หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 3
#1
โพสต์เมื่อ 03 October 2006 - 11:30 PM
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra
การผิดศีลข้อ 3 มีองค์ประกอบ คือ
1. ไปยุ่งกับคนที่เป็นคนต้องห้าม
2. มรรคถึงกัน คือ อวัยวะเพศจรดกัน ถือว่า ผิดศีลแล้ว แต่ในทางกฎหมาย ถือที่ของฝ่ายชายล่วงล้ำไปในของฝ่ายหญิง 1 องคุลี
บุรุษต้องห้ามของสตรี สำหรับสตรีที่มีสามีแล้ว หมายถึง ชายอื่นเว้นจากสามีตัวเอง ถ้ายังไม่มีสามี จะหมายถึง ชายที่จารีตห้าม เช่น นักบวช หรือชายที่เป็นญาติของตัวเอง เช่น พ่อ ปู่ ลูก
สตรีต้องห้ามของบุรุษ คือ สตรีที่เป็นญาติของตัวเอง เช่น แม่ ยาย ย่า ลูก และหญิงนักบวช เช่น แม่ชี หญิงที่มีญาติรักษา คือ มีสามี หรือญาติพี่น้องหวงแหนอยู่ ดังนั้น การไปเที่ยวโสเภณีมีโอกาสเสี่ยงที่จะผิดมาก เพราะเราไม่รู้ว่าเขาถูกหลอกมาขายหรือไม่ เขาเต็มใจหรือไม่ หากเขาเต็มใจ พ่อแม่ของเขาเต็มใจหรือไม่ หรือแม้ในปัจจุบันที่ไม่ค่อยถือในเรื่องนี้แล้ว ตัวเขาเองเต็มใจ แต่ญาติพี่น้องของเขาไม่เต็มใจ ก็ถือว่าผิดศีล เมื่อนึกถึงหัวอกของพ่อแม่ที่รู้ว่าลูกของตัวเองมีอะไรกับคนอื่น ก็ต้องทุกข์ใจ
ผู้บริหารชาวอเมริกันท่านนี้ บอกว่า วิสาหกิจที่ยิ่งใหญ่นั้น เติบโตได้เพราะมีคนดี มีความสามารถอยู่ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ถ้าเกิดการซวดเซ แสดงว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ถ้าให้คนไม่ดีที่อยู่ในระดับสูงออก แล้วคนดีอยู่ในระดับต่ำกว่าได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถ ก็จะทำให้งานดำเนินไปได้ จนกระทั่งฟื้นขึ้นมาได้ ในรายละเอียดของเทคนิควิธีการคัดคนยังมีอีกมาก นอกจากนี้ผู้บริหารที่กอบกู้ไครสเลอร์ขึ้นมาได้ ก็ใช้หลักการเดียวกัน คือ การคัดคน เขาได้ศึกษาพบว่า มีรองประธานบริษัทถึง 35 คน แต่ละคนอยู่คนละสายงาน และไม่มีการประสานกัน เหมือนเป็นรัฐอิสระย่อยๆ หลังจากนั้น เขาเชิญออก 33 คน เหลือไว้เพียง 2 คน แล้วเลือกคนใหม่ที่มีความสามารถเข้ามา ใครที่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขให้ออก ใครที่ไม่มีฝีมือไม่ดีให้ออก ใครที่อยู่ไปวันๆ ก็ให้ออก ถ้าสามารถหยุดตน หยุดใจ หยุดคิด จะพบทางออก ให้จำไว้เสมอว่า คนดีจะแก้ปัญหาด้วยความดี เมื่อมีปัญหาใดๆ ให้ใช้ความดีเข้าแก้ แล้วปัญหาจะค่อยๆ คลี่คลาย
โยมผู้หญิงคนหนึ่งเป็นครู เล่าให้ฟังว่า สามีรักครอบครัวมาก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เลิกงานแล้วก็กลับถึงบ้าน แล้วทำกับข้าวมื้อเย็นทานด้วยกันทั้งบ้าน วันหนึ่งภรรยาทำกับข้าวรอสามีอยู่ จนกระทั่งสี่ทุ่มก็ยังไม่กลับ ห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ พอสี่ทุ่มกว่า เห็นเดินเข้ามา ก็ทราบว่าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร ถ้าคนทั่วไปก็คงจะโวยวายใส่สามี แต่ภรรยาทำเฉย แล้วเดินไปเอาข้าวและกับข้าวไปอุ่น เพื่อจะได้ทานข้าวด้วยกัน กว่าจะถึงบ้าน สามีก็ไม่สบายอยู่แล้ว กลัวว่าจะถูกต่อว่า แต่ภรรยาไม่ทำเช่นนั้น สามีรู้สึกผิดแล้วเดินไปแตะบ่าภรรยาแล้วบอกว่า ผมขอโทษนะ ต่อไปผมจะไม่ทำอย่างนี้อีก ภรรยาก็ยิ้มออก แล้วบอกว่า เดี๋ยวมาทานข้าวด้วยกันเถอะ จากวันนั้นเป็นต้นมา สามีไม่เคยผิดเวลาอีกเลย คนทุกคนมีมโนธรรมอยู่ในใจ รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด คนทุกคนมี 2 ด้าน คือ ด้านดี กับ ด้านไม่ดี เราจะปฏิบัติกับใคร ต้องหาทางกระตุ้นมโนธรรมของเขาให้ออกมาแสดงบทบาท ให้แก้ปัญหาด้วยความดี แล้วทุกอย่างจะไปได้ดี พยายามใช้ความดีให้มากที่สุด ถ้ากรณีกลับกัน ถ้าภรรยาโวยวาย ก่อนจะถึงบ้าน สามีก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว รู้สึกว่าตัวเองผิด แต่ทุกคนก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ถ้าภรรยาขึ้นเสียงว่า อะไรกัน กลับมาป่านนี้ รู้ไหม ข้าวยังไม่ได้กิน ห่วงจะแย่ สามีก็จะแก้ตัวตามมา จนกระทั่งเกิดการทะเลาะกัน แล้ววันรุ่งขึ้นก็เอาอีก ไม่มีวันจบ ดังนั้น ถ้าแก้ปัญหาด้วยความดี แล้วมันจบ ถ้าหยุดใจได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังจะประทุษร้ายด้วยวาจา แล้วไม่ทำ ก็หยุดใจไว้ได้ ใครหยุดใจไม่เป็น อยู่กับใคร ก็ชนคนนั้น ก็จะมีปัญหา เราจึงควรต้องหยุดให้เป็น
ฆราวาสธรรมข้อที่ 3 คือ ขันติ ได้แก่ ความอดทน มี 4 ระดับ คือ
1. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ทนแดด ทนฝน ทนหนาว ไม่ยอมถอย เป็นคนหนักเอาเบาสู้ ไม่กลัว ไม่ถือหลัก ไม่หลบไม่อู้ก็สู้ไม่ไหว หลบๆ อู้ๆ พอตู๊กันไป นายจ้างก็เลี้ยงไม่ไหวเหมือนกัน ความลำบากคล้ายสุนัขดุ สุนัขที่ดุมาก วิ่งเข้ามาหา ถ้าเราวิ่งหนี มันจะวิ่งไล่กวด แต่ถ้าเราอยู่เฉยๆ มันก็หยุด แต่ถ้าเราเดินเข้าไปหา มันถอย คนที่เลี่ยงงานหนักตลอดเวลา จะรู้สึกว่ามีงานหนักตลอดเวลา แล้วก็หนีไม่พ้น แต่ถ้าไม่กลัวงานหนัก อะไรก็ดูง่ายไปหมด
เกิดมาเป็นคน ต้องสู้งาน ต้องรู้จักให้เหงื่อออกซะบ้าง ถึงจะก้าวหน้า มีความสุข ถ้าเอาแต่หลบ ไม่ยอมให้เหงื่อออก เหงื่อจะหลบอยู่ข้างใน แล้วกลั่นออกมาเป็นน้ำตาในภายหลัง ให้เชื่อว่า คนมีความอดทนต่องานหนักได้มาก ผู้ที่มาอบรมธรรมทายาท เคยนอนห้องแอร์ เคยมีคนขับรถให้ มีคนหุงหาอาหารให้ ไม่ต้องซักผ้าเอง แต่เมื่อมาบวชแล้ว ทุกคนเท่าเทียมกัน ถอดยศ ปลดกระบี่ กลายเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย ต้องซักเสื้อผ้าเอง เดินธุดงค์ไกลๆ ก็ทำได้ ถ้าได้ทำ ก็ทำได้ ที่ทำไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ทำ ขอให้เราสู้ ทุกอย่างก็ทำได้ เช่น ล้างส้วม ก็ใช้มือล้วงเข้าไปถู เพราะถ้าใช้ใยขัด ผิวจะเสีย ไม่ทน ยิ่งล้วงยิ่งลึก ยิ่งลึกยิ่งใส ยิ่งใสยิ่งสว่าง ความเปรอะเปื้อนภายนอก ล้างน้ำก็หายไป แต่สิ่งที่สะอาดขึ้นมา คือ ใจของเรา ทิฐิมานะร่อนหลุดไปจากใจ มีความสุข อย่ากลัวความลำบาก ให้อดทนทำไป
2. อดทนต่อทุกขเวทนา คือ ความไม่สบาย เจ็บปวด อย่าเจ้าสำออยเกินไป เช่น คนไข้ในห้องฉุกเฉิน คนที่ร้องดังที่สุด คือ คนที่นิ้วขาด รองลงมา คือ คนที่แขนขาด เบาลงมาอีก คือ คนที่แขนขาดสองข้าง ส่วนคนที่ไม่ร้อง คือ คนที่ตายแล้ว ดังนั้น คนที่ร้องโวยวาย คือ ยังหนักไม่จริง ถ้าหนักจริง จะไม่มีแรงร้อง ต้องรู้จักอดทน แต่ไม่เพิกเฉย ปล่อยให้เป็นมาก ต้องพอสมควร หาจุดพอดีให้เจอ
3. อดทนต่อความเจ็บใจ ทนต่อความกระทบกระทั่ง เพราะอยู่กับคนหมู่มาก อาจมีความรู้สึกว่า คนอื่นทำไม่ถูกใจเรา ขัดหูขัดตาขัดใจ บางคนตั้งใจดี แต่อัธยาศัยคนละอย่าง บางคนเป็นชาววัง บางคนเป็นลูกทุ่ง ความทุกข์จากส่วนนี้ มีมาก จนมีคำกล่าวว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก สาเหตุของการกระทบกระทั่ง คือ ความถือตัว คนไหนถือตัวมาก คนนั้นมีเหตุกระทบกระทั่งมาก คนไหนไม่ถือศักดิ์ศรีมาก จะมีความสุข ยิ่งถือตัวมากเท่าไร ยิ่งทุกข์ ยิ่งกระทบกระทั่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเราสังเกตก็จะพบความจริง เช่น คนที่ถูกตบหัว รู้สึกโกรธ จนมีเรื่องกัน ทั้งที่ความเจ็บไม่ได้มาก ถ้าเป็นตลก ตีหัวกันแรงๆ ด่าพ่อแม่กัน พอลงจากเวที เขาก็ไม่โกรธกัน เพราะคนวางตัวเองลง ไม่ถือตัว เขาสมมติตัวเองเป็นคนอื่น ความถือตัวคือบ่อที่เกิดแห่งความกระทบกระทั่ง เราไม่ควรถืออะไรมาก แต่ให้รู้ว่าเรามีศักดิ์ศรี เพราะศักดิ์ศรีไม่ได้อยู่ที่ความถือตัว แต่อยู่ที่คุณธรรมความดีภายในตัว
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ความนำอัสมิมานะ (ความถือตัว) ให้หมดได้ ข้อนี้แลเป็นสุขอย่างยิ่ง ตอนที่คุยกับเพื่อน ไม่รู้ตัวว่าเพื่อนว่า มานึกได้ทีหลังว่า ลืมโกรธ เกิดความถือตัว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปต่อว่า เขาจึงสร้างความทุกข์ให้ตัวเขาเอง คนอื่นเป็นเพียงส่วนประกอบ คนหลักคือตัวเอง เราเอาตัวของเราวางลงซะบ้าง แล้วจะมีความสุข
4. อดทนต่อสิ่งที่เย้ายวนใจ ถือว่ายากที่สุด เขาด่าว่าแล้วไม่ให้โกรธว่ายากแล้ว แต่เขาชมแล้วไม่ให้ยิ้มนี้ยากกว่า บางคนถือว่า ชมจนเอียน ดีกว่าติเตียนจนถูกอัด ความเย้ายวนใจที่ต้องระวัง 3 อย่าง คือ
1) สตรี เชื่อได้ อย่าไว้ใจใคร แม้แต่ตัวเอง เพราะใจคนกลิ้งยิ่งกว่าน้ำบนใบบอน โอกาสที่จะแพ้ใจมีมาก โดยเฉพาะเรื่องเพศตรงข้าม อย่าให้เกิดโอกาสที่จะพลาดได้ เก่งเท่าเก่ง ที่เก่งกว่าเรายังมี แต่พลาดท่าเสียทีมาก็เยอะต่อเยอะ เรื่องนี้พลาดแล้วแก้ยาก
2) สตางค์ เรื่องลาภ ทรัพย์ ถ้าไม่ระวัง เกิดอยากได้ แล้วทำเรื่องผิดพลาดเข้า คนเราเกิดความเคยตัวได้ง่าย ความต้องการไม่เคยพอ เช่น ห้องทำงานเล็กที่เคยทำงานได้ แต่เมื่อได้งบประมาณมา ก็ขยายห้องให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่า ติดแอร์ จนสบาย เมื่อกลับมาที่ห้องเดิม ชักจะทนไม่ได้ ชักจะอึดอัด หรือเมื่อ 10 ปีก่อน ขึ้น taxi ไม่มีแอร์ได้ แต่สมัยนี้ คันไหน ไม่มีแอร์ ขึ้นไม่ได้ มันร้อน มันอึดอัด ถ้ามีความเคยตัวมากเกินไปจนกลับลงมาสู่สภาพเดิมไม่ได้ ก็จะมีโอกาสไปทำความผิดพลาดตามมาอีกหลายอย่างได้ ในหลวงท่านสัมผัสกับความลำบากอยู่เสมอ ท่านเป็นผู้อยู่ง่าย เสวยง่าย เราอย่ากลัวความลำบาก อย่าเคยชินกับความสบายมากเกินไป
3) สรรเสริญ เมื่อชมมากๆ เข้า ชักเห็นตัวเองเป็นเทวดา เดี๋ยวจะพลาด เกิดความประมาท เราต้องไม่หลงตัวเอง ต้องรู้จักตัวเองว่า มีคุณธรรมความสามารถมากแค่ไหน ต้องติดดินเสมอ จึงจะเดินได้อย่างมั่นคง คนไหนเท้าไม่ติดดิน ยิ่งขึ้นสูง ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ หรือบางทีอาจตกลงมาถึงตาย ถ้าหากเท้าติดดิน จะปลอดภัย ต้องไม่หลงกับคำสรรเสริญ มูฮัมเหม็ด อาลี นักมวยชื่อดัง ได้คุยกับเติ้งเสี่ยวผิง เขาถูกถามว่า ออกหมัดได้เร็วแค่ไหน เขาตอบว่า 1,000 ครั้งต่อวินาที แล้วเติ้งเสี่ยวผิงตอบมาว่า ภูเขาที่สูง มันก็สูงได้เท่านั้น ไม่สูงกว่านั้นแล้ว ต้นไม้เมื่อโตจนสุด ก็โตได้เพียงเท่านั้น ไม่โตกว่านั้นแล้ว เมื่อไร คุณจะแขวนนวม มูฮัมเหม็ดไม่เข้าใจ เติ้งเสี่ยวผิงเข้าใจชีวิตได้ดี เขารู้ว่าคนๆ นี้หมดน้ำยาแล้วเพราะหลงตัวเอง คนเราเมื่อหลงตัวเอง ถือว่าตกอยู่ในความประมาท เมื่อประมาทก็จบกันทุกอย่าง ความหมายของคำที่เติ้งเสี่ยวผิงพูด คือ คุณรีบแขวนนวมซะเถอะ ดีกว่าปล่อยให้คนอื่นทำให้คุณพ่ายแพ้กลับมาด้วยความปราชัย คนที่อยู่ในสถานะที่มีโอกาสได้รับคำชมมากๆ ต้องระวังคำสรรเสริญให้มาก
#2
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 12:08 AM
เลือกเอา ใจใสๆ
#3
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 06:58 AM







ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#4
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 09:21 AM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#5
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 06:15 PM
ขอบคุณครับ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#6
โพสต์เมื่อ 04 October 2006 - 08:06 PM
ปล. Peacefulness creative มากๆ ที่จัดทำ links ตอนที่ 1+2 ไว้ใน reply ด้วย

#7
โพสต์เมื่อ 05 October 2006 - 12:35 PM
น้อมรับคำสอนด้วยความเคารพ
กราบแทบเท้าหลวงพ่อและพระอาจารย์ทุกท่าน
ที่ช่วยสั่งสอนลูกค่ะ
ขอให้ทุกคนมีสันติสุขภายในค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 27 March 2007 - 12:58 PM