ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

อยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับที่ดินวัดค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 27 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr34637

usr34637
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 03:48 PM

เนื่องจากเพิ่งเข้าวัดมาได้ 1 ปี แต่ได้ยินคนข้างนอกพูดถึงเรื่องที่ดินของวัดไม่สู้ดีนัก

จึงอยากทราบข้อเท็จจริงต่างๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 04:47 PM

ไม่ทราบเคยได้มาบวชอุบาสิกาแก้วหรือยังครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 kissy

kissy
  • Members
  • 589 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 05:39 PM

kissy รู้ความจริงคะ

หลวงพี่ฐานะ เล่าให้ฟังตอน อบรม ธทญ

ถ้าใครรับสื่อข้างนอก อย่างเดียว ก็แย่แล้ว...



#4 131072

131072
  • Members
  • 237 โพสต์
  • Gender:Not Telling

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 06:29 PM

-



#5 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 07:10 PM

เป็นธรรมดาค่ะก็เหมือนดวงธรรมในตัวเรา: มีสีขาวใส สีดำใส และเทาใส ดวงกลมรอบตัวใหญ่เล็กไม่เท่ากันทั้งสามดวง น่าสนใจจริง ๆค่ะ

ทั้งหมดนี้คือธรรมขาวฝ่ายพระดี ธรรมดำฝ่ายมารชั่ว และสีเทาเฉย ๆดีก็ไม่ทำ กรรมชั่วก็ไม่ได้สร้าง ดวงจึงโตไม่เท่ากัน

และในโลกนี้ก็จะมีคนที่ ไม่เกลียดเราและรักเรา เกลียดเราไม่รักเรา และเฉย ๆไม่รักไม่เกลียดเรา

สิ่งนี้มิใช่ของใหม่แม้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าผจญมารมากมายทั้งที่เป็นมารจริง ๆ คือพญามาร และมารที่จองเวรพระพุทธเจ้ามาข้ามภพ

ข้ามชาติก็มิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ชายของพระนางพิมพายโสธราอดีตพระมเหษีหรือภรรยาคู่บุญคู่บารมีมาหลายภพหลายชาติของพระองค์เอง

นั่นก็คือพระเทวทัต กว่าจะสำนึกตัวรู้ว่าตัวเองผิดและได้ขอขมาต่อมา แต่กรรมชั่วที่ทำไว้ต่อพระพุทธเจ้านั้นแรงมากได้ถูกธรณีสูบไป.....

..............................

มาบวชอุบาสิกาแก้วซิคะ แล้วจะค้นพบความจริงอีกมากมายอย่างที่สาธุชนพากันหลั่งไหลมาวัดพระธรรมกายกันค่ะ

#6 มะลิแก้ว

มะลิแก้ว
  • Members
  • 127 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 07:25 PM

น่าเห็นใจ โลกใบนี้ข่าวสาร มายมายเท็จจริงอย่างไร ต้องใช้เวลาติดตามมาก หากอยากรู้จริงต้องเข้าไปหาความจริงถึงที่ด้วยตนเอง

#7 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 08:07 PM

เจ้าของกระทู้แรกสมัครใหม่ก็สงสัยเรื่องที่ดินซะแล้ว... เข้าใจครับ เข้าใจ

ผมว่าเรื่องที่ดินเค้าไม่ค่อยได้พูดถึงกันแล้วนะครับ ท่านเจ้าของกระทู้ได้ยินมาอย่างไรหรือครับ ได้ยินจากใคร แล้วคิดว่าเรื่องใดมีมูลบ้าง
ลองเอามา share กันซิครับ จะไ้ด้ตอบได้ตรงประเด็น ได้คลายข้อสงสัยได้ smile.gif


"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#8 N22

N22
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 08:30 PM

แต่ก่อนชาวนาหวงที่ ทั้งที่ไม่ใช่ที่ตัวเอง เจ้าของตัวจริงเค้าขายให้วัด บางส่วนก็ได้จากการถวาย ปัจจุบันคลองสาม เต็มไปด้วย หมู่บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านเหล้าก็ยังมี และสุดท้ายชาวนาที่ว่าหวงแหนที่นานักหนา ตอนนี้ขายที่ขายทางให้นายทุน จนไม่มีใครทำนาแถวคลองสามแล้วครับ และส่วนใหญ่ชาวบ้านคลองสามกลับมาเข้าใจวัด และเข้าวัดกับมากมาย
http://www.dhammakay...y_timeln_th.php

#9 N22

N22
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 08:36 PM

สมัยนั้นทางการส่งเจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจสอบเยอะ สืบไปสืบมา เห็นศิลจาวัตร และความงดงามของชาววัด เลยบวชไม่สึกซะก็มี บางคนศรัทธาวัดและพระ เป็นศิษย์จนถึงปัจจุบันมากมาย

#10 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 09:13 PM

....วัด มีเหตุผล และหลักฐานที่บริสุทธิ์มากพอ ..แต่ถ้าใครจะมาใช้กำลังกับวัด ต้องข้าม...ของผมกับเพื่อนๆทุกคนที่นี้ไปก่อน อิอิ (เอาไปด้วย เพื่อนกันไปพร้อมกันนะ เอิ๊กๆๆๆ)
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#11 ดุสิตาเทวบุตร

ดุสิตาเทวบุตร
  • Members
  • 213 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 10:35 PM

ใครดูทีวีช่องหนึ่งบ้างเมื่อวันพฤหัส เค้าโจมตีวัดเราอะ

#12 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 10:35 PM

จำประตูสติได้เปล่า

#13 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 10:58 PM

เราอย่าไปหวั่นไหวเลยครับ
รุ่นแรกเขาประสบมา และเขาผ่านมาได้
เราเจอเล็กน้อยอย่าไปหวั่นไหว


อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#14 usr34637

usr34637
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 11:09 PM

ดิฉันร่วมกิจกรรมกับที่วัดเยอะมาก

และการที่จะมาหาคำตอบโดยตรงกับวัดซึ่งถูกกล่าวหา ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เพราะดิฉันไม่ชอบให้มีอะไรมาคาใจ และอย่างน้อยคำตอบที่ได้รับก็ยังสามารถนำไปอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจ สามารถเข้าใจได้

มิใช่เพราะเจตนาที่ไม่ดีแต่ประการใด คนเราเกิดมาด้วยปัญญาที่แตกต่างกัน จึงต้องการคำตอบที่มีระดับแตกต่างกัน


สิ่งที่ดิฉันได้ยินคือเค้าว่าวัดโกงที่ดินมา แล้วก็หลุดคดีที่ยาวนานถึง 7 ปี เพราะอะไรบางอย่าง

คือปกติดิฉันจะไม่สนใจข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ชอบแสวงหาคำตอบจากแหล่งที่แท้จริง

จึงได้มารบกวนท่านผู้ทราบข้อมูลช่วยให้คำตอบด้วยค่ะ ซึ่งดิฉันมองว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร แถมยังเป็นผลดีเสียอีก

#15 usr23182

usr23182
  • Members
  • 114 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 May 2010 - 11:49 PM

โกงที่ดิน
1. 2000 ไร่ ทางวัดเราซื้อถูกต้องค่ะ ผ่อนจ่ายอยู่หลายปี ปัจจุบันผ่อมหมดแล้วค่ะ ชาวนาที่อาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งทางวัดให้เงินจำนวน
หนึ่ง อีกส่วนไปสร้างบ้านอยู่บริเวณคลอง (จำไม่ได้ค่ะว่า คลอง ไหนน่ะค่ะ) ให้ชาวนาอยู่ฟรี

2. ลูกศิษย์วัดส่วนหนึ่งได้มีเจตนาถวายที่ดินให้คุณครูไม่ใหญ่ โดยมีเจตนาว่า แล้วแต่ทางวัดจะนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ หรือ จะ
ขายก็ได้ค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นไหน ทางวัดถูกโจมตีค่ะ เราเข้าวัดมานานถึง 20 ปีค่ะ เห็นตั้งแต่ท้องนา จนเป็นทุกอย่างในวันนี้
และตอนที่เกิดเหตุ ก้อรู้และเห็นหลวงพ่อไปศาลบ่อยมากค่ะ มันมีเรื่องลึก ๆ เยอะ ที่คุณไม่รู้ คนที่บอกคุณมาก็แค่ข่าวที่ไม่จริงทั้งหมดค่ะ

เราว่าอย่าไปเสียเวลากับข่าวเลยค่ะ เอาเวลามาทำใจให้ใส ๆ กลางของกลาง หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง จนได้องค์พระดีกว่าค่ะ
แป๊ปเดียวลมหายใจก็จะหมดแล้ว เดี๋ยวจะเสียเวลาการเกิดมาสร้างบารมีในชาตินี้น่ะค่ะ

วันนี้คุณมาวัด และ รู้หนทางการสร้างความดี มั่นใจเถอะค่ะว่ามาถูกทางแล้ว และ เร่งสร้างความดีก่อนตายดีกว่าค่ะ
ยินดีต้อนรับคุณเป็นชาววัดพระธรรมกายน่ะค่ะ สาธุกับทุกบุญที่คุณทำดีแล้วค่ะ สาธุ

#16 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 02:51 AM

ยืนยันครับ ทุกอย่างมีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส
และมีการเข้ามาตรวจสอบอย่างถูกต้องแล้ว

แต่ข่าวน่ะไม่ลงครับ ว่ามีการตรวจสอบถูกต้องแล้วไม่พบอะไรน่าสงสัย ถึงกับเคยมีตำรวจมาตรวจค้นเข้ามาดูในวัด
และเกิดศรัทธามากมาขอบวช บางท่านจนถึงบัดนี้ยังบวชไม่สึกเลยครับ

บางคนข้างนอกที่ไม่เข้าใจก็เลยสงสัยคิดไปเองว่าไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่มีการตรวจสอบทุกอย่างแล้วแต่ข่าวไม่ลงบอก
แต่จากเหตุการณ์ข่าวครั้งนั้น ปี 42 กลับทำให้มีคนมาพิสูจน์และมาดู ทำให้วัดมีคนศรัทธามากทับทวีเลยครับ

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#17 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 03:37 AM

เรียนคุณ Usr 34637 ครับ....กรุณาอย่าไปคาใจเรื่องนี้ให้เป็นบาปเปลื่องใจไปเปล่าๆเลย..ครับ
เรื่องที่ดิน 2000 ไร่ของวัดที่ได้มา เป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม...ครับ

....เรื่องโดยสรุปนะครับ...
....ที่ดิน 2000 ไร่เดิมเป็นของ...ทายาทเชื่อพระวงค์ใน ร.5 หรือ ร.6 (ไม่แน่ใจ) ซึ่งได้รับมา
....เป็นมรดก....ซึ่งเป็นที่ดินในเขตโครงการชลประทานในสมัย ร.5
....ได้จัดแบ่งเป็นเส้นก้วยเตี่ยว..ยาวๆ..ประมาณ 80 เส้น

....แต่ละเส้นยาวตั้งแต่คลองแอนไปถึง คลองสอง ประมาณเนื้อที่เส้นละ 25 ไร่
....แต่ละเส้นก็มีผู้เช่านา 1 คน บางเส้นอาจมีผู้เช่า 2 คนที่เป็นญาติกันแบ่งกันทำ

....ทางวัดได้ทำสัญญาซื้อขายในราคาตลาดขณะนั้น กับทายาทผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเต็มใจขาย
....ทางวัดต้องเข้าใช้ประโยชน์บางส่วนที่สิ้นสุดสัญญาเช่าแล้ว เพื่อทำเขตธุดงค์และลานธรรม
....แต่เนื่องจากที่บางส่วน..สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของที่ยังไม่สิ้นสุด

....ทางวัดเลยชดเชยให้ผู้เช่าเดิมเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง แล้วจัดหาที่ดินใกล้เคียงเพื่อสร้างบ้าน
....ให้ส่วนหนึ่ง แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน (ผลจากการเจรจา)

....ค่าชดเชยเส้นละประมาณ 180,000 บาท สำหรับผู้เช่าที่มีอายุสัญญายาวก็ประมาณ
....360,000 ซึ่งผู้เช่าส่วนใหญ่ยินดี เพราะอายุสัญญาเช่าเหลือเพียง 1-3 ปีเท่านั้น

....แต่มีผู้ที่ไม่มีสิทธิในสัญญาเพราะไม่ได้เป็นผู้เช่า เป็นแค่ลูกเขยบ้างญาติบ้าง..อยากได้เงินมั่ง
....มีนายทุนพัฒนาที่ดินเข้าหนุนอีก..ร่วมกันชุมนุม..บุกรุกพื้นที่..ขัดขวางการเข้าใช้ประโยชน์
....ของวัด...เจตนาเพียงต้องการผลประโยชน์บ้าง ส่วนนายทุนก็ต้องการซื้อที่ดินเช่นกัน

....เรื่องราวใหญ่โตลงหนังสือพิมพ์...หนังสือพิมพ์ก็ลงแต่ข่าวขัดแย้ง...เหมือนจงใจสร้างข่าว
....ทำลายวัด...เพราะมีการเตรียมการกันไว้ก่อนล่วงหน้า..และไม่ช่วยลงรายละเอียดที่เคลียกันได้

....ขณะนั้นทางวัดก็ยังไม่มีสตางค์มาก..ยังทยอยผ่อนส่งค่าที่ดินอยู่หลายปี..ที่ดินก็มีราคาสูงขึ้น
....เรื่อยๆ..มีปัญหาติดพันอยู่ถึง 2 ปี ในที่สุดทางวัดก็หาทางตอบสนองให้กับกลุ่มดังกล่าวไป
....เพื่อจบเรื่อง...อยากได้อะไรก็ให้ไป..เรื่องก็จบ

....โชคดีครับ..ที่เจ้าของไม่หาเหตุยกเลิกการขายในส่วนหลังๆ..ไม่งั้นเราไม่ได้ครบถึง 2000 ไร่
....เรื่องที่เล่าทั้งหมด..อาจปกพล่องไปบ้างครับ..เพราะมันนานมากแล้ว (ไม่ค่อยอยากจำ)

#18 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 07:32 AM

ตอบคุณ usr34637

ต้องขออภัยนะครับ ที่ทำให้คุณคิดว่า ถามทำนองไม่ไว้วางใจ แต่ความจริงแล้ว เหตุที่ถามคุณว่า "ได้มาบวชอุบาสิแก้ว 5 แสนคนหรือยัง" เป็นเพราะ พระอาจารย์อารักษ์ ท่านได้อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดให้กับอุบาสิกาแก้ว 5 แสนคน ในช่วงวันอบรมที่ผ่านมาน่ะครับ

ซึ่งถ้าคุณตอบว่า ได้มาร่วมอบรม แล้ว ผมก็จะได้ทบทวนให้เกี่ยวกับเรื่องราวไงล่ะครับ แต่ถ้าคุณตอบว่า ยังไม่ได้มาร่วมอบรม ผมก็จะได้อธิบายที่มาที่ไป (ตามพระอาจารย์) ก็เท่านั้นเองแหละครับ คุณอาจจะงงว่า ผมเป็นผู้ชาย แล้วไปรู้เรื่องที่พระอาจารย์บอกอุบาสิกาแก้วได้อย่างไร อ๋อ ก็ผมอยู่ในเหตุการณ์สมัยช่วงนั้นด้วยนะสิครับ

ซึ่งตอนนี้ มีเพื่อนนักเรียนมาตอบ เรียบร้อยแล้ว ผมก็ขอเสริมข้อมูลอีกนิดก็แล้วกัน
1. ที่ดิน 2000 ไร่นั้น มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากๆ บริจาคเสร็จไปตั้งแต่ปี 2532 แล้วล่ะครับ ทั้งนี้เป็นเพราะกฐินยาย ที่คุณยายเป็นประธานครั้งแรก คนหลั่งไหลมาทั่วทุกสารทิศ ลูกศิษย์ลูกหาๆ เก่ามาร่วมบุญกับคุณยายทั่วประเทศ เลยเรียบร้อยไปตั้งแต่กฐินยายครั้งนั้น นั่นแหละครับ

2. ส่วนที่ดินที่บรรดาเจ้าภาพบริจาคให้วัดภายหลังนั้น ก็เป็นไปตามที่เพื่อนนักเรียนทุกท่านบอกครับ คือ ถูกต้อง ตามกฏหมายทุกประการ สมัยก่อนทางเจ้าภาพมีจิตศรัทธาบริจาค ทางวัดก็รับไว้ เพื่อเตรียมฝึกคนไปเผยแผ่ธรรมะในอนาคค แต่ด้วยเหตุแห่งความกังวลของเจ้าของถิ่นเดิม และเพราะที่ดินก็มีผู้บริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ เลยเป็นข่าวขึ้นมาด้วยความกังวลกลัวจะถูกยึดถิ่นที่อยู่ของเจ้าของถิ่น อีกทั้งการฝึกคนไปเผยแผ่ยังที่ต่างๆ ก็ไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น ก็ยิ่งทำให้เสียเวลาในการเผยแผ่ธรรมะ

ตอนหลังพอทางวัดใช้เทคโนโลยีเผยแผ่แนวใหม่ ก็ผ่านจานดาวเทียม ที่เรียกว่า DMC ซึ่งส่งธรรมะไปเข้าทีวีของแต่ละบ้าน แต่ละบ้านก็ไม่รู้สึกกังวลเพราะทีวีก็เป็นของเขาเอง (ไม่เหมือนที่ดินที่เปลี่ยนเจ้าของ) ดังนั้น เมื่อเจ้าของถิ่นเดิมคลายความกังวล จึงไร้ปัญหาในการเผยแผ่ธรรมะโดยใช้เทคโนโลยีน่ะครับ อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลาฝึกคนนาน เพราะครูไม่ใหญ่ก็เทศน์สอนเอง แล้วเทคโนโลยีก็ส่งไปทุกบ้านได้เลย ผ่านทีวี ปัญหาเรื่องที่ดินก็เลยคลี่คลายไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#19 tong_tong_tong

tong_tong_tong
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 02:11 PM

ผมเองพลาดเจอคุณยายก็เพราะข่าวเหล่านี้เอง ทำให้ผมเข้าวัดช้าไป เกือบ 20 ปี ทั้งๆที่เพื่อนชวนผมเข้าตั้งแต่เรียนปี 1
และตัวผมเองตอนนี้ขอเข้าวัดตลอดที่มีโอกาส เพื่อล้างความผิดทางวาจา และ ใจ ที่ได้ทำลงไป

#20 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 09:23 PM

....สวรรค์ กับ นรก พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเปิดให้เห็นได้ สักวันความจริงที่ถูกต้องก็ต้องถูกเปิดเผยเช่นกันครับ คราวนี้ผู้หลงเชื่อสื่อ กับคนทำสื่อจะมาขอขมาทีหลัง ก็คงสายไปแล้ว เหมือนสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังโดนใส่ร้ายเลย ขนาดท่านมีแสงออกมาจากกาย คนที่คิดไม่ดียังไม่เชื่อถือเลย ขนาดเห็นกับตา ..ผู้มีอกุศลเข้าสิงจิตแม้ความตายอยู่ตรงหน้าก็ยังเชื่อว่าไม่ใช่ตัวเอง หุหุ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#21 usr34637

usr34637
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2010 - 10:18 PM

ขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความกระจ่างค่ะ

เนื่องจากเพื่อนสนิทดิฉันต่อต้านวัดมาก และมีทัศนคติในแง่ลบ และดิฉันเชื่อว่ายังมีคนประเภทนี้อีกมาก

เนื่องจากปัญญาบารมีไม่เท่าเทียมกัน ฉะนั้นคำตอบที่จะนำไปอธิบายให้พวกเค้าจึงต้องออกไปในแนวทางโลกสักหน่อย

เพราะดิฉันเองก็ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้สูญเสียโอกาศที่ดี

อีกทั้งตัวดิฉันก็ต้องการเจือจางสิ่งที่เคยกระทำผิดไป แต่ไม่ได้เกี่ยวกับวัดค่ะ เป็นเรื่องราวสมัยเด็กๆ

แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นกรรมจากอดีตชาติเข้ามาผสมโรงด้วยหรือเปล่า

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


#22 ธรรมเภรี

ธรรมเภรี
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 10:56 AM

ขนาดแมลงวัน หลวงพ่อทัตตะ ยังไม่ให้ปัด เพราะ เหมือนการปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่น ต้องหาต้นเหตุว่าแมลงวันมาจากไหน ช่วยกันจับเอาไปปล่อยไกล..ๆ


คุณธรรมของครูบาอาจารย์อย่างนี้ คุณว่าจะเอาใจไปอยากได้หรือขับไล่คนอื่นมาจากไหน....เล่าคะ

#23 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 04:52 PM

เจอคำชี้แจง
เรื่อง การถือครองที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์
ในกระทู้ของพี่ สาคร
นำเสนอโดย คุณ PV1
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5885

เชิญเจ้าของกระทู้พิจารณา นะครับ

คำชี้แจง
เรื่อง การถือครองที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์

กรณีการถือครองที่ดินของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย
ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในปัจจุบัน คณะทำงานจัดการที่ดินขอเรียนชี้แจงถึงที่มาและความเป็นไปของเรื่องราวกรณีที่ดินดังกล่าว
ดังนี้

๑. ที่ดินที่อยู่ในความถือครองของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) มีทั้งสิ้น ๑๖ จังหวัด ๑๗ แห่ง
เนื้อที่ประมาณ ๑,๗๔๙ ไร่

๒. ที่ดินดังกล่าวทั้งหมดญาติโยมผู้บริจาคได้โอนถวาย หรือซื้อถวายแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นการส่วนตัว
เพราะมีความเคารพเลื่อมใสในปฏิปทาของท่าน มิใช่เป็นการเอาที่ดินของวัดมาเป็นของ ส่วนตัว
หรือนำเงินบริจาคของวัดมาซื้อที่ดินดังที่เป็นข่าว หรือมีการกล่าวหาพยายามให้เป็นแต่อย่างใด

๓. แม้ญาติโยมจะถวายที่ดินดังกล่าวแก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์เป็นการส่วนตัว
แต่ท่านเองก็ มิได้มีวัตถุประสงค์จะนำที่ดินดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด
หากตั้งใจจะนำมาทำ ประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา
เมื่อมีทุนและบุคลากรพร้อมก็จะได้พัฒนาจัดสร้างเป็นวัด ธุดงคสถาน สถานที่ ปฏิบัติธรรม สถาบันการศึกษาของสงฆ์
ตามความเหมาะสมของพื้นที่แต่ละแห่ง และโอนกรรมสิทธิ์ให้วัด มูลนิธิ
หรือนิติบุคคลทางการศึกษาที่จะได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ต่อไป

ที่ดินส่วนใหญ่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ท่านยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำไปว่าเป็นอย่างไร
และขณะนี้ท่านก็ มอบอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดการกับที่ดินดังกล่าวทั้งหมด ให้กับคณะทำงานจัดการที่ดินเพื่อดำเนินการ

๔. จากการที่มีการนำเสนอทางสื่อมวลชนบางฉบับ มีเนื้อความในทำนองทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
คิดว่าพระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ยักยอกเอาที่ดินของวัดไป หรือนำเงินบริจาคของวัดไปซื้อที่ดินเหล่านี้
คณะกรรมการวัดพระธรรมกายขอเรียนชี้แจงว่า คำกล่าวหานั้นร้ายแรงและไม่เป็นความจริง

๕. เมื่อเรื่องลุกลามบานปลายมากขึ้น ได้มีผู้ใหญ่ประสานมาขอให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์เสียสละ
โดยบริจาคที่ดินดังกล่าวให้แก่วัดพระธรรมกายเสียเพื่อตัดปัญหา
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็ได้ตอบตกลง และ ทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในการยกที่ดินให้วัด
แต่ขอให้ปรึกษาญาติโยมผู้ถวายที่ดินด้วย และได้ มอบหนังสือแก่อธิบดีกรมศาสนา
นำกราบเรียนเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อทราบ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒

๖. ในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ก็ได้มอบฉันทะให้กรมการศาสนา
ช่วยดำเนินการโอนที่ดินชุดแรกจำนวน ๑๓๙ ไร่ บริจาคให้แก่วัดพระธรรมกาย
และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่าง ดำเนินการ
แต่ขณะนี้ ผู้บริจาคบางท่านยังไม่ประสงค์จะให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์บริจาคที่ดินดัง กล่าว ให้วัดพระธรรมกาย
เพราะจะทำให้ไม่บรรลุตามเจตนาเดิม

๗. เหตุที่ไม่สามารถโอนที่ดินบริจาคแก่วัดพระธรรมกายทีเดียวหมดทุกแปลงได้ เป็นเพราะ เหตุ ๓ ประการ คือ

ก. ต้องปรึกษาขอความเห็นชอบจากเจ้าภาพที่บริจาคก่อน และที่บางแปลงมีเจ้าภาพหลายราย ร่วมบุญกันซื้อถวายจึงต้องใช้เวลา
เจ้าภาพหลายรายก็ยืนยันในเจตจำนงเดิมของตน ที่ต้องการถวายที่ดิน แก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์
มิได้ต้องการถวายที่ดินแก่วัดพระธรรมกาย เพราะเหตุหลายประการ เช่น
หาก ถวายที่ดินเป็นธรณีสงฆ์แก่วัดพระธรรมกายแล้ว หากต้องการนำที่ดินนั้นไปสร้างวัดใหม่ ก็ไม่สามารถทำได้
เพราะจะกลายเป็นวัดซ้อนวัด ซึ่งพระธรรมวินัยห้ามกระทำ
หรือหากจะนำที่นั้นไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ด้านสถาบันการศึกษาก็ไม่สามารถทำได้

ข. มีบางท่านบอกว่า เมื่อที่ดินขณะนี้มีชื่อ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ก็สามารถโอน ได้เลย
ไม่จำเป็นต้องไปถามเจ้าของเดิมผู้บริจาคแต่อย่างใด แต่จริงๆ แล้วเรื่องทางศาสนา เป็นเรื่องของศรัทธา
พระภิกษุมีหน้าที่ประคองรักษาศรัทธาประชาชนด้วย จะอ้างสิทธิ์ตามกฎหมายดำเนินการไปตาม อำเถอใจ
โดยไม่สนใจความคิดเห็นของญาติโยมผู้บริจาคที่ดินมานั้นไม่ได้ เพราะไม่เพียงเป็นการทำลาย ศรัทธา
ยังเป็นการไม่รักษาน้ำใจผู้บริจาค ซึ่งล้วนมีเจตนารมณ์สอดคล้องกัน

ค. นักกฎหมายและญาติโยมหลายท่านได้ท้วงติงมาด้วยความปรารถนาดีว่า
ในการโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินนั้น ขอให้ใช้ความรอบคอบระมัดระวัง และควรทำความเข้าใจข้อกฎหมายให้ดีด้วย
จะมุ่งแต่ ตัดสินปัญหาลดความกดดันกระแสสังคม กระแสสื่อ เพียงประการเดียวไม่ได้
เพราะมีผู้ที่คอยจ้อง จะหาความผิดขุดหลุมพรางไว้ล่อแล้ว เช่น
หากโอนที่ให้วัดโดยประหยัดค่าโอนเพียงแปลงละ ๗๕ บาท อย่างที่มีการออกข่าวตอนแรก
ก็จะตกเข้าในหลุมพรางทันที เพราะการโอนแบบนั้น จะทำได้ในกรณีที่ที่ดิน นั้นเป็นของวัดอยู่แล้ว
เจ้าอาวาสเพียงแต่เป็นผู้ถือครองแทน แล้วต้องการโอนที่ดินคืนให้วัดซึ่งเป็นเจ้าของเดิม
ดังนั้นถ้าพระราชภาวนาวิสุทธิ์โอนแบบนี้ ก็จะถูกกล่าวหาว่ายักยอกที่วัด จึงสมเหตุสมผลกับข้อกล่าวหา ปาราชิก
ที่คนบางกลุ่มพยายามให้เป็น

แต่ถ้าจะโอนโดยวิธีการปกติ ก็ต้องเสียค่าโอนประมาณ ๘ ล้านบาท
ซึ่งเป็นภาระการเงินอันหนัก และก็มีผู้จ้องโจมตีอยู่เช่นเดียวกัน
ดังที่ นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ได้กล่าวโจมตีไว้ชัดเจนในรายการของ #####
เมื่อคืนวันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่า
ถ้าไม่ใช่ที่ดินของวัด แล้วพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จะไปโอนให้วัดทำไม
การโอนที่ดินให้วัดก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า ที่ดินนั้นเป็นของวัดแต่ เดิม
จึงถือว่าพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
การกล่าวเช่นนี้ ไม่เป็นธรรมแก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นอย่างยิ่ง

๘. ในสายตาของชาววัดพระธรรมกายต่อเรื่องการถือครองที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์นั้น เห็นว่า
ต่อให้โอนที่ดินทั้งหมดบริจาคแก่วัดพระธรรมกาย เรื่องก็ยังคงไม่จบ จะมีการหาเรื่องอื่นประเด็นอื่นขึ้นมา โจมตีกันต่อไป
ซึ่งหากมีผู้ใดสามารถให้คำรับรองได้ว่า
ถ้าโอนที่ถวายแก่วัดทั้งหมดแล้ว เรื่องจะจบแน่นอน
คณะทำงานจัดการที่ดินก็เชื่อมั่นว่า จะสามารถดำเนินการประสานงานกับญาติโยมผู้บริจาคที่ดินให้ยินยอม
อนุญาตให้โอนกรรมสิทธิ์มอบแก่วัดพระธรรมกายได้โดยเร็ว
เพราะจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าภาพหลายท่าน ล้วน มีความเห็นครงกันว่า
แม้การถวายที่ให้วัดจะผิดเจตนาเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ยากลำบาก แก่การนำมาใช้ประโยชน์ตามความตั้งใจ
แต่ถ้าทำให้เรื่องวุ่นวายร้ายแรงต่างๆ จบลงได้เสียที ทุก คนก็ยินดี
แต่ถ้าโอนให้วัดแล้วเรื่องก็ยังไม่จบ มีการหาเรื่องอื่นๆ มาเล่นงานอีกต่อไปเรื่อยๆ ก็ ไม่รู้จะโอนให้วัดไปทำไม
ในฐานะเจ้าของที่ดั้งเดิม จึ
งขอยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่ต้องการถวายแก่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์เท่านั้น

คณะกรรมการวัดพระธรรมกายเชื่อมั่นว่า
ข้อกล่าวหาที่มีต่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ทั้งหมด
เมื่อได้ ดำเนินการสอบสวนและพิจารณาไปตามกระบวนการทางกฎหมายศาลสงฆ์
แม้จะใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้าย ความจริงทั้งหมดก็จะปรากฎ
ขอเพียงให้มีการไต่สวนพิจารณาอธิกรณ์ที่มีผู้กล่าวหา
ให้เป็นไปตาม กระบวนการทางกฎหมาย พระราชบัญญัติสงฆ์ กฎมหาเถรสมาคม อย่างโปร่งใส
โดยมีให้มี การใช้อำนาจเถื่อนหรือกระแสใดๆ คุกคาม กดดันกระบวนการยุติธรรม


จึงเจริญพรมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
คณะทำงานจัดการที่ดิน
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๒

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แถลงการณ์ถึงชาวพุทธ
เพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา

กราบเรียน พระเถรานุเถระ
เจริญพร ท่านพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกท่าน

ในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาได้มีเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชออก มาหลายฉบับ
เกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย เรื่องพระได้รับสมบัติมาในขณะเป็นพระแล้วไม่โอนให้วัด ต้องปาราชิก เป็นต้น
กระผมเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดด้วยความอึกอัดและเป็นห่วงผลกระทบที่ จะมีต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
จะออกมาแสดงความเห็นอะไรก่อนมหาเถรสมาคมจะตัดสินใจ ก็ดูจะเป็นการไม่เหมาะสม

ฉะนั้น เมื่อมหาเถระสมาคมได้พิจารณาตัดสินไปแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ก็ถือว่าได้ข้อยุติไปในระดับหนึ่ง
กระผมจึงเห็น ว่าถึงเวลาที่ควรแสดงความเห็นเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยโดย รวม

ทั้งนี้เพราะเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตนั้น
ขอกราบเรียนตามตรงด้วยความเคารพศรัทธาในสมเด็จพระสังฆราช
ว่ากระผมไม่เชื่อเลยว่าสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้เขียนขึ้นเอง
สาเหตุเป็นเพราะว่า เนื้อหาของเอกสารที่อ้างว่าเป็นลิขิตนั้น ขัดต่อทั้งกฎหมาย ขัด ต่อพระธรรมวินัย
และประเด็นสำคัญที่ยังไม่มีใครฉุกคิดคือ
ถ้าถือตามพระลิขิตนั้นแล้วก็จะเป็นการทำลายคณะสงฆ์ไทยลงอย่าง เกือบจะสิ้นเชิงไปพร้อมๆ กันเลย
จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมเด็จพระสังฆราชจะเป็นผู้เขียนขึ้น

ประเด็นที่ว่า ขัดต่อกฎหมาย

มีผู้ที่ได้ทำเอกสารวิเคราะห์พระลิขิตไว้อย่างน่าสนใจขออนุญาตนำมาอ้างถึงในที่นี้ ดังนี้

พระราชบัญญัติคณะสงค์ พ.ศ. 2535 มาตรา 8 ได้ระบุถึงอำนาจพระสังฆราชไว้ว่า
“สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่ง สกลมหา สังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์
และทรงตราพระราชบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎหมายมหาเถรสมาคม”

แต่ในเอกสารอันบังอาจอ้างว่าเป็น “พระลิขิต” ในบรรทัดที่ 5 มีข้อความว่า
“ต้องมอบสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระ ให้แก่วัด ทันที”

ในทางกฎหมายข้อความนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งระบุว่า

มาตรา 48 “สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง ขอบเขตแห่งสิทธิ และการกำจัดสิทธิเช่นว่านี้
ย่อมเป็นไปตาม กฎหมายบัญญัติ”

นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ยังได้รับรองสิทธิในทรัพย์สินของพระภิกษุไว้ตามมาตรา 1632 มีใจความว่า

“ทรัพย์สินของพระภิกษุ ที่ได้มาในระหว่างเวลาอยู่ในสมณเพศนั้น
เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็น
ภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้นเว้นแต่จะได้จำหน่ายไประหว่างมีชีวิต หรือโดยพินัยกรรม”
และไม่มีกฎหมายใดในประเทศไทยทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน
กำหนดโทษว่าพระภิกษุระหว่างอยู่ในสมณเพศ มีทรัพย์สินส่วนตัวไม่ได้ ถือเป็นความผิด ต้องโอนให้วัดหมด
มีแต่รับรองสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น
ฉะนั้น เมื่อมีข้อความอันเป็นการบังคับให้มอบทรัพย์สินปรากฎในเอกสารจึงระบุได้ชัด ว่า
ข้อความในเอกสารอันบังอาจอ้างว่าเป็น “พระลิขิต” ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยชัดแจ้ง
หากเป็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชจริง
เหตุใดเจ้าหน้าที่สำนักเลขานุการ ฝ่ายกฎหมาย
ซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราโดยตรงจึงปล่อยให้ผ่านออกสู่สาธารณชนทั้งที่ผิดพลาด

ประเด็นที่ว่า ขัดต่อพระธรรมวินัย

เนื้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตที่ว่า
“ไม่ยอมคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่า ต้องอาบัติ ปาราชิก
ต้องพ้นจากการเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด” นั้นขัดต่อพระธรรมวินัย
ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติไว้เลยว่า
พระภิกษุต้องยกสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ใครไม่ทำต้องปาราชิก
เรื่องนี้มีเขียนอยู่ในหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีที่พระบวชใหม่ พรรษา 1 ก็ต้องเรียนและรู้แล้ว
จึงเป็นไปไม่ได้ที่สมเด็จพระสังฆราชซึ่งทรงภูมิความรู้อย่างยิ่งจะเขียนออก มาเช่นนี้
มั่นใจว่าผู้เขียนจะต้อง ไม่ใช่พระ
น่าจะเป็นเพียงผู้รู้พระธรรมวินัยแบบงูๆปลาๆจับแพะชนแกะเขียนขึ้นมาปลอมเป็น ของสมเด็จพระสังฆราชแน่นอน

พระสังฆราชจะไปบิดเบือนพระไตรปิฎก เป็นกบฎต่อพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

ประเด็นที่ว่า เป็นการทำลายคณะสงฆ์ไทย

ข้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็น “พระลิขิต” นั้น กล่าวไว้ว่า

“..ต้องมอบสมบัติที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที..
เมื่อถึงอย่างไรก็ ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะ เป็นพระให้แก่วัด
ก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด..”

มีบางคน พระบางรูป ออกมาสนับสนุนบอกว่าถูกต้องเพราะถ้าไม่ได้เป็นพระญาติโยมเขาจะมาถวายปัจจัย ข้าวของหรือ
เพราะฉะนั้น สมบัติที่ได้รับมาในขณะเป็นพระจึงต้องยกให้วัดหมด ใครไม่ทำต้องปาราชิก

เจตนาของผู้ร่างข้อความนี้ขึ้นมา ก็คงเพราะต้องการให้พระธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิกให้ได้
โดยไม่คำนึงถึงว่า เป็นการบิดเบือน พระธรรมวินัย

ผลตรงจุดนี้กระผมก็คิดว่ามันไม่เป็นธรรมแต่ก็ยังเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลกระผมจึงไม่ค่อยสนใจนัก

แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ถ้าเรายอมรับข้อความในเอกสารที่อ้างว่าเป็นพระลิขิตนี้ว่าถูกต้องแล้ว
ผลที่ตามมาจะเกิด ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง คือ

1) พระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด หรืออาจทั้งหมดเลยต้องปาราชิกกันหมด
รวมทั้งพระสังฆราชด้วย เพราะพระ ทุกรูปที่มีญาติโยมเอาปัจจัยไทยธรรมมาถวาย มีค่าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป
แล้วเอาไปใช้ส่วนตัว ไม่ถวายวัด ต้องปาราชิกหมด

