วิสาขามหาอุบาสิกา (ผู้ถึงฝั่งนิพพาน)
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงต้องตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คือ ผู้มีกรรมเป็นบาปจักไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญจักไปสู่สุคติ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมงามอันจะนำไปสู่สัมปรายภพ สั่งสมไว้ บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก
มหาเศรษฐีกากวฬิยะ
ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมแม้ประมาณน้อยที่บุคคลบางคนทำแล้ว บาปกรรมนั้น ย่อมนำเขาไปนรกได้ บาปกรรมประมาณน้อยอย่างเดียวกันนั้น บางคนทำแล้ว กรรมนั้นเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรมที่ให้ผลในภพปัจจุบัน
เส้นทางสู่สันติ
กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเล็งเห็นภัยในมรณะนี้ พึงมุ่งต่อสันติ ละโลกามิสเสีย
บุญติดตามไปถึงภพหน้า
บุญที่คนเราทำไว้จะติดตามตัวเราไปเหมือนเงา ไม่ได้สูญหายไปไหน และจะส่งผลมากมายเกินคาด คล้ายกับการที่เรานำเมล็ดผลไม้เพียง ๑ เมล็ดมาปลูก เมื่อเติบโตเต็มที่ก็จะให้ผลครั้งละมากมายและเก็บผลได้นานหลายปี บุญแม้ทำเพียงครั้งเดียวก็ให้ผลมหาศาล และนำไปใช้ได้ข้ามภพข้ามชาติ บาปก็เช่นกันทำเพียงครั้งเดียวก็จะส่งผลร้ายข้ามภพข้ามชาติ
มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๑๓ ( ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์ )
เสนกะทูลว่า " ข้าแต่พระมหาราชเจ้า มโหสถยังเด็ก แม้ทุกวันนี้ปากของเธอยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มโหสถจะรู้อะไร ฝูงนกบินไปบินมาตามต้นไม้ในป่าที่มีผลดกฉันใด ชนเป็นอันมากย่อมคบหาสมาคมผู้มั่งคั่งมีโภคทรัพย์มาก เพราะความต้องการด้วยทรัพย์ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น คนมีสิริสมบัติเท่านั้นเป็นคนประเสริฐ "