ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

สาระน่ารู้ เพื่อสุขภาพ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 02:32 AM

สาระน่ารู้ เพื่อสุขภาพ

พิมพ์ลงจุลสารจราจร-จักรแก้ว ฉบับ เดือน ………….. ปี 2 5 3 9

ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ

สวัสดีครับ ! ชาวจราจรทุกท่าน

ร่างกายของมนุษย์นั้น … ในทัศนะหนึ่ง (ของผม) อาจเปรียบได้กับ
" หุ่นยนต์ชั้นเลิศ " หรือนวัตกรรมชิ้นเยี่ยม …
เพราะมีกลไลสลับซับซ้อน … มีความสามารถในการดำรงชีพ
… และมีศักยภาพสูงในการทำงานต่างๆ

ร่างกายของมนุษย์นั้น … เหมาะสมใช้สร้างบารมีอันยิ่ง
กว่าร่างกายของสัตว์ทั้งปวงในมนุษโลก .. ในเทวโลก …
หรือแม้ในพรหมโลก .. ด้วยซ้ำ

… ด้วยเหตุนี้เอง … " กายมนุษย์ " จึงทรงซึ่งคุณค่าเสมอ ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะรู้หรือไม่ก็ตาม …
… มนุษย์ท่านใด … มีสุขภาพกายแข็งแรง สมบูรณ์ …

ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับ … ความสำเร็จ … ความสุข … ในการดำรงชีพ
… ในการทำงาน และ งานทำความดีอันยิ่ง คือ การสร้างบารมี มากยิ่งขึ้นเท่านั้น.

… เมื่อเราจำเป็นต้องใช้กายมนุษย์นี้ตลอดชีวิต ( จำเป็นจริงๆนะ จะบอกให้ )
^_^
จึงสมควรอย่างมากที่เราจะ " ตอบแทนคุณ " กายมนุษย์ของเราเอง …

ด้วยการ … รักษาสมดุลย์ … บำรุงร่างกาย ให้ดี ด้วยปัจจัยสี่และปัจจัยอื่นๆ ตามกาลสมควรอยู่เป็นนิจ
( บ่อยๆ เสมอๆ ) …

… การที่จะรักษาสุขภาพ-บำรุงร่างกาย จำเป็นต้องมีความรู้ เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย … พอสมควร …
เมื่อคุณยังตรัสรู้เองไม่เป็น ก็ควรแสวงหาความรู้เพิ่มเติม … อย่างน้อยก็ที่ …
แต่น … แตน … แต๊น

คอลัมน์ “ สาระน่ารู้เพื่อสุขภาพ ” ในจุลสารจักรแก้ว อะคึคึคึ :lol: ประชาสัมพันธ์ซะเลย
ฉบับนี้(ค่อนข้าง)พิเศษมาก เพราะหมอตัวจริงไม่ว่าง ผมจึงดีใจ ขอเสนอความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ในเวอร์ชั่นใหม่
สไตล์ผมเอง ทั้งนี้เพื่อ .. เพิ่มพูนความรู้ของท่าน … และเพื่อ “ บุญ ” จากวิทยาทานของผม …

โปรดติดตามกันต่อไป เถอะนะ น่า-นะ
:D


ฉบับนี้เสนอตอน
อะไรเอ่ย ? มื้อเย็น

คุณ …
ก็คุณนั่นแหละ … เป็นคนอ้วนหรือเปล่า ?
… เอาเหอะ ถึงแม้คุณจะยังไม่อ้วน
.. ถึงแม้ไม่ต้องการลดน้ำหนัก
แต่ … หากคุณสามารถ … “ งดอาหารซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอน ”

จะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อสุขภาพร่างกายของคุณ…
หรือถ้า “ งด ” ไม่ได้ “ ลดปริมาณ ”ก็ยังดี … หรือถ้า “ ลดปริมาณ ” ก็ยังไม่ได้
ก็ขอให้ “ งดหรือลด ”อาหารประเภท เนื้อ ก็แล้วกัน

เพราะการทานอาหารประเภท เนื้อ ในมื้อเย็น ซึ่งคงไม่เกินอีก 5 ชั่วโมง
… บรรดาคุณ ๆ ส่วนใหญ่คงเข้านอนหลับพักผ่อนและก่อนนอน
มีโอกาสน้อยที่ร่างกายจะเคลื่อนไหว ใช้พลังงาน … เมื่อท่านทานอาหารจำพวกเนื้อ
… มีผลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ ต้องทำงานหนักหน่วง .. หนำซ้ำ … ปริมาณไขมันในเส้นเลือดก็เพิ่มตามด้วย …

… เมื่อท่านนอนหลับในช่วงนี้ .. เจ้าไขมันจำนวนมากที่สะสมในเลือด
.. ก็จะชวนมาPartyเกาะติดอยู่ตามผนังหลอดเลือด
:P
… ในเวลาพร้อมกับที่การไหลเวียนของเลือดและกระบวนการ “ เมตตะบอริซึ่ม ” ของร่างกายทำงานช้าลง ( อู้มั้ง ) …
… เมื่อเป็นเช่นนี้ … โอกาสที่หลอดเลือดจะแข็งตัว ก็เป็นได้ง่ายมาก …

จากผลการวิจัยของแพทย์ทั้งหลาย ล้วนนั่ง-ยัน ยืนยันพร้อมกันว่า

“ คนที่ทานอาหารประเภทเนื้อในมื้อเย็น เป็นประจำจะมีไขมันในเส้นเลือดมากกว่าคนไม่กินถึง 3 เท่า ”

ซึ่งอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อร่าางกาย … โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
… ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
… เอาเถอะ … ถึงแม้ตอนนี้ ย้ำ ตอนนี้ … สุขภาพท่านยัง (ดู) ปกติดี
…แต่ อย่าชานชาลา เอ๊ย อย่าชล่าใจ กินเนื้อเพลินหล่ะ

อย่างน้อยที่สุด … ท่าน … ควร … ลดอาหารประเภทเนื้อในอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอน
.. และจะดียิ่งขึ้นหากท่านมีความสามารถ ( อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ มีหรือเปล่า ) … งดอาหารมื้อเย็นได้

ท่าน … จะเป็นผู้วิเศษได้ … เพียงแต่เมื่อท่านจะงดอาหารมื้อเย็นแล้ว … ก็สมควรอย่างยิ่ง .. ที่จะถือวิสาสะ …

ส ม า ท า น ศี ล ๘

… เพียงท่าน … สอดส่ง น้อมใจถึงพระรัตนตรัยภายใน … แล้วสวดมนต์ สมาทานศีล ๘ ให้สะอาด …
… เพียงเท่านี้ … ท่านก็แปลงร่างเป็นผู้วิเศษ ได้ ( ในดวงใจข้าฯ ) …
… เพียงเท่านี้ … ท่าน … จะได้ “ บุญ ” จากการสมาทานรักษาศีล ๘ …

… จำได้ใช่ไหมว่า “บุญ ” นั่นไงที่อยู่เบื้องหลัง-ฉากหลัง … ค ว า ม สุ ข … ค ว า ม สำ เ ร็ จ … ในชีวิต
และที่สำคัญ …. เมื่อท่าน สมาทานรักษษศีล ๘ แล้ว โปรดกรุณาเมตตานึกแผ่บุญให้ ข้าพเจ้า ด้วยนะ …

ขอกราบอนุโมทนาบุญ ด้วยครับ … สาธุ
แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด


ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ
ตอน
ทำไม ? ไม่เค็ม ร่างกายไม่ทำงาน

… อะไรเอ่ย ? … อยู่ในครัว ??? คำเดียวพยางค์เดียว .. ง่ายทั้งหยิบ … ง่ายทั้งใช้ … ราคาไม่แพง …
ถ้ายังนึกไม่ออก จะบอกให้ก็ได้ … คำเฉลย คือ “ เกลือ ” ไงหล่ะ …
“ เกลือ ” นี่แหละเป็นสิ่งที่ร่างกายมนุษย์อย่างเราๆท่านๆ … จะขาดไม่ได้ … เพราะโดยธรรมชาติ
“ เกลือ ” … เป็นส่วนประกอบอยูในเลือดของเราอยู่แล้ว เช่น

ถ้าท่านมีน้ำหนักร่างกาย 70 กิโลกรัม ….. จะมี “ เกลือ ” เป็นส่วนแบ่งน้ำหนัก 150 กรัม
โดย เกลือ … จะเข้าไปแทรกอยู่ในน้ำเหลืองบ้าง .. แทรกอยู่ในเลือดบ้าง
… อยู่ในน้ำบ้าง หรือแทรกในไขสันหลังบ้าง
ถ้าท่านไปถามหมอ ( แพทย์ นะไม่ใช่คนชื่อหมอ ) เช่น
หมอที่ใจดีแบบ ว่าที่หมอ ทนงชัย … ก็คงฟังการบรรยาย ยาวยืด …
แต่ในคอลัมน์นี้ ผมไม่ใช่หมอ จึงขอ ว่าโดยย่อ ล่ะกัน … กล่าวคือ …

… ธาตุแคลเซี่ยมในเกลือ … เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ อวัยวะภายในร่างกาย ทำงานได้อย่างปกติ …
… นั่นคือ หากขาด “ เกลือ ” อวัยวะภายในร่างกาย จะไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ …
ตัวอย่างเช่น
… ถ้าหัวใจ ขาดเกลือ … หัวใจจะเต้นผิดปกติ … ( อ๊ะ ชะ ชะ ช่า ) ^_^

… ถ้ากล้ามเนื้อ ขาดเกลือ … อาจเกิดอาการชัก ได้

… ถ้ากระเพาะอาหาร ขาดเกลือ … จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานบกพร่อง … ( ดีที่ไม่ใช่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง )

… และ โดยที่ “ เกลือ ” มี ความเค็ม อันเป็นคุณสมบัติที่เหมาะเหม็ง ในการยับยั้งการเจริญเติบโต
และการขยายตัวของบรรดาเชื้อโรค นานาชนิด … ดังนั้น ..

“ เกลือ ” จึงถูก บรรดา แม่ครัว นำมาใช้ในการถนอมสภาพอาหาร ให้เก็บไว้ได้นานๆ
ด้วยการ “ หมัก – ดอง ” … อาหาร จำพวก เนื้อ … ไข่ … และ ผัก เป็นต้น.
… เอาหล่ะ .. ทีนี้พวกเราคงถึงบางอ้อ แล้วสินะ .. ว่า


… ทำมั๊ย ทำไม ??? พี่น้อย ที่พวกเราเคารพ … จึงเป็นคน เ ค็ มๆ ดูชอบกล …
… ก็เพราะว่า … พี่น้อย … เกรงว่าจะทำงาน ทำประโยชน์ให้พระศาสนา ไม่ได้มากๆ นั่นเอง
… จึงต้อง เ ค็ ม ๆ เข้าไว้ …

… พี่เค้าขาด เค็ม ไม่ได้ กลัวร่างกายทำงานไม่ปกติ …

ฮ ะ แ อ้ ม

… เค็มๆ … ในที่นี้ หมายถึง “ พี่น้อยชอบทานอาหารรสเค็ม ” นะ ไม่ได้หมายถึง ความเค็มอื่นๆ นะจะบอกให้ …

อนุโมทนาบุญด้วยครับ … สาธุ …
แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด


ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ
ตอน
ดีออกอย่างนี้ ยังจะอดนมอีกหรือ

… มีคนอยู่ไม่น้อยที่มีความเชื่อว่า : การดื่มนม ทำให้ อ้ ว น
จึงทำให้คนที่กำลังอ้วน และคนที่กำลังลดความอ้วน
ไม่ดื่ม นม … เมื่อไม่ดื่มนม … ร่างกายจึงเสียโอกาสที่จะได้รับ สารอาหาร …
ที่ อุดม ไปด้วยคุณค่า …
… แต่ … จากรายงานผลการวิจัยของแพทย์ … ทำให้เราทราบว่า

: ความอ้วน ไม่ได้มีสาเหตุจากการ กิน-ดื่ม เท่านั้น …
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่ อ้วนเพราะการดื่มนม

… แต่ ความอ้วนมีสาเหตุมาจาก …
: กรรมพันธ์ / อารมณ์ขณะทานอาหาร / การทานอาหารบางชนิดมากเกิน …

และขาดการออกำลังกายที่เหมาะสม
แพทย์ยังอธิบายต่อว่า … การดื่มนม … ไม่ทำให้อ้วน …
เพราะว่า โดยปกติ นม มีสารอาหารประเภทไขมันที่อุดมไปด้วย
พลังงานและให้ความร้อนแก่ร่างกาย … ประโยชน์ของ นม ยังมีอีก เช่น

๑. กินเยอะทำให้ อิ่ม :D
๒. สร้างเสริมเนื้อเยื่อให้แก่เด็ก
๓. ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอให้แก่ผู้ใหญ่
๔. ช่วยให้กล้ามเนื้อ หดตัวได้ดี ทำให้เนื้อแน่น ไม่เหี่ยวง่าย อาจเรียกว่า ชะลอความแก่ ก็ได้
๕. ช่วยให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นสูง จึงเป็นการช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ นั่นเอง
โดยเฉพาะ นมเปรี้ยว ( โยเกิร์ต ) มีโปรตีนที่ย่อยง่าย … มี วิตามินหลากหลายชนิด
๖. สร้างภูมิต้านทานได้สารพัด ( พูดเหมือนโม้เลยเนอะ )
๗. ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
๘. ช่วยป้องกันผมร่วง
๙. ช่วยกำจัดไขมันในเส้นเลือด

และมีอีกคุณค่าหนึ่งที่ใครๆก็นึกไม่ถึง คือ แคลเซี่ยม ใน นมเปรี้ยว
จะทำหน้าที่กล่อมประสาท ทำให้ไม่โกรธง่าย
ลองดื่ม นมเปรี้ยว สิ …
แต่อย่าหลงไปดื่ม นมบูด หล่ะปะเดี๋ยวจะ โกรธกันไม่เลิก ^_^

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า นมหรืออาหารอื่นๆจะมีคุณสมบัติ บำรุงสุขภาพกาย … ในขณะเดียวกัน …
… ก็บำรุงสุขภาพกาม ด้วย( ความอยากต่างๆ ) … ความอยากมากในบางสิ่ง .. มันบั่นทอนสุขภาพกายและใจ …
ฉะนั้น … จึงควรระวัง … การเสพอาหารที่บั่นทอน สุขภาพกาย … และ เลือกเสพอาหารที่บำรุง สุขภาพใจ
… อาหารที่บำรุง สุขภาพกาย มีอยู่มากมายหลายชนิด สามารถซื้อหาง่ายตามตลาดทั่วไป

… แต่สำหรับ …
อาหารที่ บำรุง สุขภาพใจ มีอยู่ในตลาดเดียว คือ ตลาดแห่งการทำความดี บำเพ็ญบารมีธรรมให้แก่กล้า
ตลาดที่ดีที่สุด … อยู่ในสกลพุทธศาสนา ตลาดที่ดีที่สุด … อยู่ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
เข้าตลาด … ด้วยการ หมั่นฝึกใจหยุด นิ่ง คือ หมั่นนั่งสมาธิ นั่นเอง …

… นอกจากเราบำรุง สุขภาพใจ ด้วยการนั่งสมาธิ แล้ว … ยัง สามารถ บำรุงได้ด้วย …
การคัดเลือกสานต่อ ความนึกคิดที่ดีๆ … หมั่นนึกถึงการสร้างบารมีของเราและหมู่คณะที่ผ่านๆมา …

ให้ใจอยู่ในบุญ … และฝึกเป็นคนที่โกรธยาก … ( อาจใช้วิธีดื่มนมเปรี้ยวก็ได้ )
ไม่ควรมีเงื่อนไขมาก กับการทำใจให้ใส ให้สงบ หยุด นิ่ง อย่างสบ๊าย สบาย อย่าง ง๊ายง่าย …

และไม่ควรลืมว่า … สุขภาพกายและใจ ที่ดี คุณเลือกได้และทำได้ เสมอ …
… หมู่พยัคฆ์ … เสพเนื้อกวางและโค …. เป็นภักษาหาร … ส่วน
หมู่บัณฑิตนักสร้างบารมี … เสพบุญ-ความสุขในการบำเพ็ญบารมี … เป็นภักษาหาร

