เป็นเวลา 26 ปีแล้วที่บุรุษซึ่งถูกเรียกขานว่า "ซานตาลึกลับ" ออกตระเวนไปตามถนนสายต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนธันวาคม พร้อมกับหยิบยื่นเงิน 100 ดอลลาร์หรือมูลค่ามากกว่านั้น ใส่มือของคน แปลกหน้าโดยไม่พูดพร่ำอธิบายหรือกระทั่งบอกชื่อเสียงเรียงนามของตน

ผู้ที่เคยได้รับทานน้ำใจจากบุรุษผมขาวในเสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาดสีแดงผู้นี้  มีทั้งหญิงเร่ร่อนที่เคยได้เงินไป  200  ดอลลาร์ คุณแม่ลูกสองที่ติดแหง็กอยู่ที่สถานีรถโดยสารซึ่งได้เงินมากกว่าเล็กน้อย ชายชราสวมเสื้อขาดรุ่งริ่งที่รับเงินไป  1,000 เหรียญสหรัฐ หรือกระทั่งหญิงหม้ายที่สูญเสียสามีนักผจญเพลิงไปในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเขามอบเงินช่วยเหลือไปถึง 5,000 เหรียญฯ

ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นการต่อยอดจากของขวัญชิ้นเล็กที่สุดชิ้นแรกที่เขาเคยมอบให้คนแปลกหน้าเมื่อ 26 ปีก่อน นั่นคือ ธนบัตร 5 ดอลลาร์ โดยของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดนั้นคือเงินจำนวน 10,000 เหรียญฯ ที่เขาจ่ายไปในปี  2542 รวมๆ แล้วนักบุญนิรนามผู้นี้สละทรัพย์ส่วนตัวแก่คนที่ตนไม่รู้จักมักคุ้นไปแล้วประมาณ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 48 ล้านบาท

เรื่องราวของเขากลายเป็นเหตุการณ์ลึกลับในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของชาวอเมริกัน
ที่ถูกเล่าขานมาเนิ่นนาน "ใครคือซานตาลึกลับ?" คนจำนวนมากตั้งคำถาม

มาบัดนี้  ซานตาลึกลับตัดสินใจว่าถึงเวลาที่เขาต้องเปิดเผยตัวตนของเขาแล้ว  นั่นเป็นเพราะเขาเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก  เพราะมะเร็งกำลังจ่อคร่าชีวิตที่กำลังอ่อนแรงจากการทำเคมีบำบัดของเขา   และเขาปรารถนาให้แรงศรัทธาของตนถูกถ่ายทอดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น  สุ่มทำดีมีเมตตากับคนที่พานพบ

"เราทุกคนควรจะได้ร่วมแบ่งปันพรด้วยกัน  สิ่งนี้เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง"  ลาร์รี  สทวร์ต บุรุษวัย  58  ซึ่งออกแจกจ่ายเงินตามปณิธานที่เขาตั้งไว้กับตัวเองเมื่อปี 2514 ครั้งที่เขาอดอยากหิวโหยและไร้ที่อยู่  และมีคนแปลกหน้ารายหนึ่งยื่นเงินมาให้ 20 เหรียญฯ เป็นกำลังใจต่อยอดให้เขามีชีวิตถึงทุกวันนี้

ปัจจุบัน   สทวร์ตเป็นเศรษฐีเงินล้านจากการลงทุนในธุรกิจเคเบิลทีวีและโทรคมนาคม แต่เขาบอกว่าทุกวันนี้เขาไม่เคยลืม "รสชาติของความสิ้นหวัง" สทวร์ตต้องการเห็นการให้ทานของเขาช่วยทั้งผู้คนที่น่าจะต้องการเงิน และช่วยเผยแพร่ความรู้สึกแห่งความหวังและศรัทธาในมนุษยชาติ

หลายปีแล้ว ที่เขาออกให้ทานโดยอำพรางตัว ใส่ชุดสีขาว-แดง สวมหมวกแก๊ปสีแดงบนศีรษะผมขาวโพลน  ออกกวาดตามองหาสิ่งที่เขาเรียกว่า "เป้าหมาย"  ตามเมืองต่างๆ ทั่วอเมริกา เขาเคยไปนิวยอร์กภายหลังวินาศกรรม  11  กันยายน  2544  ไปยังวอชิงตัน ภายหลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายสุ่มยิงคนตายไปหลายรายเมื่อปี  2545  และไปยังกัล์ฟพอร์ต  รัฐมิสซิสซิปปี  ภายหลังเฮอริเคนแคทรีนาพัดถล่มเมื่อปีที่แล้ว

ตลอดหลายปีมานี้ สทวร์ตมีเพื่อนหลายคนมาช่วยภารกิจของเขาด้วย คนเหล่านี้ช่วยขับรถพาเขาไปตามถนนสายต่างๆ  ไปยังสถานีรถประจำทาง  ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านขายสินค้าราคาถูก แล้วก็ช่วยให้เขาสามารถปลีกตัวจากมาได้อย่างรวดเร็ว

สทวร์ตกล่าวว่า   เขาหวังจะปิดบังตัวตนต่อไปอีก   ถ้าไม่เป็นเพราะตรวจพบโรคมะเร็งลามที่หลอดอาหารและตับเมื่อเดือนเมษายนปีนี้   เขาจึงตัดสินใจเริ่มบอกเล่าเรื่องราวของตนและหวังว่าจะมีคนอื่นๆ มาสานต่องานนี้เมื่อเขาเองต้องเริ่มกลับไปทำเคมีบำบัดรอบที่ 13 ในเดือนมกราคมปีหน้า

ตอนนี้สทวร์ตมี   "ซานตาฝึกหัด"  แล้ว  4  คนที่จะช่วยเขาออกแจกจ่าย "ของขวัญ" 165,000 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยจะตั้งต้นที่ชิคาโกเป็นเมืองแรก

เขายังจัดตั้ง "สมาคมซานตาลับ" มีเว็บไซต์ของตัวเองชื่อ www.secretsantausa.com  สมาชิกของสมาคมนี้จะต้องปฏิญาณตนว่าจะ  "สุ่มทำดีมีเมตตา" อย่างน้อย 1 ครั้ง และเพียง   2  วันภายหลังเขาประกาศเจตจำนงว่าอยากกระตุ้นให้คนอื่นรู้จักการให้ทาน ก็มีผู้คนสมัครเข้าร่วมมากกว่า 2,700 คน

ทอม  ฟิลลิปส์  นายอำเภอแจ็กสันเคาน์ตี  รัฐมิสซูรี เป็นผู้หนึ่งที่เริ่มติดตามสทวร์ตออกปฏิบัติภารกิจซานตาลับเมื่อหลายปีก่อน

"ตอนแรกๆ   ผมจะรู้สึกแบบ..อา   ใช่แล้ว  หมอนี่ต้องบ้าแน่''"  ฟิลลิปส์หวนถึงอดีต "แต่พอถึงตอนท้ายของวันนั้น ผมเกือบจะร้องไห้เอา"

สทวร์ตโตมาในเมืองบรูซ  รัฐมิสซิสซิปปี โดยมีตายายเลี้ยงดูด้วยเงินยังชีพจากสวัสดิการสังคมและเงินการกุศลที่ได้รับบริจาคเดือนละ 33 เหรียญฯ ชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้มากทีเดียวกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาเคยทำงานเป็นเซลส์แมนและต้องวิ่งรอกทำงานตามเมืองต่างๆ

ในปี  2514 สทวร์ตตกงานและต้องอาศัยนอนในรถ วันหนึ่งเขาทนหิวไม่ไหวจึงไปสั่งอาหารและนั่งทานมื้อเช้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเล็กๆ  ของมิสซิสซิปปี ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่มีเงินจ่าย  เขาแกล้งทำเป็นกระเป๋าสตางค์หาย   แต่แล้วสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  เจ้าของร้านเดินมาจากเคาน์เตอร์  แต่แทนที่จะตะคอกใส่สทวร์ต เขากลับก้มลงที่พื้น จากนั้นก็โน้มตัวมาหาพร้อมกับยื่นเงิน 20 ดอลลาร์ให้

"เขาพูดว่า  คุณทำมันตกไว้แน่เลย"  สทวร์ตเล่าความหลัง  "นั่นเป็นเหมือนใบเบิกทาง ผมสวดมนต์และสัญญากับพระเจ้าว่าจะหาทางชดใช้คืน"

ซูซาน  ทเวดเทน  หญิงหม้ายจากแคนซัสซิตี  ได้พบกับสทวร์ตครั้งแรกในวันคริสต์มาสอีฟปี 2542 เพียงไม่กี่วันภายหลัง จอห์น สามีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยดับเพลิงแคนซัสซิตี เสียชีวิตขณะดับเพลิง ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูกตามลำพัง   สทวร์ตซึ่งมีตำแหน่งในคณะกรรมการอาชญากรรมแคนซัสซิตี  ได้ยินได้ฟังโศกนาฏกรรมที่เกิดกับครอบครัวนี้   เขาเดินทางจากบ้านที่ลีส์สัมมิต   ชานเมืองแคนซัส  ไปเคาะประตูบ้านของเธอ กล่าวแสดงความเสียใจพร้อมกับมอบเงินให้ 5,000 ดอลลาร์

"เขาเป็นคนพิเศษมากค่ะ"  ทเวดเทนกล่าว "เขาต้องการช่วยคน  นั่นเป็นข้อแตกต่าง  ฉันเองก็หวังเช่นกันว่า ถึงจุดหนึ่งฉันจะสามารถถ่ายทอดมันต่อไป ส่งมันต่อไปยังคนอื่นๆ"

และสำหรับสทวร์ตแล้ว การส่งต่อนี่แหละถือเป็นประเด็นสำคัญ

"นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวผมเลยนะครับ"  เขาว่า "มันเป็นเรื่องของการให้การสุ่มเลือกและปราศจากการคาดหวังสิ่งใดตอบแทน...
นั่นน่ะสามารถเปลี่ยนแปลงคนคนหนึ่งได้เลยครับ".

ที่มาจากหนังสือพิมพ์
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง