เชื่อแน่ว่าทุกคนจะต้องนึกว่าวันหนึ่งโลกของอนาคตจะต้องอยู่ที่มหานคร “นิวยอร์ก”
ที่มีตึกระฟ้าสูงและทันสมัยที่สุดในโลก เพราะตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่แล้ว
ต่อเนื่องกันเป็นเวลาติดต่อกันมากว่า 40 ปี จนล่วงเข้าสู่ศตวรรษใหม่ทุกอย่างเกิดที่มหานครแห่งนี้
       
       แต่ถ้าราคาน้ำมันโลกยังพุ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงกับมีคนคาดการณ์ว่าอาจจะไปแตะที่ 200 เหรียญต่อบาเรล ความเชื่อข้างต้นนี้อาจถูกลบทิ้ง เพราะนับตั้งแต่สงครามในอิรักต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ส่งผลให้ความมั่งคั่งร่ำรวยหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำมันอย่างไม่เคยมีมาก่อน เงินทองจำนวนมหาศาลเหล่านี้ถูกผู้บริหารของแต่ละประเทศนำไปลงทุนเพิ่ม
เพื่อความมั่นคงในอนาคตของประเทศของตน
       
       เงินเหล่านี้ถูกนำไปลงทุนต่อในหุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมไปถึงทองคำ เพชร โบราณวัตถุ ฯลฯ ที่มีจำนวนจำกัดทะยานขึ้นอย่างไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ ขณะที่บางประเทศคิดบริหารจัดการเงินลงทุน
ที่จะได้ผลตอบแทนในระยะยาว ด้วยการเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่
       
       ลำพังด้วยธรรมชาติของอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาๆ คงมีเสน่ห์ไม่มากพอที่จะให้คนทั้งโลกมาให้ความสนใจได้มากนัก เพราะโครงการเหล่านี้มีมากมายในทุกแห่งหนบนโลกใบนี้ แต่หากเป็นโครงการที่จะทำให้เป็นที่สนใจของชาวโลกได้นั้น ย่อมต้องเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ยากที่จะหาใครมาเทียบ และจะต้องเป็นโครงการที่มีความแปลกใหม่และ
หลากหลายยากที่ใครจะตามทัน สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้ลงทุนที่กล้าหาญในการทุ่มเทแรงกายแรงใจ กล้าที่จะทุ่มทุนจำนวนมหึมามหาศาลไร้เทียมทาน
       
       

โครงการที่ใช้ทรายถมทะเลเพื่อทำเป็นเกาะ
       เชค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิต อัล มาคทูม ( Shiekh Mohammed bin Rashid Al Maktoum) เจ้าผู้ปกครองเมืองดูไบ
นายกรัฐมนตรี และรองประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือนายทุนใหญ่เจ้าของโครงการ The Palm Islands อภิมหาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของต้นศตวรรษใหม่นี้
       
       โครงการดังกล่าวคือ อภิมหาโครงการยักษ์ของนครดูไบ อันเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ปลูกสร้างเป็นเกาะเทียมในทะเล ไม่ไกลจากชายฝั่ง ประกอบด้วยโครงการใหญ่ถึง 3 โครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบให้มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมสุดบรรเจิด เมื่อมองจากเครื่องบินจะเห็นเป็นรูปทรงของยอดปาล์มขนาดยักษ์ ที่ถูกตัดตามแนวนอนสามยอดลอยอยู่ในท้องทะเลของอ่าวเปอร์เซีย และดูเหมือนเป็นกลุ่มโอเอซิสกลางทะเลสีฟ้าใสของอ่าวเปอร์เซีย ประกอบด้วย โครงการ The Palm Jumeirah ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2001 ตามมาด้วยโครงการ The Palm Jebel Ali สร้างต่อมาในปี 2004 และจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ด้วยโครงการที่ 3 คือ The Palm Deira ที่คาดกันว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 10-15 ปีต่อจากนี้
       

       เพียงแค่เปิดตัวความคิดเมื่อต้นสหัสวรรษ โครงการนี้ก็ดังกระเดื่องไปทั่วโลกแล้ว เพราะเป็นโครงการที่เกิดจากวิสัยทัศน์ของเจ้าผู้ครองนคร ที่ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้นครดูไบเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจในตะวันออกกลางสำหรับอนาคตกาล เพื่อที่จะเป็นการสร้างรายได้แบบยั่งยืนให้กับดินแดนในปกครองของพระองค์ ด้วยทรงตระหนักมาโดยตลอดว่าน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันผ่านตลาดกลางผู้ค้าน้ำมันในเมืองดูไบนั้น วันหนึ่งในอนาคตอาจต้องสิ้นสุดลง หากแหล่งน้ำมันต่างๆ ถูกสูบขึ้นมาใช้จนหมดลงในอนาคต ซึ่งไม่มีใครสามารถจะกำหนดได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และเมื่อนั้นความสำคัญของเมืองดูไบในฐานะของศูนย์กลางของการค้าน้ำมัน เศรษฐกิจและการเงิน ย่อมถูกลดความสำคัญลงไปอย่างแน่นอน ความคิดในการหาสิ่งทดแทนจึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อรองรับการสูญเสียรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติที่จะหมดไป ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตอันใกล้นี้
       
       และเมื่อจะเริ่มโครงการทั้งที ไยเล่าจะไปทำโครงการที่ซ้ำซากหรือคล้ายคลึงกับโครงการที่มีผู้เคยทำกันมาแล้ว ดังนั้น โครงการ
The Palm Islands จะต้องเป็นโครงการที่ชาวโลกต้องกล่าวขวัญถึง และนั่นหมายความว่าโครงการนี้จะต้องเป็นโครงการที่ไม่มีใครเหมือน สามารถสร้างความประทับใจให้ทุกคนที่มาเยือนอยากกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและนครแห่งความสำราญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และนี่คือโจทย์ที่ยากที่สุดที่ผู้บริหารต้องตีให้แตก
       

       2 โครงการแรกที่ลงมือก่อสร้างไปแล้วนั้น คือโครงการที่บริโภควัสดุก่อสร้างหนักเช่น หิน ทราย และซีเมนต์ไปแล้วถึง 100 ล้านลูกบาศก์เมตร และโครงการที่ 3 อันเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดนั้น กล่าวกันว่าจะต้องใช้วัสดุหนักถึง 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หมายถึงขนาดของโครงการสุดท้ายที่มีขนาดถึง 10 เท่าของ 2 โครงการแรกทีเดียว
       
       ส่วนรายละเอียดของอภิมหาโปรเจกต์ที่ได้รับการกล่าวขานอย่างไม่เป็นทางการ ให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกทีเดียวนี้จะเป็นอย่างไร อดใจอ่านในตอนหน้านะครับ
 
 
 
 
ที่มา-
       
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง