"ดร.สุเมธ" เผยภาคตะวันออกมี "บ่อลูกรังร้าง" รับน้ำได้ล้านๆ ลิตร

"ดร.สุเมธ" เดินทางสำรวจภาคตะวันออก พบหลายจังหวัดมี “บ่อลูกรัง” กักน้ำได้นับล้านๆ ลิตร ใช้เป็นพื้นที่บรรเทาน้ำท่วม-ป้องกันภัยแล้งได้ แนะในฤดูน้ำหลากจัดระบบเช่าพื้นที่ “น้ำท่วม” ทำเป็นกิจลักษณะ จ่ายค่าเสียหายชัดเจน คาดอีก 4 สัปดาห์เกิดภัยแล้ง ควรหาวิธีเก็บน้ำไปไว้ใช้ พร้อมเตือนภาครัฐ-เอกชนจะก่อสร้างต้องศึกษาทางน้ำไหล
       
       ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปิดเผยว่าได้เดินทางไปพื้นที่ในภาคตะวันออกแล้วว่าหลายจังหวัดมี “บ่อลูกรัง” ขนาดใหญ่ และจากการประมาณการด้วยภาพถ่ายดาวเทียมโดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่าบ่อลูกรังดังกล่าวสามารถรองรับน้ำได้เป็นล้านๆ ลิตร ซึ่งจะเป็นการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่กำลังประสบกันอยู่ และเตรียมรับมือกับภัยแล้งที่คาดว่าจะมาอีก 4 สัปดาห์หลังน้ำลด โดยภาครัฐต้องมีระบบบริหารจัดการน้ำไว้ใช้ในยามแล้ง และต้องดูโครงสร้างที่มีอยู่แทนที่จะใช้งบประมาณนับแสนล้านบาท โดยไม่ดูว่าเรามีอะไรอยู่บ้าง
       
       “เสียดายที่ตอนนี้มีแต่ต้องระบายน้ำทิ้ง พอยามแล้งก็ไม่มีใช้ จะบริหารจัดการอย่างไรให้เก็บไว้ได้ในยามไม่มี” ดร.สุเมธกล่าว พร้อมเผยแนวคิดถึงการจัดการน้ำในฤดูน้ำหลากซึ่งกลายเป็นอุทกภัยที่หลายจังหวัด

กำลังประสบอยู่นี้และมีการผันน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรนั้น ควรมีจัดทำระบบเช่าพื้นที่รับน้ำท่วมให้เป็นระบบ มีการเช่าเป็นรายปี และกำหนดค่าเสียหายที่ชัดเจนในยามที่ต้องใช้พื้นที่เพื่อการผันน้ำบรรเทาปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งยังเพิ่มเติมว่าภาครัฐหรือเอกชนที่จะก่อสร้างโครงสร้างใดๆ นั้น ต้องศึกษาทางน้ำไหลด้วยว่าโครงสร้างต่างๆ นั้นไปขวางทางน้ำหรือไม่
       
       “พวกถนน ทางรถไฟ บ้านจัดสรรต่างๆ หลายครั้งที่พบว่าไปขวางทางน้ำแล้วเกิดน้ำท่วมขังตามมา บางทีเราเอาสะดวกเข้าว่า  สร้างถนนรอบเมืองเลย แต่ปรากฏไปขวางทางน้ำ ทำให้หลายพื้นที่น้ำท่วม พวกกระทรวงต่างๆ จะสร้างอะไรก็ตาม จากนี้ต้องศึกษาทางน้ำด้วย” ดร.สุเมธกล่าว
       
       ทั้งนี้ ดร.สุเมธได้เปิดเผยภายหลังการบรรยายพิเศษเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ในระหว่างการประชุมนานาชาติ APHW ครั้งที่ 3 เรื่องการจัดการบริหารน้ำอย่างชาญฉลาดและการแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมเดอะแกรนด์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 16-18 ต.ค. โดยมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยเกี่ยวกับน้ำจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมประมาณ 1,000 คน

 

 

 

ที่มา-