ขอกราบอนุโมนาบุญด้วยครับ ส า ธุ
แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด


ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ
ตอน
ตาใส โลกสวย ใจใส บุญสวย

กลยุทธ์หนึ่งในคัมภีร์ พิชัยสงคราม กล่าวถึง วิธีพิชิตข้าศึก ไว้ข้อหนึ่ง คือ กลยุทธ์ ดับตา
เพื่อตัดกำลังของข้าศึก โดยเฉพาะ ขุนพลระดับแม่ทัพนายกอง …

ตา … ในคัมภีร์ นั้นหมายถึง แม่ทัพนายกองของข้าศึกที่มีความ
สำคัญมาก เก่งมาก เก่งจนสามารถ
ทำให้สงครามแพ้-ชนะ กันได้

ส่วนการดับ นั้นหมายถึง อุบายต่างๆ เช่น ล่อลวงด้วยอามิส … มอมเมาด้วยสุรา – นารี …
ยุแยงให้แตกความสามัคี เป็นต้น.
กลับมาเรื่อง … ตา … ในคัมภีร์นี้ดีกว่า …

ตา … ในที่นี้หมายถึง ดวงตา สายตา ของเรานี่แหละ
ปัจจุบัน … ปัญหาทางสายตา เกิดกับมนุษย์เพิ่มมากขึ้นทุกปี ไม่เฉพาะผู้สูงอายุ
ซึ่งสุขภาพสายตาเสื่อมลง ตามกาลเวลาเท่านั้น

จักษุแพทย์ ได้แนะนำความรู้ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพสายตา ไว้มากมาย ว่าโดยย่อ มีดังนี้ :

๑. จำไว้ว่า การดูแลรักษาสุขภาพสายตาที่สำคัญ คือ ใช้สายตาเมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ – พอดี เท่านั้น

๒. ไม่ควรใช้สายตานานๆ โดยไม่พักสายตา และ ใช้สายตาในระยะที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น
- ดูทีวี ในระยะมากกว่า 2.50 เมตร + พักสายตาทุกๆ 30 นาที
- การอ่านหรือเขียนหนังสือ นอกจากแสงสว่างต้องพอ และไม่สว่างจ้าเกินไปแล้ว ยังไม่บังควร ทำอาการ
ฟุ บ แ อ้ ง แ ม๊ ง พั ง พ า บ
ลงไปนอน อ่านหรือเขียนหนังสือ เพราะทำให้ กล้ามเนื้อของดวงตา ตึงเครียดมากกว่าปกติ

๓. รู้จักพักสายตาซะบ้าง เช่น
- วิธีหลับตา 1 – 5 นาที ว่ากันว่าวิธีนี้ง่ายและดีที่สุด

ลองสิ … ปิดตานอก เปิดตาใน นึกดวงธรรม ดวงใสๆ องค์พระขาวใส ได้ทั้งพักสายตา พักใจ ได้บุญด้วย
- วิธีมองไปไกลๆ ให้สุดสายตา ที่มีแสงไม่จ้านัก เพื่อคลายกล้ามเนื้อตาที่ตึงเครียด ได้ยืดหยุ่นเต็มที่
- วิธีหลับตา แล้วใช้นิ้ว นวดเบาๆรอบกระบอกตา วน(ขวา)เป็นวงรี ข้างละ 2-3 นาที และ

ข้อนี้หมอไม่บอก แต่ขอแนะนำเองว่า … ใช้วิธีของ พี่น้อย คือ
ทำใจ ทำอารมณ์ เหมือนวัยที่ร่าเริงง่าย เบิกบานง่าย ไม่มีเงื่อนไขที่จะ หัวเราะมันส์ๆ หัวเราะทีละนานๆ
จนคนอื่น หยุด แล้ว แต่ พี่น้อย ยังไม่หยุด และที่สำคัญ
… ต้องบีบน้ำออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงนัยน์ตาให้ชุ่มชื่น …
ดวงตาพี่น้อยจะดูสดใส … แต่โปรดสังเกตุให้ดี … ที่ใต้ขอบตาของ ป้าน้อย
… จะเห็นผิวหนัง ที่เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็ว หลังการหัวเราะ
จะหย่อนน้อยๆ พองาม ให้ดูสมวัย …

ว่ากันว่า พี่น้อย อยู่สร้างบารมีได้เบิกบานและสายตาเสื่อมช้ากว่าวัย … ก็เพราะการหัวเราะสไตล์แบบนี้นี่แหละ …

กลับมาเรื่อง ตา ต่อ

สำหรับท่านที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ วันละนานๆ … ซึ่งนอกจากท่านต้อง
ป ว ด เ มื่ อ ย ห ลั ง ไ ห ล่ ต้ น ค อ ข้ อ มื อ แล้ว ระ บบ ขับ ถ่าย ยังพลอยขัดข้องไปด้วย …
และที่สำคัญ … สุขภาพสายตา จะเสื่อมลงเร็วกว่าปกติด้วย
ปัญหาทางกาย นั้น มีนักวิจัยแนะนำว่า

- ท่านั่ง ต้องนั่งกายตรง ( ดำรงสติมั่น ) ให้กระดูกสันหลังเหยียดตรง (ท่านั่งของพระธรรมกาย สิ มาตราฐานดีที่สุด )
- ไม่บังควร นั่งคร่ำเคร่งกับงาน มากเกินไป ( แก้ยากนิ ) บังควร ลุกเดินเพื่อยืดเส้น สะบัดแขน-ขา-ข้อมือ-ขยับไหล่
- ดื่มน้ำ เปล่าสะอาดมากๆ เพื่อลดความเข้มข้นเลือด และ ชำระล้างสิ่งที่เป็นโทษแก่ร่างกาย เป็นการรักษาสมดุลย์

ปัญหาทางสายตา นั้น มีนักวิจัย พบว่า

I. User หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย มัก ขาดน้ำหล่อเลี้ยงนัยน์ตา และ มัก กระพริบตา ~ 7 ครั้งต่อนาที
เมื่อ ตา … ขาดน้ำหล่อเลี้ยง มีผลให้ เกิดการระคายเคือง กล้ามเนื้อตาเครียด ตาเมื่อย ตาล้า อาจเป็นไมเกรน ได้

ข้อแนะนำคือ
- ควรกระพริบตาบ่อยๆ เพื่อเรียกน้ำหล่อเลี้ยงนัยน์ตา
- ปรับระดับจอภาพ ให้ต่ำกว่าระดับสายตาของเรา เงยจอภาพขึ้นมาหาสายตาเราที่มองลงไป (หรือปรับที่นั่งสูงขึ้น)
สายตาเรามองลงต่ำลงมา จะช่วยให้ดวงตาเราเปิดน้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำหล่อเลี้ยงนัยน์ตา แห้งช้าลง

II. ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ มักใช้สายตานานเกินไป ลืมพักสายตา
ทำให้กล้ามเนื้อตาเครียด จนบีบรัดเลนส์ตาให้เมื่อยล้าไว

ข้อแนะนำคือ : พักสายตาทุก 10 นาที ด้วยการมองวัตถุที่อยู่ไกลๆ 6 – 10 เมตร
มองนาน 2-3 นาที หรือใช้วิธีในหน้าแรก

III. ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ที่สวมแว่นสายตา อยู่แล้ว … ควรมี
…แว่นตาสำหรับงานหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
ซึ่งต้องปรึกษาจักษุแพทย์ ในขณะเดียวกันควรวัดสายตาทุก 6 เดือน
เพื่อได้ขนาดเลนส์ที่เหมาะสมกับสายตาปัจจุบัน

IV. การถนอมสายตาอีกวิธีหนึ่ง คือ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ไม่ควร สวมเสื้อที่สีสว่าง
เพราะจะสะท้อนบนจอภาพสู่สายตาเรา ซึ่งทำให้อาากรเมื่อยล้าของตา มีไวกว่าปกติ

V. ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ภายในห้องต้องมีความสว่างที่เพียงพอและพอดี หากความสว่างในห้องมีน้อย
ตา จะรับแสงสว่างที่สะท้อนจากจอภาพ มาสู่ตาเต็มทึ่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสายตาเลย
… หากท่านดูแลสายตาได้ดี … ก็จะมีสายตาที่ดีไว้ดูโลกสวยได้อีกนาน …


