
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พย. 49 ทั้งสองบริษัทที่ถูกจับกุมเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในเขตปทุมธานี ไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทเนื่องจากอาจมีผลต่อรูปคดี ส่วนหนึ่งที่ถูกจับกุมเพราะการประสานข้อมูลจากบีเอสเอ หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์
ของกลางที่พบในทั้ง 2 บริษัทคือคอมพิวเตอร์ที่มีการติดตั้งโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนรวม 170 เครื่อง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำส่งพนักงานสอบสวนของปศท. โดยตามกฎหมายแล้วการใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนในองค์กร จะทำให้บริษัทและผู้บริหารระดับสูงต้องโทษปรับไม่เกิน 8 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษปรับจำนวน 8 แสนบาทนั้นอาจน้อยนิดเมื่อเทียบกับมูลค่าการละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนรวมกว่า 11 ล้านบาทที่บริษัทผู้สร้างซอฟต์แวร์ต้องเสียไป มร.ดรุณ ซอว์นีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ประจำภูมิภาคเอเชียของบีเอสเอ กล่าวว่าโทษจำคุกผู้บริหารระดับสูงจำนวน 4 ปีคือสิ่งที่จะทำให้เกิดความเกรงกลัวต่อการละเมิดลิขสิทธิ์
นายดรุณกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่บีเอสเอพบอยู่ที่ตัวผู้บริหารระดับสูง พนักงานไอทีในองค์กรส่วนใหญ่จะรู้ถึงวิธีการซื้อซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ และโทษที่จะได้รับหากมีการตรวจพบการละเมิด แต่เมื่อส่งใบเสนอราคาแก่ผู้บริหารระดับสูง คนเหล่านี้จะเป็นผู้ที่สั่งการไม่ผ่านงบประมาณเหล่านั้น และระบุให้ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนแทน
“เราจะต้องให้ความรู้แก่คนเหล่านี้ ที่ผ่านมาเรามีการประชาสัมพันธ์ มีการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ แต่ในเมื่อเราดำเนินการทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีการละเมิดอยู่ เราก็ไม่มีทางเลือก ต้องจับกุมและต่อสู้ทางคดีทั้งแพ่งและอาญาต่อไป”
ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ทางปศท.สามารถจับกุมคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ได้ทั้งสิ้น 80 แห่ง มีการตรวจพบซอฟต์แวร์ผิดกฏหมาย 3,156 โปรแกรม รวมมูลค่าการละเมิด 246 ล้านบาท
การสำรวจล่าสุดในปีที่ผ่านมา อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ทั่วโลกอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะในเอเชีย 54 เปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศไทยสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์
“ยอดการสูญเสียรายได้จากการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปี 2005 ในประเทศไทยเพียงปีเดียวสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ไทยเป็นหนึ่งในสองของประเทศเอเชียที่มีแนวโน้มการละเมิดเพิ่มขึ้น ในขณะที่คนอื่นมีแนวโน้มลดลง อีกประเทศหนึ่งคือฮ่องกง”
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ติดสามอันดับประเทศที่มีการละเมิดมากที่สุดในเอเชีย โดยอันดับหนึ่งคือประเทศเวียดนาม มีการละเมิดสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ อันดับสองและสามคืออินโดนีเซียและจีน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่สี่
สำหรับความคืบหน้าในการปราบปรามการจำหน่ายซอฟต์แวร์เถื่อนตามห้างดังอย่างพันธุ์ทิพย์และมาบุญครอง มร.ดรุณให้ข้อมูลว่า สามารถจับกุมได้แล้วทั้งสิ้นคิดเป็นมูลค่าการละเมิดลิขสิทธิ์ราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล
ที่มา-