2) ญาติโยมชาวพุทธที่เคยทำบุญถวายปัจจัยข้าวของต่างๆ ให้พระ มีมูลค่าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป
ไม่ว่าจะในงานทำบุญขึ้นบ้าน ใหม่ งานสวดศพ ทำบุญวัด ติดกัณฑ์เทศน์ ฯลฯ
แล้วพระที่นำไปใช้ส่วนตัวขอให้ทราบด้วยว่า ถ้าหากยอมรับว่าพระลิขิตนี้ถูกต้อง เท่ากับว่า
ท่านได้ทำให้พระทุกรูปเหล่านั้นปาราชิกหมดแล้ว ท่านเองต้องตกนรกอย่างแน่นอน เพราะทำให้พระปาราชิกมากมาย

3) ญาติโยมคนไทยที่เคยบวชลูกชาย บวชพี่ บวชน้อง บวชญาติ แล้วถวายปัจจัยข้าวของต่างๆ ให้พระใหม่ใช้
ถ้ารวมมูลค่าเกิน 300 บาท โดยพระลิขิตนี้เท่ากับว่า
ท่านได้ทำให้ญาติของท่านที่บวชปาราชิกไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งญาติที่บวช ทั้งท่านเองทุกคน ต้องตกนรก หมด

4) ชาวไทยที่เป็นผู้ชายแล้วเคยบวช ขอให้ย้อนระลึกดูว่า
ระหว่างบวชเราได้รับการถวายปัจจัยข้าวของเครื่องใช้จากญาติโยม แล้ว นำไปใช้ส่วนตัว มีมูลค่าถึง 300 บาท หรือไม่
ถ้าถึง แสดงว่าท่านได้ปาราชิกไปเรียบร้อยตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว
ที่บวชไปนอกจากจะไม่ได้ บุญ ยังต้องตกนรกอีกด้วย
และจากนี้ไปตลอดชาติท่านห้ามบวชอีกเด็ดขาดเพราะปาราชิกไปแล้ว
ยิ่งเศรษฐีเจ้าสัวมาบวชโอกาสตก นรกยิ่งเยอะเพราะโยมถวายของมาก อย่างนี้อีกหน่อยจะไม่มีใครบวช

5) พระเถระผู้ใหญ่ทุกรูป ที่เป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด ฯลฯ
พระเปรียญธรรม 9 ประโยค พระ ราชาคณะตั้งแต่ชั้นสามัญจนถึงสมเด็จพระสังฆราช
ซึ่งมีนิตยภัต (คล้ายเงินเดือนประจำตำแหน่งของพระ) แต่ละเดือน ก็ต้องปาราชิกกันไป หมดแล้ว
พระพยอมและพระมหาบุญถึงที่ออกมาสนับสนุนพระลิขิตนี้
ก็ต้องปาราชิกกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะรับนิตยภัตนี้ไปใช้ ด้วยเหมือนกัน

โดยสรุปก็คือ ถ้าว่าตามพระลิขิต ต้องถือว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่มีพระเหลืออยู่ แม้แต่รูปเดียว
เพราะพระสงฆ์ทุกรูปก็คงรับ ปัจจัยข้าวของจากญาติโยมเกิน 300 บาททั้งนั้น
จึงปาราชิกไปหมดแล้ว ที่เห็นนุ่งห่มผ้าเหลืองอยู่ล้วนแต่เป็นพระปลอมทั้งสิ้น
เท่ากับว่า คณะสงฆ์ไทยได้สูญสิ้นไปหมดแล้วชาวพุทธไทยเลิกทำบุญใส่บาตรให้พระปลอมทั้ง ประเทศ
เลิกถกเถียงโจมตีมหาเถรสมาคมอะไรกันวุ่นวายได้
เพราะตั้งแต่พระสังฆราช ตลอดจนมหาเถรสมาคมทุกรูปก็ล้วนปาราชิกหมด

ฉะนั้นจึงเท่ากับว่า
พระลิขิตที่อ้างว่าเป็นของสมเด็จพระสังฆราชนี้ เพียงฉบับเดียว ก็ได้ทำลายสังฆมณฑลของประเทศไทยโดยสิ้นเชิง
ทำให้ชาวพุทธไทยทั้งหมดตกนรกกันถ้วนหน้า เพราะมีแต่คนที่เคยปาราชิก (ผู้ที่เคยบวชเป็นพระ)
และผู้ที่ทำให้ ปาราชิก (ผู้ที่เคยถวายปัจจัยไทยธรรมแก่พระภิกษุรวมแล้วมีมูลค่าเกิน 300 บาท)
ตามพระลิขิตนี้ จะต้องจับพระสึกทั้งประเทศ เพราะ เป็นพระปลอมทั้งนั้น

กระผมได้ติดตามข่าวที่มีผู้ออกมากดดันให้มหาเถรสมาคมทำตามพระลิขิตพระ สังฆราชด้วยความอึดอัด
และเห็นใจมหาเถรสมาคม เป็นอย่างยิ่ง ไม่ทำตามก็ถูกโจมตี ว่าไม่เคารพพระสังฆราช
ถ้ายอมรับทำตามก็เป็นกบฎต่อพระสังฆราช
ถ้ายอมรับทำตามก็เท่ากับ ว่าทำผิดธรรมวินัย เป็นกบฎต่อพระพุทธเจ้า
และส่งผลเป็นการทำลายต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยทั้งหมด
นึกไม่ออกเลยว่า มหาเถร สมาคมจะทำอย่างไร ภายใต้กระแสสังคมของผู้ไม่รู้ความจริง
หรือรู้แต่แกล้งไม่รู้ ที่รุมด่าประณามกดดันท่าน

ที่สุด มหาเถรสมาคมก็ประชุมและมีมติ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2542 มีใจความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ส่วนเรื่องพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานมาทั้งหมด
มหาเถรสมาคม มีมติสนองพระดำริโดย ลำดับ ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม”

กระผมเห็นมติที่ประชุมนี้แล้ว ถึงกับน้ำตาคลอ ซาบซึ้งในคุณธรรมและปัญญาของพระมหาเถระแห่งมหาเถรสมาคม
ที่ท่านสามารถหา ทางออกอย่างบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ไม่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของเอกสารอันอ้างว่าเป็นพระลิขิต
เพื่อถนอมพระเกียรติของสมเด็จพระสังฆราช
และป้องกันไม่ให้คนชั่วที่จัดทำพระลิขิตขึ้นทำลายพระสงฆ์ไทยได้
เพราะการสนองพระดำรินั้นระบุชัดเจนว่า ต้องให้ชอบด้วยกฎ หมาย พระธรรมวินัย
และกฎมหาเถรสมาคมก็ทำไม่ได้

ท่านเลือกที่จะยอมเจ็บ ยอมถูกโจมตี ยอมถูกเข้าใจผิด ยอมถูกกล่าวหาว่า รับส่วย อะไรต่างๆ สารพัด
เพื่อป้องกันพระเกียรติพระสังฆราชและป้องกันพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
เราชาวพุทธตระหนัก บ้างไหมว่า เราโชคดีเพียงใดที่มีผู้บริหารการคณะสงฆ์แห่งมหาเถรสมาคม ที่มีคุณธรรมสูงยิ่ง
กระแสสังคมกำลังโจมตีพระมหาเถระผู้มี คุณธรรมผู้เสียสละอย่างไม่มีเหตุผล มันเป็นบาปมหันต์ รีบหยุดเถิดครับ

ในฐานะพระนิสิตแห่งมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อันทรงเกียรติ
กระผมรู้สึกอับอาย และสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีบุคลากรของสถาบัน คือ
พระมหาบุญถึง ออกมาโจมตีพระมหาเถระผู้ใหญ่อย่างเกรี้ยวกราด ปราศจากสมณสารูป
และไร้ซึ่งความเคารพ ความกตัญญู ต่อพระมหาเถระผู้มีพระคุณต่อมหาจุฬาฯ

ขอเรียนความจริงให้ทุกท่านทราบว่าพระมหาบุญถึงปกติอยู่ในมหาจุฬาฯก็มีนิสัย อย่างนี้อยู่แล้ว
จึงได้ฉายาว่า “เหลิมน้อย” แต่แทนที่เจ้าตัวจะละอายกลับมีความรู้สึกภูมิใจกับฉายานี้ยิ่งนัก
และพระมหาบุญถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วย อธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต
แต่จริงๆ แล้วไม่เคยมีบทบาทอะไรในมหาวิทยาลัย ที่ได้เป็นผู้ช่วยอธิการบดี
ก็เพราะอาจารย์รองอธิการบดีท่าน หนึ่งสนับสนุนชักนำมาเท่านั้น

ความเห็นที่พระมหาบุญถึงแสดงออกมา เราชาวมหาจุฬาฯ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
พวกเราเคารพในพระมหาเถระแห่งมหาเถระ สมาคมเสมอ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์แห่งวัดสระเกศก็เคยเป็นเลขาธิการของมหาจุฬาฯ มาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน
และสนับสนุนมหา จุฬาฯ มาตลอด ท่านเจ้าคุณอธิการบดีพระราชวรมุนี (ประยูร มีฤกษ์ ปธ 9)
ก็เคยออกมาห้ามปรามเสมอว่า ห้ามนำสถาบันไปอ้าง
แต่เขาก็ดื้อไม่ ฟังเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่สื่อมวลชนแกล้งยกยอปอปั้นว่าเป็นพระชื่อดัง
เพื่อจะเอาเป็นตัวให้ข่าว เห็นแล้วสะท้อนใจ นึกถึงคำที่ว่า “ขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ ลูกม้าอัสดรฆ่าแม่” จริงๆ

ใคร่ขอเรียนถามท่านมหาบุญถึงว่า ขอให้ลาออกไปจากมหาจุฬาฯ เสียเถิด อย่าทำความเสื่อมเสียให้กับ สถาบันมากไปกว่านี้เลย

ระวัง! แผนลับ ฆราวาสปกครองพระ

ขณะที่กระแสสังคมกำลังโจมตีมหาเถรสมาคมองค์กรสูงสุดในการปกครองพระสงฆ์ไทย อย่างดุเดือด
โดยอาศัยความไม่รู้ของประชา ชนเป็นเครื่องมือ สร้างภาพว่า
มหาเถรสมาคมไม่เป็นกลาง ไม่น่าไว้วางใจ ทำงานช้าอืดอาด ฯลฯ
ก็พยายามสวมรอย ผลักดันให้มีการ เปลี่ยนระบบการปกครองสงฆ์ใหม่
จะให้มีการเลือกตั้งมหาเถรสมาคมจากพระหนุ่มๆ แทนบ้าง
ลองนึกดูว่า ถ้าองค์กรสงฆ์ใช้วิธีการเลือก ตั้ง ก็ต้องมีการหาเสียง มีการโจมตีคู่ต่อสู้
อาจมีการซื้อเสียง มีการเล่นเกมสกปรกเหมือนในวงการเมือง อะไรจะเกิดขึ้น
ต่อไปความ เคารพ ระบบอาวุโสในวงการสงฆ์จะหมดไป จะมีความแตกแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้น
ขอให้ดูการเลือกอธิการบดีโดยการเลือกตั้งที่ม.รามคำแหง หรือ ม.ขอนแก่น เป็นตัวอย่าง

นอกจากนี้ยังมีความพยายามผลักดันให้มีการเอาฆราวาสมาปกครองควบคุมพระ
โดยร่างพระราชบัญญัติภายใต้ชื่อสวยหรูว่า พ.ร.บ.อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
แต่แท้ที่จริงก็คือการเอาฆราวาสมาควบคุมพระนั่นเอง สามารถจับพระสึกได้ ควบคุมการเงินของวัดแทน เจ้าอาวาส
จะส่งผลสั่นคลอนพระสงฆ์ไทยอย่างใหญ่หลวง
ขอพระคุณเจ้าทุกรูปอย่าได้นิ่งเฉยตายใจ ต้องรีบยับยั้งแต่ต้นไม่อย่างนั้นจะแก้ไขไม่ ทัน

ส.ส.คนไหนผลักดันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นี้
ขอให้ช่วยกันรณรงค์บอกญาติโยม ลูกศิษย์วัดให้รู้อย่าไปเลือกส.ส.คนนั้น
ตอนนี้ผู้ที่เป็น หัวหอกในการผลักดันคือ นายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.จังหวัดสงขลา
ผู้ที่มีเบื้องหลังคือหวังจะโค่นนายอาคม เอ่งฉ้วน แล้วขึ้นมาเป็น รมช.ศึกษาฯคุมกรมการศาสนาแทน
พระภิกษุทั่วประเทศจะต้องร่วมมือกันต่อต้าน มิให้ พ.ร.บ. นี้ออกมาบังคับใช้ได้
มิฉะนั้นฆราวาสผู้ไม่มี ศีลก็จะมาข่มขู่เรียกร้องผลประโยชน์จากพระ
เอาอำนาจการควบคุมบังคับ ชั้นเชิงทางโลกที่เหนือกว่าวางกับดักเรื่องการเงินและอื่นๆ
พอพระรู้ไม่ทันพลาดเข้าก็จะขู่เรียกเงินฯลฯ ระบบการปกครองคณะสงฆ์ไทยจะสั่นคลอนอย่างรุนแรงถึงราก

ขอพระคุณเจ้าทุกรูปและญาติโยมชาวพุทธทุกคนช่วยกันกรอกใบแสดงความเห็นที่แนบ มาพร้อมกันนี้
เป็นสังฆมติ และเป็นประชา มติ ส่งไปที่หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย
จะช่วยเป็นสื่อกลางรวบรวมเสนอรัฐบาลและมหาเถรสมาคมต่อไปด้วย

กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง/ขอเจริญพร

พระนิสิตมหาจุฬา
11 พฤษภาคม 2542

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#24 usr34637

usr34637
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2010 - 11:40 PM

ขอบคุณคุณ Dd2683 มากค่ะ

กระจ่างชัด ตรงคำถามเลยค่ะ

ที่ดิฉันต้องการคำตอบ คือรู้ไว้ป้องกันตัวและเพื่อปกป้องหมู่คณะที่ดิฉันได้เคยสร้างบารมีร่วมกันมานานแสนนานค่ะ

#25 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 18 May 2010 - 03:27 AM

มี case ด้วยค่ะ

QUOTE
วัดมีเรื่องโดนโจมตี เรื่องชาวนา ลูกเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เห็นว่าวัดโดนรังแก จึงอยากจะช่วยวัด จากนั้นเวลาทำบุญอะไรก็อธิษฐาน ขอให้สามีย้ายมาเป็นนายอำเภอคลองหลวงให้ได้ ซึ่งต่อมาคำอธิษฐานก็เป็นจริง เพราะสามีได้ย้ายมาเป็นนายอำเภอคลองหลวง พอย้ายมา ก็เข้ามาตรวจวัดเองเลย ดูทุกซอกทุกมุม เปิดกุฏิค้นหมดโดยไม่รู้ว่าเป็นกุฏิใครบ้าง ปรากฏว่าในแต่ละกุฏิไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็นอะไร มีแต่ที่นอน เสื่อ กลด และที่มีข่าวว่าใต้โบสถ์มีอาวุธสงคราม มีการส่องสุมกำลังคน เป็นคอมมิวนิสต์ มีโน้นมีนี่อย่างที่ลงข่าวกัน ก็ปรากฏว่าใต้โบสถ์มีแต่เครื่องอัฐบริขาร ต่อมาสามีก็ได้ขอดูเรื่องกฎหมายการเช่า วัดก็ปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพราะได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่านาทราบว่า จะเลิกสัญญาเช่า และก็ได้รอถึง 7 ปี แต่ชาวบ้านเหล่านั้น ได้ถูกจ้างวาน และถูกยุแยงให้เข้ามาทำลายของวัด เช่น ทุบพระพุทธรูป เผากุฏิ รื้อถอนสระบัว แต่วัดกลับถูกกล่าวหาว่ารังแกชาวบ้าน แม้ในงานวันทอดกฐินของวัด อยู่ๆ ก็มีพวกชาวบ้าน ถือคบเพลิงวิ่งเข้ามา เผาหลังคากุฏิจากไหม้ไปหนึ่งหลัง ต่อมาชาวบ้านที่ถูกยุยงได้พากันมาเป็นร้อย มารื้อถอนสระบัวในวัด มาจับปลาปิ้งกินแกล้มเหล้าอยู่ในเขตวัด จนสามีและลูกทนไม่ได้ จึงไปกราบเรียนหลวงพ่อทัตตะว่าจะไปอัดมันเลยดีไหม แต่หลวงพ่อทัตตะท่านห้ามไว้ไม่ให้ทำ เดี๋ยวจะเป็นการผูกเวรกัน ก็ให้ยอมๆไปไม่อยากมีเรื่องใหญ่โตกว่านี้ สามีของลูกก็รู้สึกสลดใจว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมเอาเลย เพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ยิ่งเล่าก็..ยิ่งสงสารวัด ที่โดนเข้าใจผิดอย่างรุนแรงและโดนลงข่าวจนเสียหายมาจนถึงปัจจุบัน

ตอนนั้นสามีและ ลูกก็ได้พยายามจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม ได้ทำการชี้แจงแก้ไขข่าว เจรจาสงบศึกกับชาวบ้าน โดยให้นักข่าวมาดูด้วยตาตัวเอง เขาก็ลงแก้ข่าวให้ แต่ลงให้ตัวเล็กๆ คนส่วนใหญ่เลยเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมา


ในสมัยนั้นไม่มีใครกล้ามาใส่บาตรกันเลย ข้าราชการก็ไม่สนใจ สามีในฐานะเป็นนายอำเภอและตัวลูกซึ่งเป็นภรรยานายอำเภอ จึงตั้งตนเป็นต้นแบบออกมาตักบาตร โดยขอให้ข้าราชการและลูกน้องให้ออกมาตักบาตรด้วยกัน ครั้งนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะ ท่านออกนำพระบิณฑบาตผ่านมายังหน้าบ้านของลูกและสามีวันละ100 กว่ารูปทุกวัน ไม่ขาดตลอด 3 เดือนเต็ม ชีวิตช่วงนั้นลูกมีความสุขมาก เพราะได้ตักบาตรพระเป็นร้อยๆรูป ซึ่งลูกต้องขอกราบแทบเท้าขอบพระคุณหลวงพ่อทั้ง2 เป็นที่สุดที่ให้ลูกได้มีโอกาสทำบุญนี้ ซึ่งเป็นบุญที่ลูกจดจำและปลื้มใจที่สุด ตราบถึงทุกวันนี้ค่ะ

QUOTE
“ม๊อบชาวนา” และกลุ่มยุยงปลุกม๊อบชาวนากลุ่มนี้บางส่วนก็จองเวรข้ามชาติมา , บางส่วนก็เกิดจากการยุยงในชาตินี้, ส่วนที่จองเวรข้ามชาติมา เพราะเคยสู้รบกันจากการป้องกัน แว่นแคว้น แม้ชาตินั้นเราจะถูก แต่ก็ผูกเวรกันมาจ่ะ !
  • จะมีวิบากกรรม คือ ถ้าภาพที่ทำไม่ดีได้มาฉายเป็นกรรมนิมิต จิตก็จะเศร้าหมองและต้องไปอบายจ่ะ!
  • บางคนตายไปแล้ว ก็ได้ไปอยู่ใน “ภพพิเศษ” จ่ะ !
http://www.dmc.tv/pa...2548-12-03.html

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#26 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 18 May 2010 - 08:22 AM

...ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย แม้จะรู้แต่ก็ไม่ลึกขนาดนี้ น่าจะก็อปเอาไปเผยแผ่ แก้ต่างบ้างนะ อย่างน้อยก็ให้ชาวพุทธด้วยกันตัดสินเองว่าจะเชื่ออันไหน เชื่อการทำลายชาวพุทธก็ถูกทำลาย เชื่อการฟื้นฟูพุทธศาสน์ก็ถูกฟื้นฟู
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#27 Lonely_Wolf

Lonely_Wolf
  • Members
  • 68 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2010 - 12:24 PM

เรื่องพระลิขิต ขอตั้งข้อสังเกตอีก 1 ข้อ

ในสมัยพุทธกาล
เมือมีการโจทย์พระภิกษุรูปใด ว่าต้องอาบัติหนัก
พระพุทธเจ้า ท่านจะทรงเรียกพระภิกษุรูปนั้น
มาสอบถามความจริงก่อนเสมอ
พระองค์ไม่เคยปรับอาบัติพระภิกษุ
เพียงแค่ฟังจากข่าว หรือฟังจากบุคคลอื่นเลย

สมเด็จพระสังฆราชเอง ท่านเป็นผู้ทรงธรรม
ท่านต้องทราบข้อนี้เป็นอย่างดี
ต้องไม่ทรงทำอะไรนอกเหนือพระพุทธเจ้าแน่ๆ
และคงไม่ปรับอาบัติใครโดยไม่เรียกมาสอบถามก่อน

แต่พระลิขิตของพระสังฆราชที่ออกมา
ปรับอาบัติหลวงพ่อ โดยที่ไม่เคยเรียกหลวงพ่อไปสอบถามเลย
เพียงแต่ฟังจากข่าว หรือมีผู้อื่นบอกแค่นั้น
จึงไม่ใช่วิสัย ของพระสังฆราชอย่างแน่นอน

แล้วประเด็นเรื่องพระลิขิตปลอมนี้
ภายหลังจากที่มีข่าววัด
ปรากฎว่า ได้มีการจับกุมพระภิกษุในวัดบวร
ในเรื่องการปลอมแปลงพระลิขิต
ยักยอกทรัพย์เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตนอีกด้วย
ซึ่งเป็นข้อยืนยันได้ว่า
การปลอมแปลงพระลิขิตนั้น มีเกิดขึ้นจริงๆ

จากข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้น
จึงน่าเชื่อได้ว่า พระลิขิตที่ออกมา
ไม่ได้ออกมาโดยสมเด็จพระสังฆราช
แต่อาจจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มทำขึ้น
เพื่อต้องการเล่นงานหลวงพ่อ

โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่า
หากเป็นไปตามลิขิตปลอมนั้น
จะสร้างความเสียหายแก่พระศาสนาขนาดไหน
ตามที่คุณDd2683 ได้โพสต์มา



เรื่องการปลอมแปลงพระลิขิต
ลองอ่านเพิ่มเติมที่นี่ดู
http://www.the-thain.../jn060247_1.htm
จะได้รู้ว่ามีเกิดขึ้นจริงๆ
และเป็นเหตุให้เกิดการตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช

เดียวดายใต้เงาจันทร์

#28 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 May 2010 - 11:00 AM

เรื่องนี้เป็นข้อสงสัยของผู้เข้าวัดใหม่ทุกครั้ง พวกผมเองก็ได้พระอาจารย์ท่านให้ความกระจ่าง นะครับ