ใจใส
ใจใส … หมายถึง ดวงใจ ที่แช่อิ่มอยู่ในบุญ … ถูกกุศลธรรมกลั่นจนใส สะอาด บริสุทธิ์
เป็นดวงใจ … ที่มีความสว่างมากๆ … มีความเยือกเย็น .. ชุ่มฉ่ำ … เบิกบาน องอาจ …..
เป็นดวงใจ … ที่หลุดพ้น จากการร้อยรัดพันธนาการ ของอวิชชาทั้งปวง …

บุญสวย
บุญสวย … คือ ดวงบุญ ที่โตมโหฬาร … บรรจุแน่นด้วยอานุภาพกุศลธรรม หมุนขวา-ไขขึ้น
เป็น ดวงบุญ ที่ … โตคลุมฟ้า … โตคลุมไตรภพ … โตคลุมหมื่นโลกธาตุและอนันตจักวาล …

บุญดวงสวยนี้ … ว่ากันว่า … จะบังเกิดได้-มีได้ …
ด้วยการร่วมสถาปนา “ มหาธรรมกายเจดีย์ ”
มหาเจดีย์ .. ที่รวมเหล่าธาตุธรรมแก่กล้า … กลัากลั่น .. กล้าที่จะกลั่นหมื่นโลกธาตุ …
เป็นมหาเจดีย์ที่ … ควรค่าแก่การบุกฝ่ากรอบอวิชชา …

เป็นมหาเจดีย์ที่ … สำคัญและยิ่งใหญ่ เกินกว่าภาษามนุษย์จะพรรณาได้ …
เป็นบุญดวงสวย .. ของ “ ผู้พิชิตปิดเจดีย์ ” … เป็นบารมีที่เต็มเปี่ยมของผู้เป็นตัวแทนแห่งธาตุธรรม …
และ … เป็นดวงบุญใส ที่ส้วยสวย … สวยพิสุทธิ์ … เพื่อมุ่งไปถึง … ที่สุดแห่งธรรม

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด


ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ

ตอน

การให้ - ภูมิต้านทาน จากกุศลธรรม

… จงให้เวลา … สำหรับการให้ … เพราะวันหนึ่งๆ สั้นเกินกว่าที่คนดีๆอย่างคุณ … จะเห็นแก่ตัว
… จงให้เวลา … สำหรับการทำบุญปล่อยปลา … เพราะเป็นที่มาของสุขภาพที่แข็งแรง
… จงให้เวลา … สำหรับการมาวัดพระธรรมกาย … เพราะเป็นการร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะที่หาได้ยากยิ่งในภพสาม

คุณเคยทราบบ้างหรือไม่ว่า … การให้ … เป็นภูมิต้านทานที่ดีกว่าการฉีดวัคซีน …
แต่ … ไม่ว่าคุณจะทราบหรือไม่ก็ตาม …

การให้ … เป็นภูมิต้านทานโรคที่วิเศษกว่าวัคซีนใดๆ แน่นอน.

ว่ากันว่าสมัยรุ่นคุณแม่ … เด็กๆรุ่นนั้นส่วนมากเคยท่อง “ สุขบัญญัติ ๑o ประการ ” … มาแล้วเกือบทั้งนั้น
ซึ่งก็คือข้อปฏิบัติส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงได้ปราศจากโรคภัยได้จริง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบ … สิ่งแปลกใหม่เพิ่ทขึ้น พลอยทำให้สุขบัญญัติ ๑o ประการ (ของไทย)
ยืดยาวเยิ่นเย้อเกินไป … และจากการศึกษา-วิจัยของนัดวิทยาศาสตร์นี่เอง
… สุขบัญญัติจึงลดเหลือเพียง ๓ ประการ ได้แก่

๑. ทานอาหารหลักให้ครบ ๕ หมู่ อย่างได้อัตราส่วน-สัดส่วนที่เพียงพอ-พอดี
๒. ให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ให้ครบทุกส่วนของร่างกาย
๓. เป็นบัญญัติใหม่ล่าสุด คือ รู้จักการให้ความเอ้อเฟื้อ ช่วยเหลือผู้อื่น ทำความดีต่อผู้อื่น จะเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ดีที่สุด

บัญญัติประการที่ ๓ นี้ เป็นผลงานแพทย์ในคณะวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย มิชิแกน ซึ่งใช้เวลาทำการวิจัยนาน ๑o ปี
โดยศึกษาจากคนถึง ๗o,ooo คนจึงพบความจริงว่า คนที่มีความเมตตา กรุณา ชอบเอื้อเฟื้อ-แบ่งปัน และช่วยเหลือผู้อื่น
จะมีสุขภาพร่างกายและจิตใจดีกว่าผู้อื่น มีอายุยืนมากกว่าคนที่ชอบเห็นแก่ตัวและชอบเบียดเบียนผู้อื่น

จากผลการวิจัยนี้ พออธิบาย(เอง)ได้ว่า

… สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นผลมาจาก การมีสุขภาพใจที่ดีงาม ใจที่อ่อนโยน เป็นมิตร มีความเมตตาปรารถนาดีกับผู้อื่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง … เมื่อใจหยุด ใจนิ่งได้สมบูรณ์ที่ศูนย์กลางกายฐานมี่ ๗ …

การให้ … นอกจากช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคทางกายแล้ว ยังได้เพิ่มภูมิต้านทานโรคทางใจ คืออกุศลธรรมอีกด้วย
… บุญที่เกิดจาก … การให้ …สามารถชำระอกุศลธรรม ที่แอบซึมซาบในดวงใจให้สิ้นไป จึงทำให้มีสุขภาพใจที่แข็งแรงอีกด้วย
… การให้ … นำสู่ความอิ่มเอมใจ ความสุขใจ และเพิ่มภูมิต้านทานโรค นำสู่มีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งกายและใจ …
… การให้ … สนับสนุนการวร้างบารมีได้สะดวก-เต็มที่-สุดฤิทธิ์ …

วงจรชีวิตแบบนี้ … ดี … เหมาะสำหรับใครก็ได้
มี่ปรารถนามีสุขภาพแข็งแรง … และเหมาะสำหรับ … นักสร้างบารมีเช่นคุณ …

เดือนกันยายนและตุลาคมนี้ จะมีฝนตกมาก – อากาศเย็น และมีความชื้นสูง ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายเสียสะ-มะ-ดุน
จนเป็นไข้หวัดได้ง่าย จึงควรดูแลสุขภาพให้ดี …

หากเป็นหวัด … ต้องดื่มน้ำ(อุ่น) วันละ ไม่น้อยกว่า ๓ ลิตรต่อวัน
ออกกำลังกายตามความเหมาะสม … นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

จำไว้ว่า สุ ข ภ า พ ที่ ดี … คุ ณ เ ลื อ ก ไ ด้
ดังนั้น เพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงดี … วันนี้ … เวลานี้ … คุณจรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ … หรือยัง

อนุโมทนาบุญด้วยครับ … ส า ธุ
แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด


ส า ร ะ น่ า รู้ เ พื่ อ สุ ข ภ า พ

ตอน

ยาน้ำสะอาด และ ยากาแฟ เพื่อสุขภาพ

ยา น้ำสะอาด
หลายท่านคงเคยได้รู้กันมาบ้างกระละมังถังโอ่ง ว่า … เพื่อสุขภาพกายที่ดี …ในแต่ละวันเราควร …
ดื่ ม น้ำ ส ะ อ า ด วั น ล ะ ม า ก ๆ

มีตำนานมากมายเกี่ยวกับ “ น้ำ ” ว่าคือ ยารักษาโรคขนานเอก จากธรรมชาติเลยทีเดียว
ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม Tเดียว

… สรรพคุณของ “ น้ำ ” มีมากมายก็จริง …แต่ ท่านทราบหรือยังว่า … ควรดื่มเวลาใด จึงดีที่สุด ..
แพทย์ชาวจีนโบราณ แนะนำอย่างสมเหตุสมผล … ท่านควรพิารณาดูก่อนนำไปใช้ …

เวลาดี … ที่สมควรดิ่มน้ำสะอาด แบ่งเป็น สี่ช่วงเวลาทอง คือ

ช่วงเวลาที่ ๑ : ดื่มหลังจากตื่นนอนตอนเช้า เพราะตอนนี้ในเลือดร่างกายมีความเข้มข้นสูงมาก
เราจึงบังควรดื่มน้ำมากเท่าที่ดื่มได้ ( ต้องฝึกเพิ่มปริมาณ ) เพื่อไปรักษาสมดุลย์ความเข้มข้นเลือด

ช่วงเวลาที่ ๒ : คือ ประมาณ 10 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายได้รับอาหารเช้า
และมีการทำงานไประยะนึงแล้วจนเกิดของเสียขึ้น จึงควรดื่มน้ำสะอาดไปชะล้างของเสียนั้น
ทั้งช่วยรักษาสมดุลย์ของกรดในกระเพาะอาหารด้วย

ช่วงเวลาที่ ๓ : ประมาณ บ่ายสามโมง ด้วยเหตุผลเหมือนช่วงเวลาที่ ๒

ช่วงเวลาที่ ๔ : สำคัญที่สุด คือ ก่อนนอนหลับ โดยเฉพาะผู้ที่นอนดึกมาก ต้องดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ
เพราะเวลานอนหลับ หลายท่านเปิดพัดลมด้วย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น
และขณะหลับความเข้มข้นในเลือดจะสูงกว่าตอนกลางวัน

น้ำช่วยลดความเข้มข้นเลือดที่มีมากเกินไป และทำให้การไหลเวียนโลหิตสะดวกขึ้น
นี่คือความรู้เรื่อง ยา-น้ำสะอาด

…. ส่วนเรื่อง ยา-กาแฟ นั้น หลายท่านอาจประหลาดใจว่า “ กาแฟ ” จะเป็น “ ยา ” ได้อย่างไร
ทั้งนี้เพราะคนส่วนมากได้รับข้อมูลว่า “ ถ้าอยากสุขภาพดี ต้องงดเว้นการดื่มชากาแฟเด็ดขาด ”

… แต่นั้นมันเมื่อก่อน … ก่อนที่จะรู้ผลการวิจัย จากแพทย์และนักวิจัยชั้นนำทั่วโลก … ที่ช่วยกันศึกษาวิจัย
จากผลการวิจัยทำให้เราทราบว่า … แท้จริงแล้ว
.. .กาแฟ …ไม่ได้เลวร้ายต่อสุขภาพ … จนถึงต้องห้ามดื่มเด็ดขาดหรอก …

และ แท้จริง แล้ว …กาแฟ ..มีคุณประโยชน์ สามารถใช้เป็นยาบำบัดรักษาโรคได้เช่นกัน …
เมื่อเป็นดังนี้ … คงไม่ประหลาดใจถ้า ผมจะเรียก …กาแฟ … ว่าเป็น .. ยา …ชนิดหนึ่งเหมือนกัน …

ใช่ … กาแฟ …ก็เหมือนทุกสรรพสิ่งบนโลก … ที่มีลักษณะ “ ทวิลักษณ์ ”
คือมี คุณและโทษ อยู่ในสิ่งๆเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ
… จะสามารถแสวงหาคุณประโยชน์จากสิ่งๆนั้นได้อย่างไร …

กาแฟ มาจากภาษาละตินว่า Coffea ในกาแฟมีสาร คาเฟอีน ( Caffeine )
ที่คนทั่วไปว่ามีแต่โทษ จึงหลีกเลี่ยงดื่มกาแฟ
แท้ที่จริงแล้วไม่เฉพาะแต่กาแฟเท่านั้นที่มี คาเฟอีน แม้ ใน ช็อคโคแลต
หรือ Diet Coke ก็มีคาเฟอีน เช่นกัน

มีข้อแนะนำว่า ปริมาณของ คาเฟอีนที่ร่างกายรับได้โดยไม่มีอันตราย
ไม่ควรเกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งในกาแฟสำเร็จรูป 1 ถ้วย (180 ซี.ซี. )
มีปริมาณ คาเฟอีน ~ 50 มิลลิกรัม เท่ากับดื่มได้ ไม่เกิน 5 ถ้วยต่อวัน

ในกาแฟบดเช่น Expresso 1 ถ้วย ( 60 ซี.ซี. ) มีปริมาณ คาเฟอีน ~ 120 มิลลิกรัม หรือ 2 ถ้วยต่อวัน
Capuccino 1 ถ้วย ( 200 ซี.ซี. ) มีปริมาณ คาเฟอีน ~ 120 มิลลิกรัม หรือ 2 ถ้วยต่อวัน

และจากการศึกษาวิจัย พบว่า
๑. กาแฟ ใช้แก้-บรรเทา อาการปวดศรีษะได้
๒. กาแฟ ใช้บรรเทา-รักษา อาการหืด หอบ ได้
๓. กาแฟ ช่วยเพิ่มความอดทนในการออกกำลังกาย
๔. กาแฟ ใช้ป้องกันหลอดเลือดไม่ใหเปราะง่าย ซึ่งเท่ากับลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจ
๕. กาแฟ ช่วยให้ ผู้สูงอายุรู้สึก กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง นอกจากนี้ยังมีอื่นๆอีก เช่น

คณะแพทย์วิจัย จาก ประเทศอิตาลี พบว่า คาเฟอีน ในกาแฟ มีคุณสมบัติทางเคมี
ที่มีฤิทธิใช้เป็นยา ขยายหลอดลมช่วยบรรเทาอาการหืดหอบได้ จึงทดลองใช้กับผู้ป่วยโรคหืดหอบ
จำนวนกว่า 70,000 ราย ผลปรากฏ คือ

- ผู้ป่วยที่ดื่มกาแฟ วันละ 1 ถ้วย จะลดอาการหอบได้ 5 %
- ผู้ป่วยที่ดื่มกาแฟ วันละ 3 ถ้วย จะลดอาการหอบได้ 20 % ( ห้ามดื่มเกินวันละ 4 ถ้วย )
และเจ้า คาเฟอีน นี้แหละที่ศาสตราจารย์ด้าน จิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ ใน สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า
“ คาเฟอีน ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำกิจวัตรประจำวันดีขึ้น และช่วยให้เล่นกีฬาได้นานขึ้น
เพราะ คาเฟอีน ช่วยกระตุ้นร่างกายจ่ายกรดไขมัน(ชนิดหนึ่ง) ทำให้ร่างกายอึดอดทน มากขึ้น ”

ส่วนคณะแพทย์วิจัย ที่มหาวิทยาลัย ซินซินเนติ , สหรัฐอเมริกา วิจัยพบว่า ….
“ ผู้สูงอายุกว่า 50 ปี ที่ยังดื่มกาแฟ ล้วนสดชื่น กระฉับกระเฉง มากกว่าผู้สูงอายุวัยเดียวกันที่ไม่ดื่มกาแฟ ”
นอกจากนี้ … ท่านชายที่ต้องการ … ลดน้ำหนัก …

คณะแพทย์วิจัย จาก แคนนาดา แนะนำว่า
“ หากท่านดื่มกาแฟก่อนทานอาหาร ทำให้ท่านทานอาหารลดลงถึง 20 % ”
มาดูที่มหาวิทยาลัย ฮาวาร์ด อันเลื่องชื่อระบือนาม พบว่า
“ กาแฟ 1 ถ้วย ช่วยเร่งร่างกายเผาผลาญอาหาร ในช่วง 3 ชั่วโมงแรกหลังทานอาหาร ได้มากขึ้น ”

ทั้งหมดนี้อยากบอกว่า …

“ ทุกสรรพสิ่งที่แวดล้อมเรา ทุกเหตุการณ์สถานการณ์ ที่เข้ามาสู่ชีวิต
เราสามารถมีประโยชน์แก่เราได้ …
ถ้า
เรามีปัญญามากพอ…มีโยนิโสนมสิการมากพอ …
วางใจอยู่ในบุญ ในศกก.ฐานที่ ๗ … เราสามารถ ชนะได้ทุกเมื่อ ”


สำคัญที่เราต้องฉลาดมากพอที่จะ ปรับ ข้อด้อย ให้เป็น ข้อดี พัฒนาสิ่งดีๆให้ดียิ่งขึ้น
… เหมือนบุรุษผู้แยบคาย เห็นมหาสมบัติในซากหนูตาย …
… เหมือนบุรุษผู้มีโยนิโสนมสิการดี ปรับเรื่อง รกใจ เป็น ยกใจ ข้าม-ชนะอุปสรรค ฉะนั้น …



ใกล้ขึ้นต้นปีใหม่แล้ว … เราควรตระหนักถึงความจริงที่ว่า …

๑. สิ่งที่ดี สะอาด บริสุทธิ์ มีอยู่ในกายและใจของเรา แต่เราดูเบา ลืมให้ความสำคัญ …

๒. สิ่งที่ไม่ดี ก็มีอยู่เช่นกัน แต่อยู่ในวิสัยที่เราแก้ไขได้

- ในส่วนสุขภาพกาย เราสามารถบำบัดสารพัดโรคได้ … ด้วยอะไรเอ่ย ?

