ภาพ เสียง เหตุรุนแรงของข่าวการเมืองในสื่อต่างๆ ทำเด็กซึมซับพฤติกรรมก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ใช้ความรุนแรง แนะพ่อแม่อธิบายทำความเข้าใจกับลูก เป็นพี่เลี้ยงใกล้ชิดเวลาลูกดูข่าวการเมือง
ด้านสื่อขอช่วยกลั่นกรองและพิจารณาความเหมาะสมถึงภาพที่นำเสนอ
ด้านสื่อขอช่วยกลั่นกรองและพิจารณาความเหมาะสมถึงภาพที่นำเสนอ
นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ และจิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังตึงเครียดซึ่งมีการนำเสนอทั้งภาพ และเสียงของเหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดการปะทะ ใช้ความรุนแรง รวมถึงการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ของบุคคลที่ปรากฎในข่าว นั้น อาจจะทำให้เด็กและเยาวชนที่นั่งบริโภคข่าวสารทางโทรทัศน์ หรือดูพาดหัวหนังสือพิมพ์ เกิดการซึมซับโดยไม่รู้ตัว ก็อาจจะส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว พูดคำหยาบ เป็นคนไม่เกรงกลัวอะไร ชอบใช้ความรุนแรง หรือแม้กระทั่งอาจนำเอารูปแบบต่างๆที่เห็นผ่านสื่อมาใช้ในเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้
“ผู้ใหญ่ไม่ควรประมาท และคิดเอาเองว่าไม่เป็นไร เพราะในความเป็นจริงนั้น เด็กยังมีวิจารณญาณที่ยังไม่แข็งแรง อาจคิดได้ไม่กว้าง และไม่รอบด้านเหมือนผู้ใหญ่ ซึ่งการที่เด็กเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็อาจจะซึมซับและนำไปลอกเลียนแบบหรือปฏิบัติตามโดยไม่รู้ตัว เกิดเป็นปัญหาสังคมตามมา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใหญ่จะต้องเอาใจใส่มากๆ”
นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีที่พ่อแม่นั่งดูข่าวการเมืองพร้อมกับลูก ขณะที่ดูภาพหรือเหตุการณ์นั้นผู้ใหญ่ควรจะมีสติและพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ ไม่ควรที่จะแสดงอารมณ์ความโกรธหรือพูดคำหยาบคายออกมาให้ลูกเห็นและได้ยิน เพราะจะทำให้เด็กเกิดการซึมซับพฤติกรรมของพ่อแม่รวมถึงถ้อยคำเหล่านั้นได้เช่นกัน ผู้ใหญ่จึงควรที่จะฝึกผ่อนคลายจิตใจ เพื่อไม่ให้ความเครียดและอารมณ์โกรธเหล่านั้นสะสมจนถึงจุดเดือด จนแสดงออกมาให้ลูกหลานเห็น
สำหรับเทคนิคและวิธีการทำให้ลูกเข้าใจถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ทางการเมืองในขณะที่บริโภคข่าวสารผ่านสื่อ นั้น นพ. ไกรสิทธิ์ ได้ให้ข้อปฏิบัติคือ
1. พ่อแม่ ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกเวลาดูข่าวความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงนี้ เพื่อให้คำแนะนำ หรือคำอธิบายเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความเข้าใจผิดและหลงประเด็น ทั้งนี้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูกจะสำคัญมาก ซึ่งจะทำให้ลูกรับฟัง และง่ายที่พ่อแม่จะพูดหรือให้คำอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกเข้าใจ
2. มีเทคนิคการอธิบายที่เหมาะสมกระตุ้นให้เด็กได้คิด โดยอาจเป็นการพูดคุย เช่นถามลูกก่อนว่าเห็นภาพหรือเหตุการณ์ในโทรทัศน์แล้วรู้สึกอย่างไร เพื่อฝึกให้เด็กคิดและวิเคราะห์ ไม่ควรใส่คำตอบที่สำเร็จรูปลงไป หลังจากนั้นก็ค่อยๆ อธิบายให้ลูกเข้าใจวิ่งสิ่งไหนดี ไม่ดี เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ควรชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้และอธิบายด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์
3. หากได้ยินถ้อยคำหยาบคายและคำพูดที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจ อย่าปล่อยให้ลูกเข้าใจไปเองว่าเป็นคำพูดที่ใช้ปกติว่า
“ผู้ใหญ่ไม่ควรประมาท และคิดเอาเองว่าไม่เป็นไร เพราะในความเป็นจริงนั้น เด็กยังมีวิจารณญาณที่ยังไม่แข็งแรง อาจคิดได้ไม่กว้าง และไม่รอบด้านเหมือนผู้ใหญ่ ซึ่งการที่เด็กเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็อาจจะซึมซับและนำไปลอกเลียนแบบหรือปฏิบัติตามโดยไม่รู้ตัว เกิดเป็นปัญหาสังคมตามมา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใหญ่จะต้องเอาใจใส่มากๆ”
นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีที่พ่อแม่นั่งดูข่าวการเมืองพร้อมกับลูก ขณะที่ดูภาพหรือเหตุการณ์นั้นผู้ใหญ่ควรจะมีสติและพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ ไม่ควรที่จะแสดงอารมณ์ความโกรธหรือพูดคำหยาบคายออกมาให้ลูกเห็นและได้ยิน เพราะจะทำให้เด็กเกิดการซึมซับพฤติกรรมของพ่อแม่รวมถึงถ้อยคำเหล่านั้นได้เช่นกัน ผู้ใหญ่จึงควรที่จะฝึกผ่อนคลายจิตใจ เพื่อไม่ให้ความเครียดและอารมณ์โกรธเหล่านั้นสะสมจนถึงจุดเดือด จนแสดงออกมาให้ลูกหลานเห็น
สำหรับเทคนิคและวิธีการทำให้ลูกเข้าใจถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ทางการเมืองในขณะที่บริโภคข่าวสารผ่านสื่อ นั้น นพ. ไกรสิทธิ์ ได้ให้ข้อปฏิบัติคือ
1. พ่อแม่ ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกเวลาดูข่าวความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงนี้ เพื่อให้คำแนะนำ หรือคำอธิบายเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความเข้าใจผิดและหลงประเด็น ทั้งนี้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูกจะสำคัญมาก ซึ่งจะทำให้ลูกรับฟัง และง่ายที่พ่อแม่จะพูดหรือให้คำอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูกเข้าใจ
2. มีเทคนิคการอธิบายที่เหมาะสมกระตุ้นให้เด็กได้คิด โดยอาจเป็นการพูดคุย เช่นถามลูกก่อนว่าเห็นภาพหรือเหตุการณ์ในโทรทัศน์แล้วรู้สึกอย่างไร เพื่อฝึกให้เด็กคิดและวิเคราะห์ ไม่ควรใส่คำตอบที่สำเร็จรูปลงไป หลังจากนั้นก็ค่อยๆ อธิบายให้ลูกเข้าใจวิ่งสิ่งไหนดี ไม่ดี เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ควรชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้และอธิบายด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์
3. หากได้ยินถ้อยคำหยาบคายและคำพูดที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจ อย่าปล่อยให้ลูกเข้าใจไปเองว่าเป็นคำพูดที่ใช้ปกติว่า
คำเหล่านี้บางทีก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะเวลาที่คนเรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็อาจจะมีการใช้อารมณ์และคำหยาบในการพูด ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการนำเสนอ พร้อมทั้งชี้แนะให้เด็กเข้าใจว่า การใช้ภาษาถ้อยคำแบบนั้นเพราะอะไร และทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้น
4. สังเกต หรือถามความสนใจของลูก ก่อนที่จะอธิบายหรือสร้างความเข้าใจ หากลูกสนใจก็สามารถพูดคุย ถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากว่าลูกไม่มีความสนใจเรื่องการเมือง สิ่งที่พ่อแม่ควรทำก็คือต้องเริ่มอธิบายและทำความเข้าใจในเรื่องการมีส่วนร่วมและสำนึกส่วนรวมให้ลูกก่อน เพราะถ้าหากลูกมีสามัญสำนึกในเรื่องส่วนรวมแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ตัวเด็กเองจะสามารถมองเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และสามารถเห็นมุมมองของสังคมที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงมองเห็นอนาคตของส่วนรวมว่าพวกเขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
“แม้ว่าการเมืองจะเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องรับรู้ แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลเอาใจใส่ ในสิ่งที่นำเสนอ และการรับชมของเยาวชนด้วย การดู ภาพความรุนแรงๆซ้ำๆ ทั้งภาพและเสียงผ่านสื่อ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของเด็ก อย่างแน่นอน ทุกฝ่ายจึงควรให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย เชื่อว่าในไม่ช้าการเมืองก็จะจบลง แต่สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรจะให้เกิดขึ้นในระยะยาวก็คือ เด็กและเยาวชนไทยของเรา ได้รับผลกระทบ กลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรง และใช้ถ้อยคำหยาบคาย
4. สังเกต หรือถามความสนใจของลูก ก่อนที่จะอธิบายหรือสร้างความเข้าใจ หากลูกสนใจก็สามารถพูดคุย ถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากว่าลูกไม่มีความสนใจเรื่องการเมือง สิ่งที่พ่อแม่ควรทำก็คือต้องเริ่มอธิบายและทำความเข้าใจในเรื่องการมีส่วนร่วมและสำนึกส่วนรวมให้ลูกก่อน เพราะถ้าหากลูกมีสามัญสำนึกในเรื่องส่วนรวมแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ตัวเด็กเองจะสามารถมองเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และสามารถเห็นมุมมองของสังคมที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงมองเห็นอนาคตของส่วนรวมว่าพวกเขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
“แม้ว่าการเมืองจะเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องรับรู้ แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลเอาใจใส่ ในสิ่งที่นำเสนอ และการรับชมของเยาวชนด้วย การดู ภาพความรุนแรงๆซ้ำๆ ทั้งภาพและเสียงผ่านสื่อ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของเด็ก อย่างแน่นอน ทุกฝ่ายจึงควรให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย เชื่อว่าในไม่ช้าการเมืองก็จะจบลง แต่สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรจะให้เกิดขึ้นในระยะยาวก็คือ เด็กและเยาวชนไทยของเรา ได้รับผลกระทบ กลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรง และใช้ถ้อยคำหยาบคาย
เพราะฉนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าละเลย ” นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าว และว่า โรงพยาบาลมนารมย์ ให้บริการและดูแลด้านสุขภาพจิตแนวใหม่ ร่วมให้ความรู้ คำแนะนำ และให้คำปรึกษา เพื่อร่วมลดปัญหาและสร้างคนไทยให้มีสุขภาพจิตที่ดี เปิดเว็บไซต์ให้ข้อมูลด้านบริการสุขภาพจิตต่างๆ ที่ www.manarom.com
ที่มา-
