
:
ถ้าผลการเรียนลูกไม่เอาไหน ไม่ใช่เพราะเขาไม่เอาถ่าน แต่ถามลูกหน่อยว่า อยู่โรงเรียนเคยวิ่งเล่น หรือเล่นกีฬาบ้างมั๊ย
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : งานวิจัยภาคสนามหลายโครงการพบความเชื่อมโยงกันระหว่างการออกกำลังกายกับผลการเรียนที่ดีขึ้น
อย่างที่หลายคนคงทราบ หรือได้ยินข่าวกัน เด็กเป็นโรคอ้วนกันเยอะขึ้น ยิ่งบางโรงเรียนปรับตารางสอนลดชั่วโมงพละ หรือเลิกวิชาพลศึกษาไปเลยก็มี แล้วเอาชั่วโมงมาสอนวิชาอื่นแทน กลัวเด็กจะไม่เข้มวิชา แต่ผลร้ายกลับตกกับเด็ก
เจมส์ พิวาร์นิค ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การเคลื่อนไหวร่างกายจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สเตท พูดถึงปัญหาเด็กไม่ออกกำลังกายว่ามันไม่ใช่แค่ทำให้เด็กอ้วน แต่มันหมายถึงปัญหาโรคหัวใจ และโรคอื่นๆ ตามมา
การศึกษาดังกล่าวทดสอบกับเด็ก 317 คนที่เรียนอยู่ตั้งแต่เกรด 6 - 8 (เทียบเท่าป.6 - ม.2) พบว่า กลุ่มของเด็กที่ทำคะแนนทดสอบความฟิตของร่างกายได้คะแนนสูงสุดสามารถทำแบบทดสอบได้สูงกว่ามาตราฐาน 30%
ส่วนเด็กที่คะแนนความพร้อมร่างกายต่ำสุด ทำคะแนนทดสอบสี่วิชาหลักได้ต่ำกว่าเด็กคนอื่น 13% -20% ผลวิจัยดังกล่าวนำเสนอในการประชุม American College of Sports Medicine ล่าสุด
ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อกันว่า การออกกำลังกายอาจช่วยให้เรียนดีขึ้น เพราะเด็กที่ออกกำลังกายได้ผลาญพลังงานส่วนเกิน เลยช่วยให้เด็กมีสมาธิต่อการเรียนดีขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเอง และเสริมสร้างอารมณ์ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ช่วยฝึกสมาธิ และเสริมความจำ
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีงานวิจัยที่ลองทดสอบกับคนสูงวัย พบว่ากลุ่มที่ขยับตัวออกกำลังกายมีสมองที่จดจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม่ของเด็กอายุ 9 ขวบรายหนึ่งยืนยันว่า การออกกำลังกายช่วยให้ลูกชายของเธอเรียนหนังสือทันเพื่อน เด็กคนนี้เป็นเด็กสมาธิสั้น และถึงจะกินยารักษาอาการสมาธิสั้น แต่พอได้ออกกำลังกายก็ช่วยให้เขามีสมาธิดีขึ้น เด็กคนนี้จะออกกำลังกายนิดหน่อยช่วงพัก บางครั้งแม่ก็ช่วยฝึกโดยให้หัดสะกดคำพร้อมกับเดินไปด้วย
บางมลรัฐของสหรัฐมีกฎหมายกำหนดให้โรงเรียนประถมจัดตารางสอนให้เด็กได้มีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายสัปดาห์ละ 150 นาที และเด็กส่วนใหญ่ก็ชอบที่ช่วงพักได้กระโดดโลดเต้น ไม่ใช่แต่เด็ก ครูเองก็สนุก และพบว่าเด็กกระตือรือร้นขึ้นเวลากลับเข้าห้องเรียน
แต่ถ้าลูกไม่ได้เรียนวิชาพลศึกษา หรือชั่วโมงเรียนลดลง ก็ไม่ต้องไปให้ลุกเข้าคอร์สเล่นกีฬาอะไรเป็นพิเศษ แค่หาโอกาสให้พวกเขาได้วิ่งเล่นแถวบ้าน หรือสนามเด็กเล่นบ้างก็พอแล้ว
ยังมีงานวิจัยอีกโครงการหนึ่งที่นำเสนอในการประชุมครั้งนี้ โดยนักวิจัยพบว่า เด็กยินดีปรีดาเข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายในระดับปานกลางถึงกระตื้อรือร้นมาก หากกิจกรรมนั้นไม่ได้จัดทำเพื่อการแข่งขัน แต่ถ้าเป็นกิจกรรมแข่งขันแล้วเด้กจะไม่ค่อยเต็มใจร่วมกิจกรรมนัก