ใช่ เก่งมาก … ด้วย วารีบำบัด

อย่าลืม “ วิชาน้ำ ” กันนะ ดื่มวันละ ~ 3 – 4 ลิตร ใน 4 ช่วงเวลาทอง

- ในด้านสุขภาพใจ เราสามารถ ชำระใจให้ใส สะอาดได้ ด้วยการ …

หมั่นนึกถึงบุญ นึกถึงพระรัตนตรัยขาวใสภายใน
ระลึกถึงครูธรรมกายในกลางใจเรา …

และหมั่นนั่งธรรมะ ฝึก หยุด นิ่ง เฉย อย่างเบา สบ๊ายสบาย …
นึกถึงว่าเรา ต้องเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกายให้ได้ …


ขอกราบอนุโมทนาบุญ ในการสร้างบารมีของทุกๆท่าน ด้วยนะครับ สาธุ ...

แนบไฟล์  photo_2683.gif   4.29K   20 ดาวน์โหลด

#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 04:14 AM

ขอโหวตให้เป็นกระทู้ความรู้....ย้าวยาววววววววววววครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 02:02 PM

ดีค่ะ ชอบ ได้ความรู้ แต่อ่านแล้วมึนสายตามากกกค่ะ smile.gif
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#4 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 07:07 PM

กระทู้ยาวจริงๆ ค่ะ ทั้ง 2 กระทู้เลยนะคะเนี่ย

#5 Streamdhamma

Streamdhamma

    หยุด นิ่ง เฉย ได้ไหม

  • Members
  • 528 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 January 2006 - 09:52 PM

อนุโมทนา
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"



#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 02:20 PM


มีความรู้เกี่ยวกับ เกลือ มาฝากอีกครับ

เกลือ ความเค็มต้องพอดี

ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ [email protected]

เมื่อพูดถึงเกลือ ดิฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะคิดถึงความเค็มเป็นสิ่งแรก แต่นอกเหนือจากความเค็ม ดิฉันนึกถึงความพอดี การทำงานของระบบภายในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเกลือเป็นตัวอย่างที่อธิบายให้เห็นถึงคำว่า ความพอดี ความสมดุล หรือทางสายกลาง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แฝงไปด้วยปรัชญาที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่อง

ไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของเกลือได้

ในทางการเมือง นักประวัติศาสตร์รู้ดีว่านับแต่โบราณกาล ผู้ใดควบคุมเกลือ ผู้นั้นคือผู้ควบคุมอำนาจ และการควบคุมอำนาจเกินความพอดีก็เป็นที่มาของสงครามกลางเมืองในฝรั่งเศส เช่นเดียวกับในอินเดีย มหาตมะคานธีใช้การเดินเท้าไปยังบ่อเกลือที่ถูกควบคุมโดยชาวอังกฤษ เพื่อเป็นสัญลักษณ์เรียกร้องอิสรภาพ

ในทางการแพทย์มีคำอธิบายเกี่ยวกับความสมดุลของเกลือในร่างกายไว้อย่างน่าสนใจ กล่าวคือเมื่อใดที่ร่างกายขาดเกลือหรือมีปริมาณเกลือมากเกินไป จะนำไปสู่ความผิดปรกติเกี่ยวกับระบบประสาท กล้ามเนื้อ รวมถึงการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย นอกจากนี้การกินเกลือยังมีผลต่อความดัน การควบคุมอาหารที่มีเกลือทำให้ความดันต่ำลง แต่การกินอาหารที่มีเกลือมากจะทำให้ความดันสูง อันนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในคนที่ไตทำงานผิดปรกติ ไม่สามารถกลั่นกรองของเหลวเพื่อรักษาสมดุลระหว่างน้ำและเกลือในร่างกายได้

ทั้งนี้ร่างกายมีกลไกต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อคงความสมดุลผ่านทางการควบคุมปริมาณน้ำ เมื่อร่างกายขาดน้ำ ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) ก็จะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อสั่งการให้ไตขับปัสสาวะออกมาน้อยลง แต่หากร่างกายมีน้ำมากเกินไป ฮอร์โมนชนิดนี้จะลดลง ไตจะขับปัสสาวะมากขึ้น

การควบคุมความสมดุลของน้ำและความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด เช่น เมื่อปริมาณโซเดียม (เกลือ) สูงขึ้น จะรู้สึกกระหายน้ำ ทำให้ดื่มน้ำมากขึ้น ขณะเดียวกันฮอร์โมนจากสมองซึ่งสนองตอบการกระหายน้ำ จะทำให้ไตขับปัสสาวะน้อยลง ผลก็คือปริมาณน้ำในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นและปริมาณโซเดียมเจือจางลง แต่เมื่อใดที่ปริมาณโซเดียมในกระแสเลือดต่ำ ไตจะขับปัสสาวะมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในกระแสเลือดลดลง จนกระทั่งปริมาณน้ำและโซเดียมอยู่ในระดับสมดุล

นอกเหนือจากคุณสมบัติในการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกายแล้ว เกลือยังมีคุณสมบัติในเชิงการรักษา โดยปรากฏอยู่ในตำราแพทย์แผนโบราณมานับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกตำรายาก็ว่าได้

สมัยอียิปต์ แพทย์เชื่อว่าเกลือทำให้แผลแห้ง ฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีสูตรยาถ่าย ที่นำน้ำผึ้ง เกลือทะเล และเมล็ดผักบางชนิด มาผสมเข้าด้วยกัน

ส่วนสมัยกรีก ฮิปโปเครติส บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ ใช้น้ำ เกลือ และน้ำส้มสายชู มาผสมเป็นยาที่ทำให้อาเจียน เวลาได้รับพิษ นอกจากนี้ยังมีการนำนมวัว ๒ ส่วน ผสมน้ำเกลือ ๑ ส่วน ใช้ดื่มตอนท้องว่างในยามเช้าเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับม้าม ใช้เกลือผสมน้ำผึ้งรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงการสูดไอน้ำจากการต้มเกลือเพื่อช่วยรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีการใช้วิธีนี้อยู่ เพียงแต่พัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัยขึ้น ส่วนสมัยโรมัน มีการนำน้ำเกลือ ไวน์ และน้ำ มาผสมกัน ใช้เป็นยาถ่าย






ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือเรอเนซองซ์ของยุโรป แพทย์แนะนำไว้ว่า การแช่สะโพกในน้ำเกลือสามารถรักษาโรคผิวหนังได้อย่างชะงัด และเป็นวิธีการที่ดีกว่าสปาธรรมชาติวิธีใด

ส่วนการบำบัดด้วยเกลือ (salt therapy) ในยุคปัจจุบัน เริ่มต้นจากการสังเกตของ Felix Botchkowski เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในโรมาเนีย ซึ่งพบว่าคนงานในเหมืองเกลือไม่เป็นโรคปอดเลย ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๘๔๓ เขาได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับผลของฝุ่นเกลือ และทายาทของเขาก็ตั้งสปาเกลือขึ้น ซึ่งยังคงเปิดดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เหมืองเกลือต่างๆ ในยุโรปตะวันออกถูกนำมาใช้เป็นหลุมหลบภัย ปรากฏว่าผู้เป็นโรคหืดซึ่งบังเอิญได้เข้าไปอาศัยหลุมหลบภัยเหล่านั้นมีอาการดีขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะละอองเกลือที่อยู่ในหลุมเกลือนั่นเอง นับแต่นั้นมาการบำบัดด้วยเกลือก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุโรปตะวันออก

ปัจจุบันมีสถานพักฟื้นที่เน้นการบำบัดด้วยเกลือกระจายอยู่ทั่วยุโรปตะวันออก ทั้งในออสเตรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และรัสเซีย โดยเฉพาะรัสเซียที่มีความก้าวหน้าในการบำบัดโดยไม่ใช้ยา เลือกใช้เกลือเพื่อรักษาโรคหืดและหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ทั้งนี้เพราะตระหนักว่ายาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมักมีไว้เพื่อบรรเทา ไม่ใช่รักษาให้หาย อีกทั้งการใช้ยายังทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยา โดยเฉพาะสเทียรอยด์

ปัจจุบัน ในการรักษาด้วยฝุ่นเกลือจะมีเครื่องทำฝุ่นเกลือให้เล็กถึงขนาดที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นและสามารถแทรกซึมเข้าไปถึงปอดได้ ทั้งนี้มีผลการศึกษาระดับคลินิกที่แสดงให้เห็นว่าฝุ่นเกลือช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการติดเชื้อ และกำจัดสารตกค้างในระบบทางเดินหายใจ ช่วยขยายหลอดลม กระตุ้นการขับ ละลาย และกำจัดเสมหะในหลอดลม

ส่วนคำถามว่าจะใช้เกลือสมุทรหรือเกลือหิน (rock salt) ดี ตำราการแพทย์ของยุโรปในยุคต้นๆ แยกเกลือสมุทรออกจากเกลือหิน แต่หลังจากปี ๑๘๕๐ ก็ไม่ได้แยกอีกต่อไป ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการผลิตเกลือสมุทรเปลี่ยนแปลงไป เกลือสมุทรหายากขึ้น เช่นในเยอรมันแทบหาเกลือสมุทรบริโภคไม่ได้ เกลือส่วนใหญ่เป็นเกลือหินเติมไอโอดีน สภาพดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วโลก ในบ้านเรา แม้จะยังมีคนทำนาเกลือหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ต้นทุนเกลือสมุทรก็สูง สู้ราคาเกลือหินที่เป็นผลพลอยได้ (by product) จากเหมืองโพแทสไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เกลือขาวสะอาดในบรรจุภัณฑ์สวยหรูตามห้างสรรพสินค้าจึงเป็นเกลือหินเติมไอโอดีนเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นหากผ่านไปแถวสมุทรสงครามหรือสมุทรสาครและเห็นเกลือสมุทรวางขายตามข้างทาง จะหาซื้อมากินสลับกับเกลือเสริมไอโอดีนเพื่อเพิ่มแร่ธาตุที่หลากหลายให้ร่างกายบ้างก็ได้ จะมีข้อน่าห่วงอยู่ก็ตรงที่ทะเลไทยทุกวันนี้เต็มไปด้วยโลหะหนัก เราอาจจะได้ “ของแถม” จากเกลือสมุทรมาโดยไม่ตั้งใจ

สำหรับคนที่รักสุขภาพและอยากค้นหาพลังของ “เกลือบำบัด” ด้วยตัวเองแบบราคาถูก ดิฉันก็มีวิธีการบำบัดด้วยเกลืออย่างง่ายให้ลองทำดู เช่น หากปวดเท้า ให้แช่เท้าในน้ำอุ่น กะปริมาณน้ำให้ท่วมถึงข้อเท้า ผสมเกลือสักกำมือ หากมีถุงใต้ตา ให้ใช้เกลือหนึ่งหยิบมือผสมน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเกลือนั้นประคบตา หากรู้สึกว่ามีกลิ่นปาก ให้กลั้วปากด้วยเกลือผสมโซดา จะช่วยขจัดกลิ่นปากและทำให้ลมหายใจสดชื่น สำหรับคนที่มีเสมหะ คัดจมูก ก็ให้ต้มน้ำผสมเกลือจนเดือดเป็นไอแล้วสูดไอน้ำเข้าไป จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ ส่วนสาวๆ ที่อยากมีใบหน้าขาวใส ก็ให้ขัดหน้าเบาๆ ด้วยเกลือผสมน้ำผึ้ง โดยใช้เกลือป่นหนึ่งหยิบมือและน้ำผึ้งพอประมาณผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าทิ้งไว้ราว ๕ นาทีแล้วล้างออก

แม้เกลือจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า หากใช้อย่างเกินพอดี เกลือก็ให้โทษเช่นกัน

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้มนุษย์เราหลงลืมความพอดีไปเสียแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความเค็ม และคงด้วยเหตุนี้ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ จึงมักจะโรยเกลือจนเค็มปี๋ ประเภทกินแล้วต้องรีบกินน้ำตามราวกับผู้ผลิตมีผลประโยชน์แอบแฝงในธุรกิจขายน้ำ ผลก็คือคนสมัยใหม่มีลิ้นที่ชินชากับความเค็ม ขณะที่คนรุ่นเก่าอย่างแม่ของดิฉัน กินมันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อดังโดยต้องจุ่มในน้ำเปล่าเพื่อล้างผงเกลือก่อน เพราะ “มันเค็มเหลือเกิน”

แท้จริงแล้วร่างกายคนเราต้องการเกลือเพียงวันละประมาณ ๕ กรัมเท่านั้น และในอาหารตามธรรมชาติก็มีเกลืออยู่ในปริมาณที่พอเพียงอยู่แล้ว การได้รับเกลือในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลให้ไตที่มีหน้าที่กลั่นกรองเกลือแร่และของเสียในร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น ล่าสุด มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้ออกมาเตือนเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของเกลือปริมาณมาก โดยในบะหมี่ ๑ ซอง จะมีปริมาณเกลือเท่ากับที่ร่างกายต้องการใน ๑ วัน หากรับประทานมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อไต

อย่าลืมนะคะว่าเกลือมีประโยชน์ขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์ ดังนั้นหากไม่ต้องการให้ร่างกายทำงานหนักหรือขาดสมดุล ก็ควรยึดวิถีเดียวกับการดำเนินชีวิตให้มีความสมดุลเช่นกัน นั่นก็คือ

การเดินสายกลาง...ความเค็มต้องพอดี



ชะลออายุด้วยอาหาร

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น คงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความชราไว้ได้ แต่วิธีที่จะช่วยชะลออายุได้ก็คือ การเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุด สุขภาพที่ดีมาจากร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน
องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี ตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฯลฯ
ดังนั้นอาหารการกินจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะกำหนดให้เราแก่ไปตามวัยที่ล่วงเลย หรือก่อนวัยอันสมควร ยิ่งเมื่อวิทยาการก้าวหน้า อาหารยิ่งถูกปรุงแต่งมากขึ้น จนแทบไม่เหลือคุณค่าของอาหารไว้ ปัจจุบันความคิดทางการแพทย์เก่า ๆ ที่ให้บริโภค เนื้อ นม ไข่ มาก ๆ จึงเริ่มเปลี่ยนไป และให้หันกลับมาสนใจอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานชีวิตของคนสมัยก่อนแทน
หลัก 10 ประการของการบริโภคอาหารต่อไปนี้ จะช่วยให้ท่านชะลออายุไว้ได้
1. กินคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดัดแปลง ขณะนี้อาหารเกือบทุกอย่างที่วางขายในท้องตลาด มักถูกดัดแปลงปรุงแต่งใหม่ เพื่อหลอกล่อผู้บริโภคว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แต่แท้จริงกลับเป็นผลเสียต่อร่างกาย คาร์โบไฮเดรตมักถูกดัดแปลง หรือแฝงในรูปต่าง ๆ เช่น ข้าวที่ถูกสีจนขาว น้ำตาลทรายขาว ขนมหวาน ลูกกวาด น้ำอัดลม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ควรบริโภคแต่คาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่ไม่ถูกดัดแปลง และมีคุณค่าสูง ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ผลไม้สด ถั่ว ผัก และเมล็ดพืช
2. ต้องกินโปรตีนให้เหมาะสม โปรตีนมีอยู่ในเมล็ดพืช ผัก มันฝรั่ง ถั่ว นมพร่องไขมัน และอาหารทะเล บางคนเข้าใจผิดว่าเนื้อวัวมีโปรตีนสูง แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องนัก การที่เนื้อวัวให้พลังงานสูง เพราะมีโปรตีนมาก แต่ร่างกายย่อมต้องการโปรตีนให้ได้สัดส่วนกับอาหารอื่น ถ้ากินมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นไขมันสะสมไว้ และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานมาใช้ได้อีก
3. ควรหลีกเลี่ยงไขมัน ยามเมื่ออายุมากขึ้นไขมันเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง เพราะก่อให้เกิดโรคหลายอย่าง นั่นคือ ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ น้ำมัน เนย มายองเนส กรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งเป็นกรดที่สำคัญที่สุดสำหรับร่างกายนั้น พบในเมล็ดพืชทุกชนิด ผลไม้เปลือกแข็ง และข้าว การเก็บรักษาอาหารประเภทนี้ต้องใส่ภาชนะปิด เพราะแสง ความร้อน และอากาศสามารถทำลายกรดไขมันที่จำเป็นได้
4. กินวิตามินที่ได้จากพืช และสัตว์ วิตามินธรรมชาติมีคุณภาพสูงกว่าวิตามินสังเคราะห์ ยิ่งถ้าเราถูกกระทบจากความเครียดมาก ร่างกายยิ่งต้องการวิตามิน และเกลือแร่ทดแทนมากกว่าคนปกติ
5. ควรเน้นผัก และผลไม้สด อาหารในแต่ละวันควรเป็นผักสด และผลไม้ประมาณ 70% อีก 30% ควรเป็นอาหารประเภทอื่น ๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มพลังตับสูงให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้จากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกต่างหันมาบำรุงร่างกายด้วยผัก และธัญพืชกันมากขึ้น


6. หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ได้แก่ อาหารหวานจัด อาหารสำเร็จรูป อาหารที่มีสารเคมีเป็นส่วนผสม และโซเดียมซึ่งมีอยู่ในเกลือ ผงชูรส ผงฟู และสารผสมอาหารต่าง ๆ
อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่าแต่กลับมีโทษต่อร่างกาย

7. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% แต่ละวันเราสูญเสียน้ำไป 6-8% ของจำนวนน้ำทั้งหมด น้ำจะเป็นตัวพาสารอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานเต็มที่ และเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ควรดื่มน้ำ 3-5 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เนื่องจากน้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ไม่มีคุณค่าอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

8. กินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารจนแน่นอึดอัด ควรกิจแค่เกือบอิ่ม มื้อเข้าควรได้อาหารที่ให้พลัง เพราะต้องทำงานทั้งวัน มื้อกลางวันไม่ควรทานมากจนแน่นท้อง เพราะอาจทำให้ง่วงนอนในตอนบ่าย ส่วนมื้อเย็นควรเป็นอาหารที่เบาท้องเพราะใกล้เข้านอน ในขณะที่เรานอนหลับ ควรให้กระเพาะ และสำไส้ได้พักผ่อนบ้าง

9. กินอาหารตามฤดูกาล และที่มีอยู่ในท้องถิ่น พืช ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาลจะทำให้ร่างกายมีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อาหารที่ผิดฤดู หรือที่เข้ามาจากต่างประเทศ อาจเคลือบสารเคมีหรืออาบรังสีบางอย่างเอาไว้ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานได้ในฤดูร้อน ควรลดอาหารหนัก และในฤดูหนาวควรกินอาหารที่ให้พลังงาน และความอบอุ่น หลายคนชอบกินอาหารฝรั่ง ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเกินความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งเป็นเมืองร้อน แต่เหมาะกับต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว

10. กินให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน หากทำงานนั่งโต๊ะในออฟฟิศ ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศทั้งวัน ไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อมากเท่ากับกรรมกรที่ทำงานใช้แรงงานกลางแดด




หลักการกินทั้ง 10 ประการนี้ ช่วยให้ท่านที่ปฏิบัติตาม ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายผนวกกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และปฏิบัติธรรมแล้วสุขภาพกาย และจิตใจของท่านจะแข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัย ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปเท่าไรก็ตาม

ข้อสรุปในเรื่องอาหาร และการปฏิบัติตนสำหรับผู้สูงอายุ

1. จัดอาหารที่ให้พลังงานลดลง เช่น ลดอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันลง

2. จัดหารอาหารที่เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย โดยจัดหาอาหารให้มีลักษณะน่ารับประทาน และรสชาติถูกใจผู้สูงอายุ

3. จัดอาหารให้ครั้งละน้อย ๆ แต่จัดให้กินบ่อยขึ้น เช่น มีมื้อของว่าง

4. จัดอาหารให้กินตามเวลา และไม่ควรให้ท่านรอเมื่อหิว

5. ให้ดื่มน้ำมาก ๆ อาจเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้สด ไม่ควรดื่มชา กาแฟแก่ ๆ เพราะจะทำให้ท้องผูก และนอนไม่หลับ
6. ไม่กินยาระบาย ยาลดกรด และยาอื่น ๆ โดยแพทย์มิได้สั่ง

7. ห้อง หรือที่อยู่อาศัย ควรมีการระบายลมที่ดี และอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนจัด เมื่อหนาวก็มีผ้าห่ม และเสื้อกันหนาวให้อย่างเพียงพอ

8. ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ

9. รักษาสุขภาพจิตให้ดี ควรใช้เวลาในวันนี้ศึกษาพระธรรม และฝึกปฏิบัติเพื่อได้มีสติสัมปะชัญญะอยู่เสมอ



#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 04:29 PM

โห...เค็มจริงๆ ครับ เกลือผมตกผลึกตามผิวเลยครับ 5555
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#8 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 05:31 AM

oh wow!! --blinking--- thank you for sharing kah
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#9 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 05:54 PM

สาธุ มีประโยชน์ค่ะ

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#10 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 October 2010 - 07:27 PM

เสริมกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ครับ

สุขภาพนักสร้างบารมี ตอนที่ 1
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=21815

มารู้จักโรค "กรดไหลย้อน"
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=20087

รอว์ฟู้ด (Raw Food)
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=20062

ภัยสุขภาพที่ระบาดในหมู่คนทำงานยุคไอที
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=20032

อาหารประเภทไหนที่ควรมีไว้ในตู้เย็น วันนี้มีมาบอก
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=19631

ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ ไม่อ้วนและอายุยืน
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17119

ลูกเดือย ยาอายุวัฒนะ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17122

โรคเครียด
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=16110

พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15536

เพ่งหน้าคอมฯนาน ระวัง!! เป็นตาหมีแพนดาตลอดชีวิต
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8011

อารมณ์ขัน บำบัดโรค
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2208

วิธีลดพุงหลาม .. ด้วยพุทธวิธี
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2460

อาหารสุขภาพ คืออะไร? ไม่รู้ไม่ได้แล้ว
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2876

อาหารไทยปรับธาตุ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3123

อาหาร เป็นยา รักษาสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3124

มีอะไรบ้างใน Holistic Health
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3133

ชีวิตพรหมจรรย์กับการปฏิรูปสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3304

นอนอย่างไรให้ตื่นอย่างสดชื่น
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3353

ลิ้นบอกสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3354

ศาสตร์ว่าด้วย การกิน
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3515

กินอย่างไร จึงจะมีสุขภาพดี
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8633

กินดีเพื่อสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4430

อดเพื่อสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5408

หลักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3522

เหตุผลที่ทำให้คุณ จะต้องเริ่มออกกำลังกาย
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3523

โยคะ ในที่ทำงาน , มีภาพประกอบ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8468

การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3699

โภชนาการ สูตรอาหารที่เหมาะกับคุณ The food guide Pyramid
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=7805

ศาสตร์ในการดูแลสุขภาพ จุงหนานห่าย
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15423

การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15629

ยิ่งนอนดึก ยิ่งตายไว
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8469

แนบไฟล์  t0.jpg   100.22K   33 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t1.jpg   92.52K   29 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t2.jpg   139.76K   32 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t3.jpg   193.72K   31 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t4.jpg   143.13K   26 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t5.jpg   130.04K   34 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t6.jpg   110.52K   34 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t7.jpg   111.37K   31 ดาวน์โหลด
แนบไฟล์  t8.jpg   153.84K   33 ดาวน์โหลด

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม