ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 103

    จากตอนที่แล้ว  พระนางอุทุมพรเทวีทรงสดับคำสั่งให้ประหารมโหสถ ก็ทรงรู้สึกเสียพระทัย แต่ก็สู้อดกลั้นไว้ไม่แสดงอาการเศร้าโศกให้ปรากฏ ได้ทูลถามพระราชสวามีว่า มโหสถได้กระทำความผิดอะไร ทำไมจึงสั่งลงโทษรุนแรงอย่างนั้นพระนางทรงทราบความทั้งหมดแล้ว จึงได้ตรัสคล้อยตามพระราชอัธยาศัย ปลอบโยนให้ทรงคลายความกระวนกระวาย กระทั่งให้พระราชาบรรทมหลับไป

    จากนั้นจึงทรงพระอักษร ส่งข่าวไปถึงมโหสถว่า “พระราชาทรงกริ้วเธอมาก เพราะทรงหลงเชื่อคำยุยงของอาจารย์ทั้ง ๔ และบัดนี้พระองค์ก็ได้พระราชทานพระแสงขรรค์ เพื่อให้เขานำไปฆ่าเธอที่ประตูวัง  ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ เธออย่ามาสู่พระราชสำนักนี้เลย แต่ถ้าจะมา ก็ควรจัดกองอารักขาไว้ให้มั่นคง ห้อมล้อมด้วยมหาชนชาวมิถิลาที่ภักดีต่อเธอ เมื่อทำได้ดังนี้แล้ว เธอจึงค่อยมา”

    เมื่อทรงพระอักษรเสร็จ พระนางก็ทรงสอดเข้าไว้ในห่อ บรรจุในภาชนะทองคำปิดผนึกประทับตราพระลัญจกร แล้วมอบหมายให้นางข้าหลวงคนสนิทส่งไปให้มโหสถในทันที

    ยามนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว ประตูเรือนของมโหสถยังมีบริวารเฝ้าอยู่ เมื่อบริวารที่เฝ้าประตูเรือน เห็นนางข้าหลวงเดินตรงเข้ามา ก็ทราบทันทีว่านางเป็นคนของพระนางอุทุมพรเทวี เขาจึงไม่รอช้า รีบกุลีกุจอเปิดประตูให้ แล้วจึงพานางเข้าไปพบมโหสถทันที

    มโหสถรับภาชนะทองจากมือของนางแล้ว ก็ได้ส่งนางกลับวังไป     ครั้นแล้วจึงค่อยๆแก้ห่อผ้าที่คลุมภาชนะออก พบข้อความที่เป็นลายพระหัตถ์ เมื่อคลี่ออกอ่านก็ทราบเหตุการณ์โดยตลอด แต่มโหสถก็มิได้มีความวิตกกังวลใดๆ  ใช้เวลาตรึกตรองเพื่อหาวิธีแก้ไขสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เข้านอนต่อ

    ในยามรุ่งสางของวันใหม่ พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า ความมืดแห่งรัตติกาลยังคงมีอำนาจปกคลุมทั่วผืนปฐพี ขณะที่ผู้คนทั้งหลายยังไม่ตื่นจากนิทรา แต่กลับเป็นเวลาที่อาจารย์ทั้ง ๔ กำลังเริ่มดำเนินการตามแผนที่ตกลงกันไว้ ต่างคนต่างก็รีบมาพร้อมกันที่ช่องประตูวัง โดยมีอาจารย์เสนกะเป็นผู้อัญเชิญพระแสงขรรค์อาญาสิทธิ์  และต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่า “ถึงอย่างไรก็จักต้องฆ่ามโหสถให้ได้ในเช้าวันนี้” แต่รอแล้วรอเล่า กระทั่งเวลาสายจนตะวันโด่งแล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้เงาของมโหสถบัณฑิตย่างกรายมาในที่นั้น 

    เมื่อเหตุการณ์กลับเป็นดังนี้ อาจารย์เสนกะจึงหัวเสียอย่างแรง ได้แต่ถอนหายใจฟึดฟัด พลางกล่าวด้วยความหงุดหงิดใจว่า “เอ..ทำไมเจ้ามโหสถนั่น ถึงยังไม่มาเสียที ป่านนี้ก็สายมากแล้ว มัวแต่ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

    “ช่างน่าเจ็บใจนัก นี่สงสัยเจ้ามโหสถ มันคงจะรู้ตัวแล้วกระมัง” อาจารย์กามินทะกล่าวเสียงขุ่น
 
    “แล้วนี่พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปล่ะ” อาจารย์ปุกุสะกล่าวเป็นเชิงปรึกษาเพื่อขอความเห็นจากทุกคน

    “ข้าพเจ้าว่า ทางที่ดีพวกเราควรไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวก่อนจะดีกว่า หากพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถานใด พวกเราจึงค่อยกลับมาคิดอ่านกันใหม่ ดีไหมล่ะ” อาจารย์เทวินทะออกความเห็น

    “ตกลง พวกเราจะไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวกัน” ท่านเสนกะตัดบท แล้วก็รีบเดินนำหมู่คณะไปเข้าเฝ้าพระราชาทันที

    ขณะนั้นพระเจ้าวิเทหราชประทับอยู่เพียงลำพังผู้เดียวในพระตำหนักส่วนพระองค์ ท้าวเธอเสด็จพระดำเนินไปมาอยู่ในที่นั้นด้วยความกระวนกระวายพระทัย

    ครั้นท้าวเธอได้ทอดพระเนตรเห็นอาจารย์ทั้ง ๔ มาเข้าเฝ้า  ก็มิได้ทรงรอช้า รีบรับสั่งถามอาจารย์ทั้ง ๔ ทันทีว่า  “ท่านอาจารย์ฆ่ามโหสถแล้วหรือ” พระสุรเสียงของพระองค์สั่นสะท้าน เหมือนทรงข่มพระทัยอย่างสุดกำลัง

    “ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า” ท่านเสนกะกราบบังคมทูล “พวกข้าพระพุทธเจ้ามาซุ่มรอตั้งแต่เช้าตรู่ จนบัดนี้แล้ว ก็ยังไม่เห็นมโหสถเข้ามาเลย พระพุทธเจ้าข้า”

    ท้าวเธอสดับคำของอาจารย์เสนกะแล้วก็ทรงนิ่ง มิได้ตรัสสิ่งใดอีก แต่กลับทอดพระเนตรไปทางช่องพระแกล เหมือนทรงรอคอยการมาของใครบางคน

    ฝ่ายมโหสถบัณฑิต ครั้นตื่นนอนแล้วจึงสนานกายด้วยน้ำหอม ประดับกายด้วยอาภรณ์พร้อมสรรพ

    ภายหลังจากรับประทานอาหารเช้าจนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว ก็ได้สั่งกองพลโยธาที่ตนดูแล ให้ช่วยกันจัดขบวนรถเพื่อเตรียมเคลื่อนมหาชนเข้าสู่พระราชวัง

    ส่วนตนก็ก้าวขึ้นสู่รถคันงามห้อมล้อมด้วยมหาชนชาวมิถิลาแน่นขนัด จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนรถเข้าสู่พระราชวังจนถึงพระทวารหลวง

    ขณะนั้นพระเจ้าวิเทหราชทรงสดับเสียงครื้นเครงของขบวนรถที่มโหสถนำมา จึงเสด็จลุกขึ้นไปประทับยืนที่ช่องพระแกล ก็ได้ทอดพระเนตรเห็นขบวนรถของมโหสถบัณฑิตมุ่งหน้ามาแต่ไกล

    ฝ่ายมโหสถบัณฑิตก็เห็นพระเจ้าวิเทหราชประทับยืนอยู่ชองพระแกลเช่นกัน จึงรีบลงจากรถ ถวายบังคมพระราชาด้วยอาการนอบน้อม แล้วก็ยืนอยู่ ณ ที่นั้น

    การที่มโหสถสามารถจัดกองพลโยธา แวดล้อมด้วยมหาชนชาวเมืองมาเข้าเฝ้าได้ในเวลาอันสั้น ก็เนื่องด้วยตำแหน่งเสนาบดีที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้น เป็นตำแหน่งที่ต้องควบคุมจัดการกองกำลังทหารโดยตรงอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก รวมทั้งไม่มีใครคิดต่อต้านอีกด้วย

    ถึงแม้มโหสถจะคุมกองกำลังทหารได้อย่างสิ้นเชิง กับทั้งเป็นที่รักของชาวประชาอย่างยิ่ง แต่ท่านก็มิได้คิดใหญ่อยากจะเป็นพระราชาเสียเอง เพราะบุคคลผู้เป็นบัณฑิตย่อมยึดมั่นในความกตัญญูเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าผู้ที่มีพระคุณนั้น ภายหลังจะเกิดความผิดพลาดคิดร้ายทำลายตนก็ตาม เขาจะไม่คิดทรยศหักหลังผู้มีพระคุณเป็นอันขาด แต่เขาจะมีความจงรักภักดีตลอดไป ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ 
(ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

ซีรีย์ที่เกี่ยวข้อง

มโหสถบัณฑิต

ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง