรงเรียนสอนบาลีขึ้นเองได้ที่วัดพระเชตุพนฯ
2. หลวงปู่สนับสนุนการศึกษาพระบาลี ท่านได้ตั้ง โรงเรียนพระปริยัติขึ้น ในปี พ.ศ. 2493 เป็นอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น ทันสมัย มีอุปกรณ์เครื่องใช้ พร้อม สามารถรับนักเรียนได้เป็นจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ใน วงเงิน 2 ล้าน 5 แสนบาทเศษ (2,598,110.39 บาท)
การสร้างอาคารเรียนที่มีขนาดใหญ่มาก เป็นเรื่องที่ เป็นไปได้ยากในสมัยนั้น แม้จะถูกใครคัดค้านตักเตือน หลวงปู่ไม่สนใจ มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จเท่านั้น
แม้จะพระภิกษุหลายรูปปวารณาตัว ที่จะออกเทศน์ หาเงินสร้างช่วย เพราะทุนทรัพย์ในการบริหารวัดขณะนั้น อาจมีไม่เพียงพอ
แต่หลวงปู่ก็เคยไม่ได้ให้พระภิกษุเหล่านั้นช่วยเหลือ เลย และย้ำอีกว่า “ข้าจะอยู่ในวัดเฉย ๆ อย่างนี้แหละ แล้ว
จะหาเงินมาสร้างโรงเรียนเอง สร้างได้ซี่น่ะเลี้ยงพระยัง เลี้ยงได้ แล้วสร้างโรงเรียนทำไมจะสร้างไม่ได้ เรื่องจะไป เทศน์หาเงินน่ะหรือ เทศน์จนตายก็ยังไม่ได้เงินถึงล้าน หรอก”
จนในที่สุดโรงเรียนพระปริยัติก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง หลวงปู่ตั้งชื่อโรงเรียนแห่งนี้ว่า “โรงเรียนพระปริยัติธรรม ภาวนานุสนธิ์” ได้เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนพระ ปริยัติธรรม เป็นสนามสอบนักธรรม-บาลี เป็นสถานที่ฝึก อบรม หรือแม้กระทั่งเป็นที่พัก ในหลาย ๆ โอกาสงาน จึง นับว่าเป็นอาคารมีสารพัดประโยชน์อย่างยิ่ง
ข้อมูลจาก หนังสือ ตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ
เพิ่มเติม สมัยนั้นหลวงปู่ได้จัดทำ “พระของขวัญ” ที่รู้จักกันว่า พระผงวัด ปากน้ำ สำหรับผู้ทำบุญ 25 บาทสมทบสร้างโรงเรียนปริยัติ จนสร้างสำเร็จ และมี เรื่องราวอานุภาพต่างๆ เกี่ยวกับพระของขวัญมากมายจนมีชื่อเสียง
3. หลวงปู่ยกย่องผู้ตั้งใจเรียนบาลีจนสอบได้มหาเปรียญ โดยใครสอบได้เป็นเปรียญตั้งแต่ สามประโยค ขึ้นไป หลวงปู่จะหัวเราะชอบใจ และมักจะกล่าวยกย่อง สรรเสริญในที่ทั่วๆ ไป
เวลาไปฉันหรือว่าไปประชุมที่ไหน มีพระมหาเปรียญ ใหม่ๆ ไปด้วย หลวงพ่อมักจะชี้ว่า “องค์นี้เป็นเปรียญสาม องค์นี้เป็นเปรียญสี่ประโยค ห้าประโยค”
หลวงปู่ท่านก็จะให้กำลังใจ ใครสอบได้ก็มีปัจจัยสี่ เช่น จีวร ซึ่งเป็นจีวรผ้าป่าน เป็นจีวรที่หลวงปู่ชอบใช้ หลวง ปู่จะให้รางวัลแก่ผู้ที่สอบได้ และประกาศชื่อเสียงของพระ
มหาเปรียญรูปนั้น นี้เป็นนโยบายของหลวงปู่ที่ว่า
“ยกย่องคนที่ควรยกย่อง”
ที่หอฉัน เวลาฉันภัตตาหารจะนั่งเป็นล็อกๆ ผู้ที่ได้
เปรียญก็จะนั่งล็อกหนึ่ง ผู้ที่ได้ธรรมกายก็ล็อกหนึ่ง สามเณรเปรียญก็แยกจากสามเณรที่ไม่ได้เป็นเปรียญ
ที่นั่งทางด้านทิศเหนือ คือ มหาเปรียญ ที่นั่งทางด้านทิศตะวันออก คือ ผู้ที่ได้ธรรมกาย พระอันดับ (ที่ไม่ได้เปรียญ) อยู่ที่ด้านทิศใต้ สามเณรอยู่ทางด้านทิศตะวันตก การที่หลวงปู่ทำแบบนี้ ทำให้ผู้ที่เรียนปริยัติ เกิดความ
เพียรพยายามที่จะสอบให้ได้ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติธรรม ก็ พยายามปฏิบัติธรรมให้ได้เข้าถึงพระธรรมกาย
ข้อมูลจาก เรื่องเล่าของ ‘พระวิสุทธิวงศาจารย์’ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ- กรรมการ มส. ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ 30 ก.ย. 2551
4. หลวงปู่ให้ความสำคัญทั้งปริยัติและปฏิบัติควบคู่ กันไป
เมื่อหลวงปู่มาอยู่วัดปากน้ำฯ ท่านก็ไม่ได้หยุดการ สร้างบารมีเลย ท่านสร้างบารมีด้วยการถวายภัตตาหาร พระสงฆ์สามเณรและผู้มาปฏิบัติธรรมที่วัด และเริ่มการ สอนปริยัติพร้อมกับสอนปฏิบัติควบคู่กันไป
หลวงปู่ส่งเสริมให้ภิกษุสามเณรเรียนบาลี ท่านมัก กล่าวว่า “อยู่ในวัยเรียนต้องเรียน อยู่ในวัยเฒ่าชราต้อง ปฏิบัติธรรม หรืออยู่ในวัยเรียนจะเล่าเรียนด้วยปฏิบัติ ธรรมด้วยยิ่งดี ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง จะอยู่เฉยๆไม่ได้
เป็นพระต้องสนใจในปริยัติ ปฏิบัติ คือ ต้องเรียนด้วย ต้อง ปฏิบัติด้วย”
ข้อมูลจาก เรื่องเล่าของ ‘พระวิสุทธิวงศาจารย์’ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ- กรรมการ มส. ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ 29 ก.ย. 2551